ความขัดแย้งเกาะหลีเป๊ะปะทุ เอกชนสร้างรั้วปิดถนนทางลงหาดและประตูเข้า-ออก รร.

กสม.ชี้ กรณีดังกล่าวเป็นการละเมิดและละเลยสิทธิชุมชน ด้านชาวเลเรียกร้องรัฐเร่งแก้ปัญหา ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” เผยกำลังเร่งเพิกถอนเอกสารสิทธิภายใน 1-2 เดือน จับตาประชุม คกก.ชุดใหญ่ 24 ก.พ.นี้

วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2566 ) ที่เกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างชาวเลและเอกชนบนเกาะหลีเป๊ะ กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง โดยผู้ที่อ้างกรรมสิทธิ์บนที่ดิน น.ส.3 แปลงที่ 11 ซึ่งเป็นแปลงที่กรมที่ดินและอุทยานฯ กำลังตรวจสอบ ได้ทำการก่อสร้างประตูปิดทางเดินเข้าสู่โรงเรียนอีกครั้ง

โดยเมื่อเวลา 06.00 น. ที่ผ่านมา เอกชนรายนี้ได้เชื่อมประตูที่สร้างไว้แล้วเพื่อปิดเส้นทางเข้า-ออกทางเดินดั้งเดิมที่ชาวเลได้ใช้ร่วมกันมานับร้อยปีเพื่อสัญจรขึ้น-ลงทะเล และขนส่งข้าวของต่าง ๆ ทำให้ชาวเลต่างเดือดร้อน โดยชาวเลบอกว่า แม้ผู้ใหญ่บ้านและปลัดอำเภอส่วนหน้าบนเกาะหลีเป๊ะพยายามเจรจา แต่เอกชนที่อ้างกรรมสิทธิ์ก็ไม่ยินยอมเปิดเส้นทาง ชาวเลต่างรู้สึกโกรธและได้รวมตัวกันคัดค้านต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อแจ้งให้สังคมรวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ได้รับทราบถึงความเดือดร้อนและเหตุการณ์ที่กำลังส่อแววบานปลาย

สลวย หาญทะเล ชาวอูรักลาโว้ยชุมชนเกาะหลีเป๊ะกล่าวว่า พวกตนพยายามเจรจาเพื่อไม่ให้นายทุนเอกชนปิดทางเดินแต่เขาไม่ยอมเจรจาและอ้างว่าเขามีเอกสารสิทธิถูกต้อง แม้เรื่องนี้เคยมีการไกล่เกลี่ยที่ศาล จ.สตูล แล้วเพราะเป็นทางเดินที่ใช้ร่วมกันของคนบนเกาะ แต่เขาไม่ยอมฟัง เขาประกาศว่าเมื่อกรมธนารักษ์ได้มารังวัดแผนที่แล้วเขาบอกว่าหากใครคัดค้านการปิดถนนก็จะโดนคดี การปิดถนนครั้งนี้ทำให้เราชาวเลเดือดร้อนสุด ๆ เพราะเป็นการปิดประตูตาย โดยชาวบ้านออกความเห็นไม่ได้เลย แม้เราพยายามบอกว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารและข้อพิพาทแต่เขาไม่เชื่อเลย

“เขาทำกับเราเหมือนเราไม่ใช่คน ไม่มีหน่วยงานไหนที่เป็นตัวกลางมาเจรจาเลยแม้แต่ตำรวจ เขาเริ่มปิดประตูรั้วเมื่อเช้ามืดตั้งแต่เรายังนอนหลับ ถ้าบริสุทธิใจจริง ทำไมไม่คุยกับชาวบ้าน หากไม่มีใครแก้ไขปัญหานี้ให้พวกเราได้ เราจะชวนกันไปประท้วงที่ทำเนียบ และหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูล ทำไมราชการยังปล่อยให้ชาวเลถูกรังแกอย่างเดียว เราก็มีศักดิ์ศรี แต่ทำกับเราเหมือนหมูเหมือนหมา ทั้งที่เราเป็นผู้บุกเบิกเกาะหลีเป๊ะ คุณทำธุรกิจแต่กลับมารังแกชาวเล มาปิดเส้นทางดั้งเดิมของเราทำไม ไหน ๆ เขาก็ฟ้องเราแล้ว ให้มาจับเราได้เลย ไหน ๆ แล้วก็ให้มาจับพวกเราให้หมด เราไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย”

