จับทิศทาง ‘การเมืองไทย’ : The Active รวบยอดเหตุการณ์สำคัญวันนี้ (3 ก.ย. 68) 

8.50 น.
‘ณัฐพงษ์’ ลงนาม MOA หลังแถลง ปชน. หนุน ‘อนุทิน’ นั่งนายกฯ คนที่ 32 ภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อ

วันนี้ (3 ก.ย. 68) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ต่อทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรี โดยมีมติเลือก อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ซึ่งข้อตกลงจะมีผลก็ต่อเมื่อหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้ลงนามในข้อตกลงนี้ และพร้อมแถลงต่อสาธารณชน

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมกกรมการบริหารพรรค แถลงข่าวหนุน อนุทิน ชาญวีรกูล หน.พรรคภูมิใจ
นั่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32

ทั้งนี้ยืนยันการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้ตัดสินใจด้วยความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชน แต่เพื่อป้องกันอำนาจนอกระบบเข้าแทรกแซง ปลดล็อกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคืนอำนาจให้กับประชาชน และยืนยันว่าเป็นการตัดสินใจเพื่อสร้างทางออกให้กับประเทศ

หัวหน้าพรรคประชาชน ยังระบุว่า พรรคภูมิใจไทย ทำให้เห็นได้ว่าเป็นเสียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ สส.ของพรรคประชาชน กว่า 140 เสียงจะกำกับให้ไปในแนวทางที่ถูกต้อง

“ถ้าประเมินตามข้อเท็จจริง พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่ทำให้พวกเรามองเห็นตามหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ว่า พรรครัฐบาลเสียงข้างน้อย และ สส.ของพรรคประชาชน กว่า 140 เสียง จะกำกับให้ไปในแนวทางที่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อสร้างทางออกให้กับประเทศจริง ๆ

“พรรคภูมิใจไทย ต้องมีต้นทุนสูงที่สุด ถ้าจะตระบัดสัตย์ต่อประชาชน หน้าที่พวกเราในทางปฏิบัติ จะพยายามกำกับให้ทางภูมิใจไทยลงนามข้อตกลง พร้อมแถลงต่อสาธารณะ เพื่อเดินหน้าไปสู่การยุบสภา ทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ เข้าใจว่าในทางปฏิบัติสามารถบิดพริ้วได้ แต่ก็เป็นต้นทุนที่พรรคภูมิใจไทยต้องแลกมา”

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

ส่วนรายละเอียดในข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชน กับ ภูมิใจไทย นั้น ระบุไว้ว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ทำให้สภาผู้แทนราษฎรต้องพิจารณา ให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 159 พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เห็นร่วมกันว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินเพื่อแก้ไขปัญหาจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะหน้าในระยะเวลาอันสั้น จัดทำประชามติเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุบสภาผู้แทนราษฎร

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชน จะให้ความเห็นชอบ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้เงื่อนไขที่พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยตกลงร่วมกัน ดังต่อไปนี้

  1. นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบาย ต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป

  2. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป

  3. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย จะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธธรรมนูฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว

  4. เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใด ๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

  5. พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

จากนั้น ณัฐพงษ์ ได้ลงนามข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย 

9.40 น.
‘ชูศักดิ์’​ รับ​ ‘เพื่อไทย’ เห็นชอบให้ยุบสภา​

ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า เท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย. 68) กับแกนนำรวมถึง ภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องคิดว่าหากคิดวิเคราะห์ดี ๆ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเลือกไปเพื่อยุบสภา เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้วและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหลังจากนั้นภายใน 4 เดือนก็จะต้องมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศแบบจริงจัง แต่มายุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าคิดว่า เป็นกระบวนการที่เลือกผู้นำประเทศแต่ไม่ได้บริหารประเทศ โดยในเฉพาะช่วงวิกฤตเช่นนี้ 

