ไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ศบ.ทก. ย้ำ ไทยยึดหลักมนุษยธรรม 

ด้าน ก.พาณิชย์ ยังคุมเข้มนำเข้ามันสำปะหลัง ส่งผลบรรยากาศการค้าชายแดนเงียบเหงา

วันนี้ (21 มิ.ย.68) พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง กล่าวว่า ฝ่ายไทยมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาแรงงานและเกษตรกรผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งการจัดหางาน และตลาดผักผลไม้ทดแทน โดยความร่วมมือของกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ และเอกชน

ด้าน มาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยเชื่อมั่นว่ากลไกทวิภาคี และการเจรจาระหว่างสองฝ่าย เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา โดยฝ่ายไทยยังคงพร้อมหารือด้วยความจริงใจและสุจริตใจ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน

นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊กศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เผยแพร่ประกาศภาษาไทยและภาษาเขมร ชี้แจงว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ และยังคงยึดมั่นในการดำเนินการบนพื้นฐานของมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเกือบ 5 แสนคน เป็นแรงงานเก็บผลไม้ตามฤดูกาลเดินทางไป-กลับ ประมาณ 2 หมื่นคน ส่วนแรงงานกัมพูชาผิดกฎหมายคาดว่ามีประมาณ 1-2 หมื่นคน 

ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานยืนยันจะไม่มีการผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ การสมัครใจเดินทางกลับเป็นสิทธิของแรงงาน ส่วนแรงงานกัมพูชาที่ประสงค์จะทำงานแต่พาสปอร์ตหมดอายุไม่สามารถไปทำพาสปอร์ตใหม่ ไม่ต้องกังวล กรมการจัดหางานจะต่ออายุฝ่ายเดียวให้อยู่ได้อีก 1 ปี จึงขอให้ผู้ประกอบการสบายใจ รวมถึงแรงงานกัมพูชาตามลักษณะ MOU ที่เพิ่งมีการต่ออายุไปยังสามารถทำงานได้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569

แต่ต้องจับตา หลังคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 184 /2568 มอบหมายและมอบอำนาจให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงแรงงาน เนื่องจากพิพัฒน์ รัชกิจประการ ลาออกจากตำแหน่ง

แรงงาน

ก.พาณิชย์ คุมเข้มนำเข้ามันสำปะหลัง ส่งผลให้การค้าชายแดนเงียบเหงา

ขณะที่สถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียด ทั้งสองฝ่ายยังคงมาตรการควบคุมสินค้าส่งออกและนำเข้าระหว่างกัน ส่งผลให้การค้าชายแดน เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด  

ทีมข่าวไทยพีบีเอส สำรวจบรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รถบรรทุกขนส่งสินค้าทั่วไปวิ่งเข้าสู่กัมพูชา ค่อนข้างบางตา หลังทางการกัมพูชาใช้มาตรการตอบโต้ ห้ามนำเข้าผักผลไม้ และอาหารทะเลจากฝั่งไทย 

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ศุลากรและตรวจคนเข้าเมือง ยังคงมาตรการจำกัดการส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารทะเลสด โดยที่อนุญาตให้ชาวบ้านกัมพูชา นำอาหารทะเลสดออกจากไทยได้ เพียงคนละไม่เกิน 4-5 กิโลกรัม เพื่อการบริโภคเท่านั้น  

เช่นเดียวกับตรวจสอบการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาเป็นไปอย่างเข้มงวด หลังกระทรวงพาณิชย์ สั่งคุมเข้มเพื่อป้องกันการลักลอบนำมันสำปะหลังและสินค้าคุณภาพต่ำ เข้ามาในประเทศ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังคำสั่ง พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา หลังพบความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าชายแดน ย้ำจุดยืนรัฐบาลปกป้องเกษตรกรไทยและดูแลเสถียรภาพราคาภายในประเทศเป็นอันดับแรก

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดมาตรการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลัง โดยกำหนดจุดที่อนุญาตให้นำมันสำปะหลังเข้ามาจากกัมพูชาได้จำนวน 5 จังหวัด 6 ด่าน ได้แก่

  • จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี
  • จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน และจุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว
  • ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด
  • ด่านศุลกากรช่องจอม จ.สุรินทร์
  • ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ

พร้อมทั้งกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขึ้นทะเบียน แจ้งข้อมูลการนำเข้าล่วงหน้า และมีสถานที่จัดเก็บแยกจากมันสำปะหลังที่รับซื้อในประเทศ พร้อมรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active