สลวย กล่าวต่อ พร้อมตั้งคำถามว่าเขาเป็นเจ้าของเกาะหลีเป๊ะหรืออย่างไร ชาวเลพูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เราอยู่กับวิถีชีวิตดั้งเดิม เราไม่เคยประกาศว่าเป็นเจ้าของเกาะ เราถือว่าทุกคนต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูว่าเราถูกรังแกอย่างไร พอเราจะสู้ก็โดนคดี หาว่าทำลายทรัพย์สินของเขา อยากให้ผู้ใหญ่เอาเครื่องบิน เอาเรือรบมากี่ลำก็เอามา ถ้าหน่วยงานยังไม่ดูแลเราจะไปประท้วงที่ทำเนียบ

สายใจ หาญทะเล ชาวเลกล่าวว่า พวกตนกำลังเดือดร้อนมากเพราะเขาปิดประตูตายจนชาวเลออกไม่ได้ ทั้งๆที่ เส้นทางเข้าโรงเรียนเป็นรั้วโรงเรียนและถนนสาธารณะ ทำไมเอกชนถึงมีอำนาจปิดถนนได้ หากภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีการแก้ปัญหาให้คืบหน้า พวกเราจะไปหน้าทำเนียบ เอาน้ำตาของชาวเลไปให้ดู

“เมื่อวานเด็กป่วยเป็นไข้เลือดออก กว่าจะไปถึงอนามัยต้องเดินอ้อมไกลจนเลือดออกปาก วันนี้ต้องเอาไปรักษาบนฝั่ง เขายิ่งใหญ่มาก อยากให้บิ๊กโจ๊กมาในวันนี้เลย ถ้ามาเราจะไปรับทั้งหมู่บ้าน ตอนนี้สถานการณ์ร้อนมาก เราอยู่ไม่ไหวแล้ว”

ชาวเล ยังระบุว่า เส้นทางนี้เหมือนเส้นเลือดใหญ่เส้นเดียวของชาวเล เป็นที่เดียวที่สามารถขนเครื่องมือประมง เช่นลอบหรือไซไปจับปลาได้ เมื่อปิดทางเหมือนปิดชีวิตชาวเล อยากวอนผู้มีอำนาจช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วน และช่วงนี้เป็นช่วงลมมรสุมตะวันออก หากมีคลื่นลม ก็ลำบากต่อการออกมาดูออกมาย้ายเรือ ขอให้แก้ปัญหาโดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ในช่วงท้าย ตัวแทนชาวเลได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่า เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่นายทุนเอกชนซึ่งอ้างกรรมสิทธิในที่ดินพยายามใช้ราวเหล็กสร้างเป็นประตูปิดกั้นทางเข้าโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ และสร้างประตูปิดถนนกั้นเส้นทางเดินของชุมชนที่ใช้กันมานับร้อยปี พวกเราชาวเลอูรักลาโว้ยที่อาศัยอยู่บนเกาะหลีเป๊ะพยายามรวมตัวกันเพื่อต่อสู้คัดค้านมาโดยตลอด มิฉะนั้นคนบนเกาะไม่เฉพาะพวกเราที่เดือดร้อน ทั้งชาวบ้านที่เข้ามาทำมาหากินและนักท่องเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะก็จะต้องได้รับความเดือนร้อนเช่นเดียวกัน จนเรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวแพร่หลายทางสื่อสารมวลชน รัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ขึ้นมาโดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน

โดยท่านและคณะได้ลงพื้นที่เกาะเกาะหลีเป๊ะเพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลมาแล้ว 2 ครั้ง ทำให้พวกเราซึ่งเป็นคนดั้งเดิมรู้สึกอุ่นใจและมีความหวัง ในการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองที่รับผิดชอบเกาะหลีเป๊ะได้ประสานงานกับเอกชนเพื่อรื้อถอนประตูที่กั้นโรงเรียนทำให้พวกเรายิ่งรู้สึกคลายความกังวลและเบาใจลงไปได้อีก เพราะตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา พวกเราต้องคอยเฝ้าจับตามองเนื่องจากเกรงว่านายทุนเอกชนรายนี้จะก่อสร้างประตูกีดขวางถนนสาธารณะและทางเข้าโรงเรียน แต่ปรากฏว่าคล้อยหลังจากที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์และคณะออกไปจากเกาะหลีเป๊ะไม่กี่วัน นายทุนเอกชนรายนี้ได้ใช้รถแบ็คโฮขุดถนนเพื่อสร้างประตูกั้นเส้นทางสัญจรดั้งเดิมและรื้อบางส่วนของกำแพงและประตูกั้นโรงเรียนพร้อมทั้งสร้างประตูใหม่ แม้จะขยับห่างออกมาจากโรงเรียน แต่ก็เป็นการปิดกั้นไม่ให้เด็กๆได้เดินเข้าโรงเรียนในช่องทางสัญจรเก่าแก่นี้ได้อีก

