‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ มติเอกฉันท์ พร้อมสั่งตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี นับตั้งแต่ 25 มี.ค. 64 – 31 ม.ค. 67 ห้ามจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคใหม่ ในเวลา 10 ปี
วันนี้ (7 ส.ค.2567) ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่า พรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2561 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)
โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ สั่งยุบ “พรรคก้าวไกล” กรณีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติม ม.112 และเป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง
พร้อมทั้งยังสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี ของกรรมการฯ ชุดที่ดำรงตำแหน่งตั้ง 25 มี.ค.64 – 31 ม.ค. 67 และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าวไปจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ภายในเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค
สำหรับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ชุดที่ 1 และ 2 ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 15 มี.ค. 64 ถึง 31 ม.ค. 67 รวมทั้งสิ้น 11 คน ที่ถูกตัดสิทธิ์เป็นเวลา 10 ปี ประกอบด้วย
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค – สส.บัญชีรายชื่อ
- ชัยธวัช ตุลาธน อดีตเลขาธิการพรรค – สส.บัญชีรายชื่อ
- ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
- ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
- ปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตกรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ
- สมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคใต้
- อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคกลาง
- อภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – สส.บัญชีรายชื่อ
- เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคตะวันออก – สส.บัญชีรายชื่อ
- สุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนปีกแรงงาน – สส.บัญชีรายชื่อ
- อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินทางกลับทันทีหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี โดย พิธา มีสีหน้าเรียบเฉยแต่ยังคงโบกมือทักทายกับสื่อมวลชน และมวลชนที่มาให้กำลังใจ ระบุสั้น ๆ ว่า ยังไม่ขอพูดอะไร ให้ไปฟังการแถลงอีกครั้งที่พรรค ก่อนจะขึ้นรถตู้กลับออกไปทันที
‘แอมเนสตี้’ ชี้ยุบก้าวไกล ย้อนแย้งบทบาทไทยในเวทีสิทธิมนุษยชนโลก
ขณะเดียวกัน ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล แสดงให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย
“การยุบพรรคการเมืองเพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภาซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น”
“การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธเพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”