มท.เพิกถอนที่ดิน ‘เขากระโดง’ ? บทพิสูจน์บรรทัดฐาน จัดการคดีรัฐ-เอกชน ทับสิทธิชุมชนดั้งเดิม

ภาคประชาชน ย้ำ การแก้ปัญหาต้องไม่ใช่แค่หวังผลทางการเมือง จี้ เร่งประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ในมือ ก.มหาดไทย ตั้งข้อสังเกตมี ครม. ผู้บริหารชุดใหม่ ยังไม่เคยประชุมติดตามปัญหาสักครั้ง

วันนี้ (11 ส.ค. 68) ไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท ในฐานะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกับ The Active ต่อกรณีที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมที่ดิน เดินหน้าเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ และ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากในชั้นศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา พิพากษาแล้วเห็นตรงกันว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เมื่อมีคำตัดสินแล้ว ทาง รฟท. ทำหนังสือถึงกรมที่ดินให้เพิกถอนโฉนดทั้งหมด ดังนั้น ตามกฎหมายมาตรา 61 วรรค 8 กรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนได้ทันทีนั้น  

ไมตรี ย้ำว่า เห็นด้วยที่ต้องเร่งกรมที่ดินให้เพิกถอนเอกสารสิทธิกรณีดังกล่าวตามคำสั่งศาล เพราะในอดีตที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า หลายกรณี โดยเฉพาะเรื่องของประชาชนทั่วไป ชุมชนต่าง ๆ ที่เผชิญปัญหาข้อพิพาทที่ดิน ทั้งที่ศาลตัดสินแล้วว่าที่รัฐ หรือเอกชน ทับสิทธิชุมชนดั้งเดิม แต่กรมที่ดินมักจะเบี่ยงเบนหาวิธีเลี่ยงและอธิบายต่อศาลไป โดยไม่ดำเนินการตามที่ศาลหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบจนได้ข้อยุติชัดเจนแล้ว

“ต้องยอมรับว่าเป็นระบบที่มีปัญหาอยู่ ทำให้กรมที่ดินไม่ยอมเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ที่ซึ่งเอกชนเอาไปฟอกในหลายพื้นที่ ที่เราต่อสู้เรื่องที่ดินก็คือเรื่องเอกชน ที่ต่อสู้กับประชาชนในพื้นที่ ออกเอกสารทับที่ดินชุมชนและเอาที่ดินไปฟอกไปเปลี่ยนมือไปเข้าสู่กระบวนการธุรกรรมทางการเงินแล้วก็ออกมาใหม่เพื่อสร้างความชอบธรรม ว่าผู้ซื้อซื้อโดยสุจริต แต่นั่นมันเป็นกระบวนการช่องว่างของกฎหมาย เพราะฉะนั้นในมุมผม เมื่อศาลตัดสินแล้วต้องเพิกถอนก่อน”

ไมตรี จงไกรจักร์ 

ไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท 

ผจก.มูลนิธิชุมชนไท ยอมรับด้วยว่า ในส่วนคนที่ไปซื้อมองอีกมิติก็เข้าใจ ซึ่งก็เหมือนกับเวลามีคนขโมยทีวีไปขาย และผู้รับซื้อทีวี ก็ไม่รู้ และซื้อด้วยบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายถูกจับในฐานะรับซื้อของโจร เพราะฉะนั้นความหมายคือว่า ต้องดูความเป็นธรรมตามกฏหมาย เพราะว่าปัญหานี้เป็นการจุดชนวนเริ่มต้น ที่ทำให้กรมที่ดินไม่ยอมเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ตามคำสั่งศาลหลายกรณี แต่เพื่อเป็นความเป็นธรรมของสังคม คิดว่ารัฐบาลจะต้องมีกระบวนการเยียวยา หรือมีที่ดินที่เป็นที่ดินคืนรัฐแล้ว เพื่อให้คนเหล่านี้ได้มีโอกาสได้เช่า ได้ใช้ประโยชน์ทำกิน จะเป็นวิธีหนึ่งที่เป็นการเยียวยา มองด้วยความเป็นธรรมในกรณีว่า ไม่รู้จริง ๆ ว่าที่ดินมีกระบวนการออกโดยมิชอบและซื้อด้วยสุจริตจริง ก็อาจจะมีมาตรการเยียวยาตรงนี้ได้ ก็ดูลงลึกเป็นรายกรณี แยกกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วก็แก้ปัญหาเป็นรายกรณีไป 

จี้ ‘เพื่อไทย’ พิสูจน์ตัวเอง สร้างบรรทัดฐานเพิกถอนที่ดิน กรณีรัฐ-เอกชน ทับสิทธิชุมชน

ไมตรี ยังระบุถึงประเด็นปัญหาในลักษณะเดียวกันกับข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง เกิดขึ้นในหลายพื้นที่หลายกรณี หากรัฐบาลในนามพรรคเพื่อไทย จะสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ว่าคดีแบบนี้ที่ศาลสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ซึ่งมีหลายกรณีมากที่กำลังทำงาน และเจรจากับรัฐบาลอยู่ในการแก้ไขปัญหา แต่ต้องยอมรับตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา ก็ยังไม่เคยพูดเรื่องที่ดินที่เป็นปัญหาของคนจนเลย