“ที่ผ่านมาพวกเราพยายามใช้ความอดทนและอดกั้นต่อพฤติกรรมของนายทุนเอกชนรายนี้มาโดยตลอดเพราะมีการแสดงออกที่ยั่วยุและเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าและเกิดเหตุบานปลาย แต่ขณะนี้พวกเรากำลังหมดความอดทน เพราะในเช้าวันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2566 ) นายทุนเอกชนรายนี้ได้ทำการปิดประตูกั้นเส้นทางสาธารณะที่ใช้สัญจร ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นข้อพิพาทที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและพิจารณาของคณะกรรมการฯ รวมทั้งการขอคำสั่งคุ้มครองจากศาล ขณะนี้ความเดือดร้อนของชาวบ้านกำลังถึงขีดสุด พวกเราจึงอยากรายงานข้อเท็จจริงให้สังคมและฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงสถานการณ์ล่าสุด เพราะหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาแก้ปัญหาโดยด่วนที่สุด”

แถลงการณ์ระบุ

ขณะที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ทราบสถานการณ์แล้ว โดยทางเอกชนเจ้าของที่มองว่าตัวเองมีสิทธิในที่ดิน อย่างไรก็ตามทางกรมที่ดินกำลังทำการเพิกถอนอยู่ หากเพิกถอนแล้ว สิ่งปลูกสร้างต่างๆต้องรื้อทั้งหมด นอกจากนี้ได้สั่งการไปยังผู้การจังหวัดสตูลแล้ว ว่าการก่อสร้างได้มีการขออนุญาตหรือไม่ หากไม่ขออนุญาตก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วย เช่นเดียวกับนายก อบต.หากปล่อยให้มีการก่อสร้างในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ต้องถูกดำเนินการตามมาตรา 157

“ตอนนี้กรมที่ดินกำลังประชุมกันอยู่ คาดว่าจะมีการเพิกถอนทั้งหมด ผมจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบอีก แต่ตอนนี้กำลังเร่งดำเนินการร่วมกับกรมที่ดินและปลัดกระทรวงมหาดไทย หากเพิกถอนหมดก็ต้องเซ็ตซีโร กันใหม่ ตอนนี้เราทำเรื่องเอกสารอยู่ ขอให้ใจเย็น ๆ การเพิกถอนน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน 1-2 เดือนก็จบ เมื่อเซ็ตซีโรแล้ว รัฐจะเข้าไปจัดสรรให้ประชาชนเข้าไปทำกิน”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้มีรายงานว่าในวันที่ 24 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหา

ด้าน ปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า กรณีปัญหาเกาะหลีเป๊ะ กสม.เคยมีความเห็นไปนานแล้วว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเร่งแก้ไข เพราะสถานการณ์จะยิ่งบาปลาย ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นการละเมิดและละเลยสิทธิชุมชนมานาน เส้นทางที่ชาวเลใช้มาเป็นร้อย ๆ ปีไม่ควรที่จะถูกปิด ซึ่งตามหลักกติกาสากลพูดถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหลักที่ไทยลงนามความร่วมมือยอมรับในกติกานี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบทั้งสังคมและวัฒนธรรมชุมชม และรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ก็ระบุไว้ว่ารัฐจะต้องให้กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิดำรงวิถีชีวิตดั้งเดิมของเขาได้ นอกจากในมติครม.ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ปี2553 ก็ถือเป็นสิทธิที่พวกเขาพึงได้รับ ในการดำรงวิถีชีวิตดั้งเดิมด้วย ดังนั้น กสม.ติดตามเรื่องนี้ และหลังการประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาที่รัฐบาลตั้งขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.นี้ ก็จะเชิญคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่รัฐบาลตั้งมาชี้แจงความคืบหน้ากับ กสม.ด้วย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active