ต้องการเห็นอะไร ในการแก้รัฐธรรมนูญ 2560

มองรัฐธรรมนูญในฝัน ประชาชนชวนผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้ไหม นักเคลื่อนไหวชี้ องค์กรอิสระต้องตรวจสอบได้ หวังหาแนวทางให้ประชาชนเลือก สสร. ด้าน “โคทม” ชี้ไม่ต้องยึดรัฐธรรมนูญ 40 แต่นำมาช่วยลดทอนสิ่งที่ไม่ดีออก มองความเป็นไปได้ต้องผ่าน ม.256 ให้ได้ก่อน


การทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ว่า ต้องทำประชามติอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกให้มีการทำประชามติในสองคำถาม คือ หนึ่ง เห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ กับ สอง เห็นชอบด้วยกับวิธีการและเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาส่งมา หรือไม่ และต่อจากนี้ก็มีขั้นตอนอีกหลายอย่างตามมา

หนึ่งในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งรัฐสภาได้นัดประชุมในวันที่ 14 และ 15 ตุลาคม 2568 นี้ โดยมีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจาก 3 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ซึ่งนอกจากพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ในสภาฯ ก็มีเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน และนักวิชาที่ขับเคลื่อนเรื่องรัฐธรรมนูญ ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรัฐธรรมนูญที่จะทำให้คุณภาพชีวิตพวกเขาดีขึ้น


บารมี ชัยรัตน์ นักเคลื่อนไหว และผู้ประสานงานสมัชชาคนจน มองว่า การแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ไม่แค่แก้ แต่ต้องเขียนใหม่ทั้งฉบับ ส่วนหมวด 1 หมวด 2 ที่มีการถกเถียงกัน ก็อาจจะเขียนใหม่ก็ได้ ซึ่งอาจมีการถกเถียงกันหรือเขียนให้เข้มงวดขึ้น

หากบอกว่าอำนาจอธิปไตยมี 3 ส่วน คือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ แล้วองค์กรอิสระอยู่ตรงไหนของ 3 อำนาจนั้น เพราะเป็นองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่อยู่ภายใต้ 3 อำนาจดังกล่าว ฉะนั้น อำนาจอธิปไตยอาจจะมีมากกว่า 3 ก็ได้ ซึ่งก็ต้องมีการถ่วงดุลกัน 

“องค์กรอิสระถ้ายังมีก็ต้องถูกตรวจสอบกำกับด้วย ไม่ใช่เป็นแบบศาลรัฐธรรมนูญที่แตะต้องไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็สร้างความเป็นธรรมไม่ได้”

องค์อิสระต้องยึดโยงกับประชาชนด้วย ถ้ามีที่มาที่ยึดโยงไม่ได้ก็เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ทุกฝ่ายต้องมีอำนาจในหการตรวจสอบกำกับซึ่งกันและกัน

ส่วนประเด็นความเห็นของศาลรัฐธรรมนูฐล่าสุดที่วินิจฉัยว่าประชาชนไม่สามารถเลือก สสร.ได้โดยตรง บารมี บอกว่า เราไม่จำเป็นต้องเชื่อคำวินิจฉัยที่ผิดครรลองการเป็นประชาธิปไตย ประชาชนต้องเดินหน้าต่อ และหาแนวทางให้ได้ว่าการที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมเขียนรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร

ต้องการที่จะให้มีตัวแทนของประชาชนที่เข้าไปเขียนรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แค่ให้รัฐสภามีหน้าที่เขียนฝ่ายเดียว ต้องให้สังคมถกเถียงแต่ละเรื่องอย่างกว้างขวาง อย่างปี 2540 คิดว่าภาพนั้นเป็นภาพที่สร้างสรรค์ และเกิดประโยชน์ โต้เถียงกันได้

“ไม่ได้หวังเพียงพรรคการเมืองจับมือกันร่วมแก้รัฐธรรมนูญ แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะช่วยกันผลักดัน”

