เสนอตั้ง ‘กองทุนความมั่นคงสุขภาพ’ แก้วิกฤต งบฯ ชายแดนไทย-เมียนมา

หวัง ระดมทุกภาคส่วนร่วมอุดช่องงบฯ ชายแดนขาดแคลน เล็งดัน กองทุนฯ สู่ มติสมัชชาสุขภาพฯ ปี 68 สร้างภาพลักษณ์ไทย ในฐานะที่พึ่งมนุษยธรรม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นระดับประเทศ หัวข้อ “ระบบสุขภาพเชิงรุกท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ (Proactive Thai Health Systems amidst Geopolitical Turbulence)” เพื่อพัฒนาสู่ มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 เสนอแนวคิดจัดตั้ง “กองทุนความมั่นคงสุขภาพ” ระดมงบในประเทศจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม เพื่อดูแลสุขภาพประชากรชายแดน ลดภาระงบประมาณและบุคลากรของไทย

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในฐานะประธานคณะทำงาน กล่าวว่า การพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ เช่น โครงการ USAID ที่หยุดดำเนินการ ทำให้กลุ่มประชากรอพยพชายแดนไทย–เมียนมาได้รับผลกระทบ และโรงพยาบาลไทย ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเอง จึงเสนอให้มี กองทุนความมั่นคงสุขภาพ เพื่อสร้างระบบคลังสุขภาพที่ยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้ โดยบูรณาการงบจากหลายภาคส่วน รวมถึง ภาษีเชิงยุทธศาสตร์ และการมีส่วนร่วมจากเอกชน

นพ.ศุภกิจ ระบุว่า หากรัฐลงทุนในระบบนี้จะใช้งบฯ ไม่มาก เพราะประชากรในศูนย์พักพิงชายแดน 9 แห่งมีราว 1 แสนคน ซึ่งอยู่ในวิสัยที่โรงพยาบาลอำเภอสามารถดูแลได้ เพียงแต่ต้องมีทรัพยากรเสริมเพื่อไม่ให้ขาดทุน พร้อมชี้ว่า หากไทยจัดการได้สำเร็จ จะสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะที่พึ่งทางมนุษยธรรม โดยไม่กระทบระบบสุขภาพภายใน

ขณะที่ นพ.ธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าสองยาง จ.ตาก สนับสนุนแนวคิดตั้งกองทุนฯ ดังกล่าว โดยเห็นว่า จะช่วยให้โรงพยาบาลชายแดนมีงบฯ พร้อมใช้ในการรับมือโรคระบาด เช่น การจัดหาวัคซีนโดยไม่ต้องรอขั้นตอนเบิกงบฯ ปกติซึ่งมักล่าช้า พร้อมเสนอแนวทาง ผู้ช่วยทูตฝ่ายสาธารณสุข ให้บุคลากรการแพทย์เมียนมา ทำหน้าที่ดูแลคนในศูนย์อพยพของตนเอง เพื่อแบ่งเบาภาระแพทย์ไทย และเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลเพราะเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมในพื้นที่

สัมพันธ์ ศิลปนาฎ ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) บอกว่า วาระนี้สะท้อนการมอง สุขภาพเชิงรุก ที่จำเป็นในยุคความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ ตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 จนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จึงต้องใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพ ไม่รอแก้เมื่อเจ็บป่วย

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า ประเด็น ระบบสุขภาพเชิงรุก เป็นหนึ่งใน 5 วาระสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณาในงาน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 27–28 พฤศจิกายน 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พร้อมอีก 4 ประเด็น ได้แก่

  • การสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย

  • การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรมด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

  • ระบบสุขภาวะในภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต

  • กลไกขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active