คุยลดภาระงาน ประเมินตัวชี้วัดครูเกือบ 100% ยกเลิกครูเวร เดินหน้าสร้างการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยทุกวัย ยกเว้นเครื่องแบบนักเรียนยากจน สร้างรายได้ระหว่างเรียน แก้เด็กหลุดจากระบบ เล็งให้ รร.วิทย์ พี่เลี้ยงอบรมครูติวสอบ PISA
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ย้ำถึงการสานต่อนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ที่ดำเนินการมาแล้วตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้านโยบายตามคำแถลงของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้น การพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัย ส่งเสริมการเข้าถึงศูนย์ดูแลเด็กปฐมวัยที่มีมาตรฐาน พัฒนาเด็กให้มีทักษะวิทย์-คิดวิเคราะห์พร้อมนำ AI เข้ามาสนับสนุนการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบ 10 นโยบายสำคัญที่จะขับเคลื่อนต่อในปีหน้า ประกอบด้วย
- การส่งเสริมการเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียม
- เพิ่มการเข้าถึงศูนย์ดูแลเด็กปฐมวัยที่มีมาตรฐาน
- ส่งเสริมทักษะด้านศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬา
- พัฒนาระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น โดยใช้เทคโนโลยีลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
- ใช้ AI เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้สองภาษา
- เน้นการเรียนรู้ที่ใช้สร้างรายได้จริง (Learn to Earn)
- ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษา
- ค้นหาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
- ปฏิรูประบบอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานในอนาคต
- ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long learning)
ศธ. อวดผลงาน 1 ปี ลดภาระครู-นักเรียน
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการได้มีการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” หวังยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับความเป็นเลิศ และสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตของนักเรียนและครูทั่วประเทศ ด้วยแนวคิด “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบการศึกษา โดยมีผลงานทางนโยบายที่ดำเนินไปแล้ว ดังนี้
นโยบายเรียนดีมีความสุข (ลดภาระครู)
- ปรับการประเมินวิทยฐานะออนไลน์ เพื่อให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรม พร้อมป้องกันการทุจริตในการเสนอขอประเมิน
- ระบบประเมินวิทยฐานะผ่านระบบออนไลน์ (DPA) มีผู้คำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะผ่านระบบ 130,365 ราย ได้รับประเมินแล้ว 84,387 ราย (64.37%)
- ระบบประเมินวิทยฐานะผ่านระบบออนไลน์ (DPA) มีผู้คำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะผ่านระบบ 130,365 ราย ได้รับประเมินแล้ว 84,387 ราย (64.37%)
- โครงการครูคืนถิ่น จัดระบบโปร่งใสให้ครูสามารถย้ายกลับภูมิลำเนาผ่านระบบ TMS และจัดการย้ายครูด้วยระบบ TRS
- ยกเลิกครูเวร เน้นความปลอดภัยของครู บังคับใช้ในสถานศึกษา 20,000 แห่ง สังกัด สพฐ.
- จ้างนักการภารโรง ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน เพื่อให้ครูสามารถมุ่งเน้นการสอนในห้องเรียนได้มากขึ้น
- ปรับลดงานซ้ำซ้อน เช่น การประเมินที่ไม่จำเป็น เพื่อลดภาระและให้ครูมีเวลาในการดูแลนักเรียนมากขึ้น
- ลดการประเมินตัวชี้วัด 85.19%
- ลดการประเมินโครงการหรือภาระงานจากส่วนกลาง 99.93%
- ลดการนำเข้าข้อมูลโครงการนอกแผน 56.57% (จาก 10,863 โครงการเหลือ 6,145 โครงการ)
นโยบายเรียนดีมีความสุข (ลดภาระนักเรียน)
- ระบบแนะแนวชีวิตและสุขภาพ เสริมสร้างทักษะชีวิต ดูแลสุขภาพกายและจิตใจของนักเรียน พร้อมมาตรการป้องกันอันตรายจากยาเสพติด
- อาหารกลางวันฟรี สำหรับนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทุกสังกัด เพื่อแก้ปัญหาทุพโภชนาการ
- งบอาหารกลางวัน 2,955 ล้านบาท ในกลุ่ม รร.ขยายโอกาสทุกสังกัด 7,344 แห่ง ให้กับผู้เรียน 575,983 คน (เฉลี่ยหัวละ 5,130 บาท)
- งบอาหารกลางวัน 2,955 ล้านบาท ในกลุ่ม รร.ขยายโอกาสทุกสังกัด 7,344 แห่ง ให้กับผู้เรียน 575,983 คน (เฉลี่ยหัวละ 5,130 บาท)
- โครงการสุขาดีมีความสุข ปรับปรุงห้องน้ำในโรงเรียนกว่า 29,000 แห่งให้สะอาดและได้มาตรฐาน
- ปรับปรุงห้องน้ำ 59,262 หลัง จาก 81,913 หลัง (72.3%)
- จัดสรรงบฯ ให้ รร. ขนาดเล็ก 9,700 แห่ง แห่งละ 10,000 บาท
- ยกเว้นการแต่งเครื่องแบบนักเรียน สำหรับครอบครัวที่มีปัญหาทางการเงิน
นโยบายการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- ระบบวัดผลและวิชาชีพ เชื่อมโยงการศึกษาและโลกอาชีพ พร้อมการจัดทำหลักสูตรทวิวุฒิไทย-จีน
- จัดหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมฯ ปลาย (ทวิศึกษาแนวใหม่) ใน รร.สพฐ. 114 แห่ง กับสถานศึกษา สอศ. 71 แห่ง มีนักเรียน 3,593 คน
