หลังสภาฯ ล่มทำญัตติแก้รัฐธรรมนูญสะดุด พรรคประชาชน เรียกร้อง ไม่อยากเห็นสมาชิกรัฐสภาเซ็นเซอร์ตัวเอง เผย สว. บางคนไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ แต่อ้างเทคนิคขัดกฎหมาย วอน นายกฯ ทำความเข้าใจพรรคร่วมรัฐบาล หวัง พรุ่งนี้มาโหวตพร้อมเพรียงกัน ขณะที่ iLaw ปักหลักสภาฯ ย้ำตั้ง สสร. ยกร่างฯ ใหม่ ทั้งฉบับ
วันนี้ (13 ก.พ. 68) ผู้สื่อข่าว Thai PBS รายงานว่า ในการลงมติว่าจะเลื่อนญัตติด่วนของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ที่ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรค 1(2) ก่อนที่จะมีการพิจารณาญัตติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256
โดยผลการลงมติ ปรากฏว่า “ไม่เห็นด้วย” ให้เลื่อนญัตติด่วนของ นพ.เปรมศักดิ์ ด้วยคะแนน 275 ต่อ 247 จากการตรวจสอบรายชื่อสมาชิกรัฐสภา ที่ลงมติพบว่า พรรคประชาชน เกือบทั้งพรรค ไม่เห็นด้วยที่ให้เลื่อนญัตติด่วนของ นพ.เปรมศักดิ์ ขึ้นมาพิจารณาก่อน มีเพียง สส. 6 คนที่ไม่ร่วมลงคะแนน ประกอบด้วย จุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส.เชียงราย, ณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส. กทม., นิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ และศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด

ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน มีเพียง สส. 12 คน ที่ไม่ร่วมลงคะแนน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. และ รมช.กระทรวงมหาดไทย, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ และ สุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
ส่วน พรรคภูมิใจไทย ไม่ร่วมลงคะแนนเกือบทั้งพรรค มีเพียง เอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น ที่ลงมติเห็นด้วย ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงมติเห็นด้วย 20 คะแนน ไม่ลงคะแนน 16 คน อาทิ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม, สุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ และ รมช.กระทรวงพาณิชย์, ธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
ด้าน พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วย 16 คน ไม่ลงคะแนน 9 คน โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจได้แก่ ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และ บัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนพรรคกล้าธรรม ทั้งพรรคลงมติเห็นด้วย ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ โหวตเห็นด้วย 1 คน ได้แก่ กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ส่วนที่เหลือไม่ลงคะแนน
พรรคชาติไทยพัฒนา เห็นด้วยครึ่งพรรค ที่เหลือไม่ได้ลงคะแนน และพรรคประชาชาติ ลงมติเห็นด้วยทั้งพรรค ยกเว้น วันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา และสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สส.ปัตตานี ที่งดออกเสียง
ส่วนพรรคไทยสร้างไทย เห็นด้วย 2 คน ได้แก่ รำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี และ สุภาภรณ์ สลับศรี สส.ยโสธร ขณะที่ ชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด ไม่เห็นด้วย สส.ที่เหลือไม่ลงคะแนน
ส่วนที่เป็นที่น่าสังเกต คือ กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา ลงมติไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ ขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งมีจำนวนถึง 136 คน ไม่ร่วมลงคะแนน 26 คน งดออกเสียง 2 คน ที่เหลือเป็นเสียงข้างน้อยที่เห็นด้วยกับการเลื่อนญัตติดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่ม สว.ที่ลงมติไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ญัตติดังกล่าวไม่สามารถเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนได้

ขณะที่ ด้านนอกรัฐสภา เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ, กลุ่มโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) นำโดย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการ iLaw นำ มวลชนพร้อมกล้วย เดินขบวนตั้งแต่ MRT เตาปูน มาหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อมาปักหลักชุมนุม กดดันการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีขึ้นในวันที่ 13 – 14 ก.พ.นี้ ภายใต้แคมเปญ “เอากล้วยไปให้ สว. เพื่อบอกพวกเขาว่า การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องกล้วย ๆ เท่านั้น”
พร้อมส่งเสียงถึงสมาชิกรัฐสภาฯ ว่า ต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยการเลือกตั้ง สสร.ขึ้นมายกร่าง โดยภายในขบวนได้เข็นกล้วยหลายหวี รวมไปถึงมีพวงหรีดที่ติดชื่อว่า ภูมิใจถ่วง


โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้แวะที่ฝั่ง สส.ก่อนเพื่อยื่นหนังสือใหักับ สส. แต่ระหว่างนั้น ในห้องประชุมสภาฯ มีการพลิกเกมไปมา เดินหน้านับองค์ประชุม ขานชื่อ ทำให้ สส. พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถออกมารับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุม จึงจัดกิจกรรม บริเวณด้านหน้า ประตูทางเข้า โดยเอากล้วยแปะที่รั้ว พร้อมกับเอาพวงหรีดไปวางไว้ที่ประตู ก่อนที่แกนนำจะปราศรัย เรียกร้องให้ สส.และ สว. ที่ Walk Out ออกจากห้องประชุม กลับมาทำหน้าที่ จากนั้นได้ตัดสินใจย้ายไปปักหลักบริเวณทางเข้าอาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่ม iLaw มีเป้าหมายปักหลักอยู่จนถึงช่วงค่ำ ประมาณ 20.00 น.
