ทยอยปรับเพิ่มปีละ 10% ในปี 2567 และ 2568 พร้อมจ้างนักการ ภารโรง ให้ทุกโรงเรียนที่ขาด 13,751 อัตรา มุ่งลดภาระงานครู ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน
วันนี้ (30 เม.ย.67) สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเห็นชอบการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ การปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และแนวทางปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบราชการ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการปรับอัตราเงินเดือนใหม่พร้อมกันในวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 และในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่ 1 การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุทุกคุณวุฒิ เป็นกลุ่มของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่บรรจุใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 และ 1 พฤษภาคม 2568
- กลุ่มที่ 2 การปรับเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบ สำหรับบุคคลที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งอยู่ก่อนวันที่อัตราเงินเดือนแรกบรรจุใหม่มีผลใช้บังคับ (วันที่ 1 พ.ค. 67 และ 1 พ.ค. 68) และได้รับอัตราเงินเดือนไม่เกินอัตราสูงสุดที่กำหนด ให้ได้รับการปรับเงินเดือนชดเชยในแต่ละคุณวุฒิ
สำหรับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุทุกคุณวุฒิ จะทยอยปรับเพิ่มปีละ 10% ในปี 2567 และ 2568 และภายใน 2 ปี ผู้ที่บรรจุด้วยคุณวุฒิปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท และปรับคุณวุฒิอื่น ๆ ให้สอดคล้อง ส่วนการปรับอัตราเงินเดือนชดเชยกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะดำเนินการปรับอัตราเงินเดือนจำนวน 2 ครั้ง
นอกจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการ เล็งปรับเงินเดือนกลุ่มเป้าหมายข้าราชการพลเรือนสามัญ พนักงานราชการ ที่อยู่ในสังกัดอีกด้วย จากเดิมเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 13,285 บาท เป็น ไม่ถึงเดือนละ 14,600 บาท ปรับ ‘เพดานขั้นต่ำของเงินเดือน’ รวมกับ ‘เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว’ จากเดิมเดือนละ 10,000 บาท เป็น เดือนละ 11,000 บาท และปรับ ‘เงินเพิ่มการครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญขั้นต่ำ’ จากเดิม 10,000 บาท เป็น 11,000 บาท
“การเพิ่มเงินเดือนยังเป็นการยืนยันถึงความห่วงใยและความใส่ใจที่รัฐบาลมอบให้ครูและข้าราชการทุกคนในประเทศอย่างเต็มใจ ขอให้การเพิ่มเงินเดือนนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเสริมสร้างกำลังใจให้แก่ครูและข้าราชการทุกคน”
สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ
นอกจากนี้วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ยังเป็นวันที่เริ่มจ้างนักการภารโรงจำนวน 13,751 อัตรา ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งลดภาระงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนของครู โดยให้โรงเรียนมีผู้ปฏิบัติงานนักการภารโรงครบทุกโรงเรียน ซึ่งหน้าที่ของนักการภารโรง ได้แก่ ดูแลและทำความสะอาดบริเวณทั่วไปภายในพื้นที่ของโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนมีความเหมาะสมต่อการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอน ดูแลอาคารเรียนและดูแลความสะดวกในการใช้พื้นที่ของโรงเรียน รวมถึงงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้น