ดัชนีการเมืองไทย ต.ค.67 คะแนนฝ่ายค้านร่วง-นายกฯ ขยับขึ้น

สวนดุสิตโพล เปิดผลสำรวจ พบคะแนนผลงานฝ่ายค้านปรับลดลงแต่ยังรั้งอันดับ 1 ส่วนผลงานนายกรัฐมนตรี คะแนนปรับขึ้นตามติดอันดับ 2 ประชาชนชอบมาตรการช่วยน้ำท่วมของรัฐบาล และการติดตามตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้าน

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ดัชนีการเมืองไทยประจำเดือน ต.ค.67 ผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม ระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค. 67 โดยใช้ตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งพบว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือน ต.ค.67 ภาพรวมได้ 5.01 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) ขยับขึ้นมาเล็กน้อยจากเดือน ก.ย. ที่ 4.80 คะแนน

โดยคะแนนตัวชี้วัดปรับขึ้นเกือบทั้งหมด ยกเว้นดัชนีผลงานของฝ่ายค้าน แม้จะรั้งอันดับ 1 แต่คะแนนปรับลดลงเหลือ 5.34 คะแนน จาก 5.41 คะแนนในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีผลงานของนายกรัฐมนตรี คะแนนตามติดมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 5.27 คะแนน ปรับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.12 คะแนน

ด้านผลงานของฝ่ายรัฐบาลในเดือน ต.ค. ที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด คือ มาตรการช่วยน้ำท่วมคิดเป็น 40.15% ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส คิดเป็น 36.55% และการช่วยเหลือเยียวยารถบัสนักเรียนไฟไหม้ คิดเป็น 23.30%

โดยตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกหนักในไทย ส่งผลให้น้ำท่วมอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคอีสาน รวมถึงภาคกลาง ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งต่อมารัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยน้ำท่วม ด้วยการเยียวยาจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแบบเหมาจ่ายอัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท ในกรอบวงเงิน 3,045 ล้านบาท

ขณะที่ผลงานของฝ่ายค้านในเดือน ต.ค. ที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด คือ การติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล คิดเป็น 49.76% เรียกร้องความยุติธรรมตากใบ คิดเป็น 26.00% และอภิปรายสัมปทานค่าไฟ ค่าธรรมเนียมรถติด คิดเป็น 24.24%

สำหรับนักการเมืองในฝ่ายรัฐบาลที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดนเด่นมากที่สุด คือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คิดเป็น 52.81% รองลงมา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คิดเป็น 26.40% และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และกระทรวงพลังงาน คิดเป็น 20.79%

ส่วนนักการเมืองในฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดนเด่นมากที่สุด คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน คิดเป็น 37.80% ถัดมา ศิริกัญญา สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชนฝ่ายนโยบาย คิดเป็น 27.84% และรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน คิดเป็น 27.84%

การเมือง

ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า เปิดเผยกับทีมข่าว Thai PBS ก่อนหน้านี้ หลังมีผลโพลหลายสำนักเป็นไปในทางเดียวกัน ที่สะท้อนถึงความนิยมของพรรคฝ่ายค้านสวนทางกับรัฐบาล โดยกล่าวว่าเวลาอ่านโพล จะไม่ค่อยดูตัวเลขเท่าไร แต่จะดูว่าใครเป็นผู้ทำโพล ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เพื่อดูข้อที่ควรปรับปรุง ซึ่งเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านก็จะนำมาปรับปรุง เพื่อให้กำลังใจไม่เสีย

ส่วนจะมีช่องโหว่ใดที่พรรคประชาชนจะต้องปรับนั้น พิธา มองว่า ต้องใช้เวลา หากดูตามเนื้อผ้าและติดตามการทำงานของผู้นำฝ่ายค้าน อย่างน้อยที่สุดก็ทำได้เทียบเท่ากับมาตรฐาน เหมือนตอนที่เป็นพรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะสามารถทำงานและบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่ามีการโจมตีพรรคเยอะพอสมควร

“จึงขอใช้โอกาสนี้ในฐานะที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานมา 5-6 ปี เห็นว่าพรรคประชาชนก็มีความตั้งใจทำงานเพื่อคนไทย ไม่ใช่เป็นพรรคประชาชนที่มีนามสกุลพม่า ไม่ใช่พรรคประชาชนบีอาร์เอ็นแน่นอน แต่เพราะมีความตั้งใจทำงานแก้ปัญหาให้คนไทย เพียงแต่ว่าบางปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น ฝุ่น คอร์รัปชัน แรงงานต่างด้าวที่ไม่ขึ้นทะเบียนในระบบ ต้องได้รับการจัดการเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย เพราะฉะนั้นที่มีกระบวนการบอกว่าเป็นพรรคประชาชนพม่า รวมทั้งที่มีการพูดว่า พรรคภูมิใจกัมพูชา ถือเป็นการใช้ชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง ก็ต้องขอวิงวอนไปถึงประชาชนว่าไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย ยกเว้นคนที่ต้องการจะโจมตี และต้องการเบี่ยงประเด็นสำคัญ จึงขอแยกให้ออกว่าเป็นการโจมตี หรือเฟคนิวส์ หรือเป็นการพูดข้อเท็จจริง“

การเมือง

เมื่อถามว่าพรคประชาชนต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเปล่งประกาย พิธา บอกว่า นิด้าโพลครั้งแรกของตัวเอง 3% และขึ้นถึง 45% ในระยะเวลา 3 ปี ฉะนั้นหากถามว่ามีเวลาเท่าไร โดยมองว่ามีเวลาตัดสินใจก่อนที่ประชาชนจะเข้าคูหา จะต้องผ่านและเชื่อว่าเป็นกระบวนการที่จะต้องผ่านทั้งอุณหภูมิการเมือง ความกดดันและความอดทน ซึ่งเชื่อว่าหากตัวเองผ่านไปได้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็จะผ่านไปได้เช่นกัน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active