ทั้งนี้บรรยากาศการประชุมรัฐสภา ภายหลังองค์ประชุมล่ม ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และ หัวหน้าพรรคประชาชน นำ สส. ของพรรคกว่า 50 คนร่วมแถลงยืนยันว่า รัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่ามีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าสามารถเดินหน้าแก้ไขได้
ส่วนการลงมติไม่เลื่อนญัตติการส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าวนั้น ผลการลงมติออกมาว่าให้ รัฐสภาเดินหน้าต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่ในช่วงเข้าสู่การพิจารณาวาระร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กลับมีการเสนอนับองค์ประชุม โดยเชื่อว่า สมาชิกรัฐสภาที่อยู่ในห้องประชุมมีจำนวนมากกว่าองค์ประชุมที่มีการแสดงตน
“สะท้อนว่ามีสมาชิกบางพรรคโดยเฉพาะฝั่งรัฐบาลไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม ทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีนายชนินทร์ ได้กล่าวในห้องประชุมว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนี้ เรื่องนี้คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงให้เห็นถึงการควบคุมเสียงของฝั่งรัฐบาล เชื่อว่าหากนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนราษฎรอยู่ในห้องประชุมด้วย และสามารถคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลได้ วันนี้จะสามารถเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้”
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ผู้นำฝ่ายค้าน จึงเรียกร้องให้ทางรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลเสียงรัฐบาลเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ให้เป็นองค์ประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยเห็นว่าแม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ควรเปิดให้มีการอภิปรายก่อน ที่จะมีการลงมติ ไม่ควรเซ็นเซอร์ตัวเองจนสมาชิกรัฐสภาไม่สามารถอภิปรายได้
ณัฐพงษ์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า เหตุใด สส. พรรคเพื่อไทยจึงไม่แสดงตน เพื่อแสดงความชัดเจนว่า ต้องการเดินหน้าต่อในวันนี้ ซึ่งสะท้อนว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีรอยร้าว ก่อนจะย้ำข้อเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำ ในการควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเดินหน้าเปิดประชุม และพิจารณาได้ในวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ. 68)
ผู้นำฝ่ายค้าน ยังไม่ตอบชัดถึงความมั่นใจว่า จะได้เสียงสนับสนุนร่างของพรรคประชาชน จาก สส. พรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา เพียงแต่อ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วันนี้ สมาชิกได้นำมาแจกให้กับสมาชิกรัฐสภาทุกคน โดยย้ำในข้อคิดเห็นของพรรคประชาชนว่า ไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภาสามารถเดินหน้าพิจารณาได้เลย และเห็นว่าร่างทั้ง 2 ฉบับมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย สามารถนำไปพูดคุยในวาระที่ 2 ในชั้นกรรมาธิการได้
“ไม่อยากให้มองว่าเป็นการเมืองของคนดี หรือคนร้าย แต่คิดว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประเทศในปัจจุบัน ที่เราตกอยู่ในหลุมดําของความรับผิดรับชอบ พูดง่าย ๆ คือเราต้องการคนที่มีอำนาจ ใช้อำนาจของตัวเอง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ แต่ผลปรากฏว่า สิ่งที่เราเห็นคือการเสนอญัตติเพื่อเซ็นเซอร์ตัวเอง ดังนั้น เราต้องถามก่อนว่า ตกลงการมีอำนาจในการทำหรือไม่ทำนั้น สะท้อนให้เห็นว่า ตอนนี้เราตกอยู่ในภาวะที่ผู้มีอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ รวมถึงฝ่ายนิติบัญญัติ เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ของความที่รัฐสภาขาดความรับผิดรับชอบ ไม่กล้าใช้อำนาจตัวเอง ในขณะเดียวกัน เพราะว่าไม่กล้าที่จะรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจตัวเองเช่นเดียวกัน”
