ย้อนเส้นทาง 40 กว่าปี ของจุดเริ่มต้นความยั่งยืน ชุมชนปกาเกอะญอ จากรากฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิต และพระเมตตาที่มีต่อพสกนิกรในพื้นที่ห่างไกล สู่ความมั่นคงจนถึงปัจจุบัน
“ทั้ง 2 พระองค์ไม่สนใจความลำบากของตนเอง เพราะใส่ใจในความลำบากของพสกนิกร ย้อนไป 40 ปีก่อน ยังไม่มีถนนตัดผ่านถึงหมู่บ้าน ทั้ง 2 พระองค์ต้องเดินเข้ามาที่หมู่บ้าน แล้วช่วยพลิกฟื้นชุมชนสู่ความยั่งยืนถึงปัจจุบันนี้”
ภาพจำที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ บ้านห้วยอีค่าง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ยังคงอยู่ในความทรงจำของ หน่อแอริ ทุ่งเมืองทอง ผู้ใหญ่บ้านห้วยอีค่าง เสมอมา แม้วันเวลาผ่านมาเนิ่นนานกว่า 40 ปี

ทุกวันนี้ แม่หลวงหน่อแอริ วัย 50 ปี ยอมรับว่า การเสด็จมาเยี่ยมของพระองค์ท่าน นำมาซึ่งการพลิกฟื้นชีวิต เธอ ย้อนภาพในอดีตโดยอธิบายว่า ตอนนั้นชุมชนอยู่ในพื้นที่สูง ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีถนนหนทาง แต่ทั้ง 2 พระองค์ทรงเสด็จเดินเท้าเข้ามาในชุมชน มาพร้อมทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่โครงการหลวง เพื่อดูแลรวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนชาติพันธุ์
คำแนะนำในเวลานั้น คือ การส่งเสริมต้นทุนวัฒนธรรมของชุมชนชาติพันธุ์ พร้อมสนับสนุนการปลูกพืชหลากหลาย ทั้ง สาลี่, อะโวคะโด, ลูกพลับ, บ๊วย และ ดอกไม้ ช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการทำเกษตรตามภูมิปัญญาแบบ ไร่หมุนเวียน สร้างความมั่นคงในอาชีพ และความมั่นคงทางอาหารให้คนในชุมชนมาจนถึงปัจจุบัน



“สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จมาที่ชุมชน ท่านชอบลายผ้าของชนเผ่าปกาเกอะญอ และชนเผ่าต่าง ๆ เลยทำให้ผ้าทอของชนเผ่าได้รับการส่งเสริมพัฒนา จากที่เป็นแค่ผ้าทอใช้สวมใส่ ก็พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนบ้านห้วยอีค้าง ได้โอกาสเข้าร่วมในโครงการหลวง ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ถูกพัฒนาจากผ้าทอเป็นของที่นำไปใช้นำไปขายสร้างรายได้ และหลังจากที่ 2 พระองค์ทรงเสด็จมาที่ชุมชน มีการตัดถนน ไฟฟ้า เข้ามาในชุมชน ทำให้เราได้ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนความรู้กับภายนอก ได้สะดวกมากขึ้น นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
หน่อแอริ ทุ่งเมืองทอง
ปัจจุบัน ผ้าทออันมีเอกลักษณ์ ด้วยลวดลายที่ทอขึ้นตามสิ่งของใกล้ตัว และธรรมชาติ ที่มีความงดงามเฉพาะของชาวปกาเกอะญอ บ้านห้วยอีค่าง ไม่เพียงใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ยังถูกพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เป็นที่ชื่นชอบต้องการของตลาดในปัจจุบัน

เปลือกไม้ ที่ได้จาก ป่าผู้หญิง หรือ เกอเน่อมึ ให้สีสันสวยงามบนลายผ้ามัดย้อม เป็นอีกผลผลิตของการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรควบคู่กับการอนุรักษ์ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน ภายใต้วิสาหกิจชุมชนเชซูโม่ะ ความมั่นคงในชีวิตและรายได้ จึงยืนอยู่บนฐานทรัพยากรธรรมชาติที่พวกเขาช่วยกันดูแลรักษาไว้

นอกจากการจัดการดูแลทรัพยากรที่ถูกส่งต่อจากบรรพบุรุษ ความมั่นคงในชีวิตทุกมิติ รวมทั้งฐานเศรษฐกิจชุมชนที่เกิดขึ้น แม่หลวงหน่อแอริ ก็ยืนยันว่า เป็นผลจากการวางรากฐานการพัฒนาที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เสด็จมายังชุมชนแห่งนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชุมชน ยังมีผลต่อความหวัง และการมองเห็นโอกาสของชีวิต ทำให้ปัจจุบันคนรุ่นใหม่บ้านห้วยอีค่าง กลับมาอยู่บ้านหลังเรียนจบเพิ่มขึ้น

นงนภัส สงวนพนาวัลย์ เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านห้วยอีค่าง บอกว่า ด้วยความยั่งยืนของชุมชน จึงเชื่อว่าจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างมั่นคง
“หนูอาจเกิดไม่ทันในยุคที่พระองค์ท่านเสด็จมาที่ชุมชน แต่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้จากพ่อแม่ พี่ป้า น้าอามาตลอด องค์ความรู้ต่าง ๆ จากบรรพบุรุษที่ต่อยอด และได้รับการสนับสนุน เป็นต้นทุนสำคัญของความยั่งยืนชุมชน หนูจึงมั่นใจว่าเรากลับมาอยู่ได้อย่างมั่นคง และตั้งใจสานต่อองค์ความรู้เหล่านี้ต่อไป”
นงนภัส สงวนพนาวัลย์

ชุมชนปกาเกอะญอ บ้านห้วยอีค่าง มีประชากร กว่า 600 คน 123 ครัวเรือน ความยั่งยืนที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่นี่ ตั้งใจต่อยอดพัฒนาชุมชนจากรากฐานที่ทั้ง 2 พระองค์ได้ทรงริเริ่มไว้ เพื่อส่งต่อความยั่งยืนนี้ให้กับลูกหลาน และคนรุ่นต่อไป