- จัดหลักสูตรทวิศึกษา ให้นักเรียนโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ 1,178 คน จาก 36 แห่ง และวิทยาลัยสังกัด สอศ. 47 แห่ง
- การเทียบระดับผลการศึกษา ให้ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษสามารถเทียบโอนทักษะ และเพิ่มคุณวุฒิได้
- จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน 1,043 แห่ง
- จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน 1,043 แห่ง
- สร้างรายได้ระหว่างเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้จากการปฏิบัติ และทักษะใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ตลาดงาน
- จัดกิจกรรมฝึกอาชีพส่งเสริมการมีรายได้ผ่าน สกร. จังหวัด 928 แห่ง
- มีหลักสูตรฝึกอาชีพ 3,949 หลักสูตร
- มีผู้ผ่านการฝึกอาชีพ 302,905 คน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท/เดือน จบแล้วมีงานทำคิดเป็น 86.88%
นโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา
- เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา พัฒนาสื่อดิจิทัลและระบบคลาวด์ รองรับทุกแพลตฟอร์มการเรียนรู้
- จัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการ จัดหาอุปกรณ์การเรียนรู้ และสร้างระบบนิเวศดิจิทัลร่วมกับองค์กรชั้นนำ
- ระยะแรก: จัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้ รร. ขาดแคลน 5,348 แห่ง
- ระยะสอง: จัดหาอุปกรณ์การเรียนที่เหมาะสมตามวัย ให้ รร. สังกัดสพฐ. อีก 29,312 แห่ง
- ศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล เพื่อให้นักเรียนที่พักรักษาตัวสามารถเรียนต่อเนื่องได้
นโยบายแก้หนี้ครู
- แก้ไขปัญหาหนี้สินครู เช่น ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ยกระดับการหักเงินเดือนให้ครูมีสภาพคล่อง หมดหนี้เร็วขึ้น แก้ไขหนี้ครูกลุ่มวิกฤต จัดสรรวงเงินให้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียน เพื่อแก้ไขบรรเทาภาวะหนี้สิน พร้อมจัดอบรมให้ความรู้ด้านการเงินเดินเครื่องเต็มกำลังกับความร่วมมือ 13 หน่วยงาน
นโยบายเด็กหลุดจากระบบการศึกษาเป็นศูนย์ (Zero Dropout)
- ลงนาม MOU ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนออกนอกระบบการศึกษา
- ปีงบประมาณ 2567 เริ่มนำร่องปูพรมค้นหาเด็กในพื้นที่ 25 จังหวัด และพาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 20,000 คน
- ปีงบประมาณ 2568 ขยายมาตรการให้คลอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด พาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 100,000 คน
- ปีงบประมาณ 2569 พาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 50,000 คน
- พาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 1,000,000 คน ภายในปีงบประมาณ 2570 ซึ่งจะทำให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
นโยบายสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย
- ความร่วมมือระดับชาติมีการลงนามความร่วมมือกับหลายหน่วยงานภาครัฐเพื่อสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย
- ขับเคลื่อนแผนการสอนวิชาประวัติศาสตร์โฉมใหม่ คิกออฟมหกรรมวิชาประวัติศาสตร์ นำร่อง 7 จังหวัด ขยายผลเดินหน้าโร้ดโชว์ทั่วประเทศ
นโยบายอื่น ๆ
- จ้างครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ ให้โอกาสครูอัตราจ้างและครูสอนศาสนาเข้ารับการคัดเลือกเป็นข้าราชการครู
- ปี 2567 เปิดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย 3,796 อัตรา จาก 54 กลุ่มวิชา
- ปี 2567 เปิดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย 3,796 อัตรา จาก 54 กลุ่มวิชา
- หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนคุณภาพ สนับสนุนโรงเรียนขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก พร้อมบริการรถรับส่ง
เล็งให้ รร.วิทย์ เป็นพี่เลี้ยงอบรมครูติวเข้ม PISA ให้ทันสอบในปี 2568
รมว.ศธ. ยังเผยว่า กระทรวงฯ ยังได้ร่วมมือระดับชาติมีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายด้าน เช่น การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งเสริมความรู้ทางการเงิน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สร้างจิตสำนึกความเป็นไทย การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนออกนอกระบบการศึกษา การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในสถานศึกษา
นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับผลประเมิน PISA โดยจัดทำโครงการโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง ให้โรงเรียนสายวิทย์เป็นพี่เลี้ยงพัฒนาครูแกนนำจัดอบรมการใช้ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA เพื่อให้นักเรียนเกิดความคุ้นชินในการทำข้อสอบ และเตรียมความพร้อม สำหรับการประเมิน PISA รอบถัดไปในปี 2568