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
หัวหน้าพรรคประชาชน ยังระบุถึงท่าทีของ สว. ในวันนี้ว่า มีความเห็นที่แตกต่างกัน และเห็นว่าในการพิจารณาที่ผ่านมามีเกมในสภาฯ เกิดขึ้น ซึ่งมีกระบวนการพยายามขัดขวางเพื่อไม่ให้เดินหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การลงมติได้โดยชี้ว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็น
เชื่อมี สว.ขวางแก้รัฐธรรมนูญ
จากนั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ได้นำ สส.พรรค ออกมารับหนังสือจากภาคประชาชน และกลุ่มผู้ชุมนุม ได้มอบกล้วยให้เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องกล้วย ๆ ก่อนที่ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน บอกว่า มีบางฝ่ายพยายาม จะบอกว่าสิ่งที่รัฐสภาทำ ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 2564 แต่ยืนยันได้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เห็นในสภาฯ วันนี้เป็นข้อถกเถียง เรื่องของความเห็นทางกฎหมาย หรือมันเป็นข้อถกเถียงเจตจำนงทางการเมืองกันแน่ โดยเชื่อว่ามีสมาชิกวุฒิสภาบางคนกังวลเรื่องข้อกฎหมายจริง ๆ แต่ก็มีวุฒิสภาบางคน ที่ลึก ๆ ไม่ได้อยากจะแก้รัฐธรรมนูญ และพยายามจะหาช่องทางให้ได้เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ดึงสังคมมาถกเถียงกันเรื่องเทคนิคทางกฎหมาย มากกว่าพูดถึงข้อดีในการแก้รัฐธรรมนูญ
สว.นันทนา ขอโทษประชาชน แก้รัฐธรรมนูญถูกเตะถ่วง
ขณะที่ นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ระบุกับผู้ชุมนุม ว่า ขอโทษประชาชนทุกคนที่วันนี้ทำไม่สำเร็จ ไม่สามารถทำให้เกิดการโหวตลงมติ ไม่สามารถทำให้เกิดการอภิปรายในวาระหนึ่งสำเร็จ ตามที่ได้เห็นนี่คือการหักเหลี่ยมทางการเมือง ไม่ได้มีเจตจำนงที่แท้จริงกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการยืดเยื้อให้การยกร่างรัฐธรรมนูญขยับออกไป
“ใช้วิธีการเดียวกัน คือส่งศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะส่งไปแล้วปี 64 ส่งแล้วปี 67 ส่งอีก จะส่งตะบี้ตะบันส่งไปถึงไหน ส่งแล้วจะให้มันเปลี่ยนผลอย่างไรในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญก็บอก ว่าไม่รับวินิจฉัยแล้ว ตกไปตั้งแต่ปี 64 จะดันทุรังให้ทำกี่ครั้ง นี่คือเกมยืดเยื้อไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ เราเป็น สว. ไม่ใช่สารตั้งต้นที่จะเข้าไปริเริ่มในการแก้ แต่เรายินดีที่จะสนับสนุน แม้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องการ สว. 67 เสียง เรามีไม่ถึง แต่เราก็จะพยายามเป็นเสียง ที่ส่งมายังพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า พวกเรา สว.พันธุ์ใหม่ พร้อมที่จะสู้ไปกับประชาชน”
นันทนา นันทวโรภาส
‘เพื่อไทย’ ย้ำจุดยืนเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
ทางฟากฝั่งของ พรรคเพื่อไทย ได้ส่ง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และ ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ออกมารับหนังสือ พร้อมกับกล่าวว่า จุดยืนของพรรคเพื่อไทยยังยืนยันในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และที่จริงในสมัยประชุมที่แล้ว ได้เดินหน้าเรื่องนี้มาก่อน และศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับการที่ สว.เสนอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อยังไม่ได้พิจารณาญัตติ และประเมินแล้วว่า ถ้าเดินหน้าต่อเสียง สว.จะไม่พอในการโหวต 67 เสียง มันจะกลับไปสู่จุดเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น