อย่างการสร้างโครงการ “โรงเรียน สสร.คนจน” คือการพยายามทำให้เห็นว่า การร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของนักกฎหมาย หรือนักวิชาการ จริง ๆ ชาวบ้านอย่างเราก็เขียนรัฐธรรมนูญได้เหมือนกัน

เชื่อว่าการมีรัฐธรรมนูญที่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้น… ตั้งแต่หลังปี 2540 ก่อนที่จะมีการเข้ามาแทรกแซงองค์กรอิสระหรือองค์กรต่าง ๆ ภาพในตอนนั้นประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเกิดมีรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองประชาชนจากทุนนิยมโลกได้ก็มองว่าดี อีกทั้งประชาชนต้องมีอำนาจในการจัดการตัวเอง มีอำนาจในการรวมตัวกันปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองด้วย ไม่ใช่เพียงสิทธิเสรีภาพของปัจเจกอย่างเดียว มีอำนาจแล้วต้องใช้อำนาจได้จริง

“รัฐธรรมนูญในฝัน คือ รัฐธรรมนูญที่โอบรับคนทุกคนที่อยู่ในสังคมให้อยู่ด้วยกันได้ อย่างหลากหลาย แบบพหุวัฒนธรรม คนมีความหลากหลายมากเกินกว่าจะให้ไปอยู่ภายใต้กฎกติกาอันใดอันหนึ่ง”

ด้าน รศ.โคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญอาจไม่ต้องยึดของเก่าเสมอไป อาจนำรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็แล้วแต่ ลองมาสังเคราะห์ และตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นจะไปบัญญัติในกฎหมายออกไป แล้วจะได้รัฐธรรมนูญที่เพรียวลง อย่าไปยึดว่าฉบับปี 2540 ดีที่สุด ตอ้งทำตาม ส่วนตัวไม่ได้คิดแบบนั้น

รัฐธรรมนูญปี 2540 เอาหลายองค์กรจัดอยู่ในหมวดรัฐสภา ไม่มีคำว่าองค์กรอิสระเลย แต่เพิ่งฉบับถัดมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ในรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังจะเกิดต้องไม่มีคำว่าองค์อิสระแล้ว แต่ต้องจัดอยู่ในหมวดของรัฐสภา ตุลาการ หรือสิทธิเสรีภาพก็ยังได้ แต่อย่าไปสร้างให้มีหมวดสิทธิพิเศษ ไม่งั้นอาจเกิดความคิดว่าตัวเองเป็นอิสระมากไป ที่สำคัญต้องยึดโยงกับประชาชน เพราะเขียนไว้ในเจตนารมณ์ของปี 2540 สาระสำคัญคือการมีส่วนร่วมตรวจสอบของประชาชน แต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้น

ทำอย่างไรให้ทุกคนเข้าใจว่า “รัฐธรรมนูญ” เกี่ยวข้องกับปากท้องขอของเรา…โคทม บอกตรง ๆ ว่า ถ้าประชาชนไม่สนใจ ก็อย่าไปแก้ ถ้าจะบอกต้องขับเคลื่อนให้ประชาชนกลับมาสนใจ ก็ขึ้นอยู่กับบริบทและเหตุปัจจัย… ถ้าประชาชนเห็นว่าไม่ไหวแล้ว อยากจะแก้ เมื่อนั้นการแก้จะสำเร็จ

ไทม์ไลน์การแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดนี้หรือชุดหน้า แต่คือว่าจะผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ซึ่งต้องการเสียง 1 ใน 3 ของ สว.ได้อย่างไร ถ้าผ่านได้เร็วก็สามารถทำประชามติ 1 + 2 ได้ในคราวเดียวกัน สิ่งนี้คือแผนที่อยากจะเห็นว่าเกิดขึ้น ส่วนอย่างอื่นจะเป็นขั้นตอนว่าจะให้มี สสร.ต้องทำอย่างไร ต้องออกกฎหมายอย่างไร แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดไกล ขอให้ผ่านมาตรา 256 ให้ได้ผ่านในช่วงแวลาที่จะลงประชามติตามมติของ ครม.ก็ทำให้สอดคล้องกับเวลาการเลือกตั้ง สส.ก่อน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active