และมีหลายกรณีที่มีกระบวนการตรวจสอบมีพยานหลักฐาน จากทั้งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบหมดแล้ว จนมีมติร่วมกันว่าให้มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ แต่รัฐบาลก็ไม่ดำเนินการ เพราะฉะนั้นคิดว่า รัฐบาลจะต้องเดินหน้าเรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เอกชนที่ออกมาโดยมิชอบซึ่งมีหลายกรณี พิสูจน์การเอาจริงทางนโยบายในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้  ยกตัวอย่างล่าสุด 

  • กรณีข้อพิพาทที่ดิน บ้านบุ่งหวาย และบ้านหนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ และ รมว.มหาดไทย โดยเป็นกรณีที่เอกชนเอาพื้นที่ 16,000 กว่าไร่ ซึ่งเป็นเอกชนเจ้าเดียว ออกเอกสารสิทธิ์แล้วเอามาฟอกหลายรอบ เพื่อมาแบ่งขายทับที่ดินเกษตรกรไปสองตำบลนี้ และมีกระบวนการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นกระบวนการโกงและฟอกที่ดินและเปลี่ยนมือขายไปหลายทอด ทำให้ชาวบ้านหลายคนไร้ที่ดินทำกิน และถูกไร่รื้อหรือถูกคุกคาม ซึ่งยังไม่นำไปสู่การแก้ไขให้แล้วเสร็จ
เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
  • ส่วนกรณี เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ที่เอกชนใช้กระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ครอบทับชุมชนชาติพันธุ์ดั้งเดิม อย่างชาวเลอูรักลาโว้ยในพื้นที่ จนไม่เหลือแม้ทางเดินลงหาด ไม่เหลือที่สาธารณะ ทับที่โรงเรียน ที่อยู่อาศัย แล้วก็มีการฟ้องร้องกัน จนมีการกระบวนการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์เหล่านี้แล้วว่า เอกชนออกโดยมิชอบทับที่ดินของชุมชน กระบวนการศาลพิพากษาหลายกรณีที่เอกชนฟ้องชาวเล แต่ศาลตัดสินว่าผู้ฟ้องไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะฟ้องขับไล่ชาวเล และรัฐบาลก็ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่ก็ไม่ได้มีการเดินหน้าสู่การเพิกถอนที่ดินที่ออกโดยมิชอบเลย
  • รวมถึงกรณีล่าสุด ชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี มีมติว่าการประกาศ น.ส.ล.ที่ทางที่ดิน จ.สุราษฎร์ธานี ออกผิดที่ผิดตำแหน่ง แล้วให้ทางจังหวัดเดินหน้าแก้ไขเพิกถอนรูปแผนที่ใหม่ แต่ก็ไม่ได้ทำ นี่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับประชาชนตัวเล็กตัวน้อย ที่มีอยู่ถึง 135 ครัวเรือน อันนี้ก็จะเป็นเคสหนึ่งที่รัฐบาลควรจะหยิบมาแก้ไขควบคู่ไปด้วย
ชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี

นี่คือตัวอย่างแค่กรณีที่อยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหากับรัฐบาลบางส่วนเท่านั้น เพราะฉะนั้นสะท้อนการเพิกถอนที่ดินคืนรัฐ และคืนชุมชนในหลายที่ ที่รัฐบาลไม่ได้เดินหน้า 

“รัฐไม่ควรเดินหน้าเพิกถอนที่ดินเขากระโดงโดยใช้การเมืองนำ ควรเดินหน้าในทุกกรณีที่อยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ได้เอ่ยมาเป็นตัวอย่างข้างต้น เป็นนโยบายว่าที่ดินใดก็ตามที่ตรวจสอบแล้วพบว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ ออกเอกสารสิทธิ์ทับสิทธิชุมชน หรือศาลตัดสินแล้วให้เพิกถอน ก็ต้องเดินหน้าเพิกถอนตามคำสั่งศาลทุกกรณี ให้กรมที่ดิน ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมากับทุกกรณีที่กำลังอยู่ในการแก้ไขปัญหา ตรงนี้สังคมไทยพอจะเข้าใจได้ว่ารัฐบาลเอาจริง แล้วก็กำกับราชการให้ดำเนินการตามมติต่างๆ ไม่ใช่มุ่งแค่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองอย่างเดียว อาจจะนำไปสู่การหมดความชอบธรรมในการอ้างกับสังคม”

ไมตรี จงไกรจักร์ 

ไมตรี ยังเรียกร้องให้ กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งมี รมว.กระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน เพราะตั้งแต่แต่งตั้ง ครม. และผู้บริหารชุดใหม่ ยังไม่เคยประชุมติดตามปัญหาสักครั้ง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active