“การที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องมองถึงเอกภาพถึงการเป็นพรรคการเมืองก็เป็นปัญหา พรรคนี้ครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นค่อนหนึ่ง หรือพรรคนั้นมีงูเห่าเท่านั้นเท่านี้ตัว ความสง่างามและความเป็นประชาธิปไตย อย่างที่ตนมาว่าจะเป็นปัญหา ซึ่งเราจะคิดว่าถ้าเลือกทางนี้ท้ายที่สุดจะถูกต้องหรือไม่ จึงคิดว่าเมื่อจะยุบสภาอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุด ยุบไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากรัฐบาลที่เลือกเข้าไปก็จะกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ก็ยุบเสียเลย สมมติอย่างนี้ ซึ่งจากการพูดคุยก็คิดว่าเหมาะสม แต่อำนาจการตัดสินใจก็เป็นเรื่องของผู้ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี

ชูศักดิ์ ศิรินิล

ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ชูศักดิ์ บอกอีกว่า ปัญหาการยุบสภามีอยู่ 2 ประการ คือมีอำนาจหรือไม่ในการเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งก็จะมีความเห็นจาก เลขากฤษฎีกา ที่บอกว่าไม่มีอำนาจแต่หลายความเห็นก็บอกว่ามีอำนาจ ซึ่งข้อสังเกตของตนมีอยู่ว่า สถานการณ์ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงแต่ทำหน้าที่ไม่ได้ แต่หากถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี คำตอบคือนายภูมิธรรม ที่ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจเต็ม นี่คือข้อสังเกตในเรื่องอำนาจ

ส่วนประการที่ 2 ที่มองว่าเป็นพระราชอำนาจ จะไปก้าวล่วงหรือไม่ จริงอยู่ที่เป็นพระราชอำนาจ แต่กฎหมายระบุไว้ว่า ให้ตราการยุบสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คำถามคือใครเป็นผู้นำเสนอ และผู้ที่ต้องรับสนองพระราชโองการ คือผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา สุดแล้วแต่จะเป็นพระบรมราชวินิจฉัย เราก้าวล่วงไม่ได้ จึงคิดว่าน่าจะไปได้ จึงให้ ภูมิธรรมคิดดูว่าจะทำอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งฟังดูท่านก็มองว่า ควรจะไปทางนี้ได้อยู่เหมือนกัน 

ชูศักดิ์ ย้ำอีกว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี เลือกไป 4 เดือนก็ต้องยุบสภา จะเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติไปเสียมากกว่า ซึ่งข้อสำคัญคือกระบวนการเลือก ต้องมีความสง่างาม

10.06 น.
‘อนุทิน’ เข้าสภาฯ หลัง พรรคประชาชน มีมติโหวตหนุนนั่ง นายกฯ  

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าสภาฯ เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนได้สนับสนุนให้นั่งนายกฯ คนที่ 32 แต่ทางฝั่งพรรคเพื่อไทย ได้ดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภานั้น แต่ อนุทิน​ ไม่ได้ตอบคำถาม

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ดีใจหรือไม่ที่พรรคประชาชนจะโหวตสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี อนุทิน ตอบว่า “ดีใจที่สุด” และรู้สึกขอบคุณมาก ๆ ด้วย 

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว อนุทิน บอกว่า “ขอขึ้นไปประชุมกับพรรคภูมิใจไทยก่อน” 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอ้างเหตุผลการยุบสภา ว่า เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะนำพาประเทศไปไม่รอด อนุทิน หัวเราะ ก่อนตอบว่า ดูร่างที่พรรคประชาชน ได้แถลงมันมีคำตอบอยู่ในนั้น เมื่อถามว่าพร้อมเซ็นตามข้อตกลงของพรรคประชาชนหรือไม่ อนุทิน ตอบว่า “พร้อมสิครับ ยอมรับได้ทุกข้อ”

10.35 น.
‘ภูมิธรรม’ รับยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ เหตุประชาธิปไตยบิดเบี้ยว โยนสภาฯ พิจารณาเดินหน้าโหวตนายกฯ ต่อหรือไม่ ?

ภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ตนมองว่าระบบประชาธิปไตยบิดเบี้ยว ไม่เป็นครรลองที่ควรจะเกิด การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ที่ตกลงกันว่าจะร่วมโหวตจัดตั้งรัฐบาล โดยประกาศว่าทางพรรคประชาชน จะโหวตให้กับพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่ร่วมเป็นรัฐบาล อย่างไรก็เป็น 3 กลุ่มเหมือนเดิม พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนพรรคประชาชนก็มี 2 โหมดในตัวเอง คือทางฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีสิ่งนี้มาก่อน

ภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี

“ในบรรยากาศการเมืองที่เป็นอยู่ มีการซื้อ สส. และดึง สส.ต่าง ๆ ซึ่งสับสนอลหม่าน ในสถานการณ์ที่เราดูอยู่ขณะนี้กับเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่มีปัญหาก็เห็นว่าสิ่งที่สำคัญวันนี้ ถ้าไม่สามารถดึงความเชื่อมั่นเข้ามาสู่ประเทศได้ก็จะยิ่งทำให้ปัญหาเศรษฐกิจ ถูกกระทบและรุมเร้า โดยปัญหาทั้งหมดที่ได้คุยกัน ฝ่ายกฎหมายคิดว่าควรจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ไปตัดสินใจ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ เพราะฉะนั้นไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ตัดสินใจ อยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย และสถานการณ์ต่างๆ ตนในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาและได้รวบรวมความคิดเห็น และคิดว่าควรจะมีการ กราบบังคมทูล ถวายสถานการณ์ต่าง ๆ ให้พระองค์ทราบ เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหานี้ จึงตัดสินใจที่จะยื่นทูลเกล้าฯ ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซึ่งต้องรอกระบวนการตามประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นเช่นนี้พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องไปพิจารณา

ภูมิธรรม เวชยชัย

ภูมิธรรม ยืนยันว่าตนได้ยื่นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

11.10 น.
‘อนุทิน’ พร้อมแกนนำพรรคกล้าธรรม พลังประชารัฐ แถลงขอบคุณ ‘พรรคประชาชน’ พร้อมเซ็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนที่ 32”

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปไตยใหม่ แถลงขอบคุณพรรคประชาชน ในการสนับสนุนโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีและให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่าจะยึดมั่นตามข้อตกลง 5 ข้อ โดยพรรคภูมิใจไทยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คน ได้มอบรายชื่อและให้คำมั่นกับพรรคประชาชนว่าจะให้การสนับสนุน ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากนี้ไป จะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร จะได้ดำเนินการตามขั้นตอน

“เราตระหนักดีว่าพรรคประชาชนได้ให้ความร่วมมือ ได้เสียสละ ในการหาทางออกให้กับประเทศไทยในช่วงสถานการณ์วิกฤต ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และภัยธรรมชาติ ผมขอยืนยันว่าพวกเราในที่นี่จะไม่ทำให้เจตนารมณ์และความเสียสละของทุกท่านสูญเปล่า และจะรักษาข้อตกลง ทั้ง 5 ข้อ ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชนตลอดระยะเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่ที่เราจะเข้าไปทำงานในฐานะรัฐบาล และจะดำรงสภาพความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยมีพี่น้องประชาชนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของพวกเรา ดังนั้นในระยะเวลา 4 เดือนของการเป็นรัฐบาล เราจะทำงานเต็มความสามารถ ให้สมกับความไว้วางใจที่ทุกท่านได้ให้โอกาสกับพวกเรา”

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

15.30 น.
ฝ่ายกฎหมาย ‘ภูมิใจไทย’ แจ้งความเอาผิด ‘ภูมิธรรม’ ใช้อำนาจเกินขอบเขต ทูลเกล้าฯ ยุบสภา

ศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย นำเอกสารคำร้องทุกข์ ยื่นให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ศุภชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 – 3 ก.ย. ภูมิธรรมได้ยื่นทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และยังให้สัมภาษณ์ยอมรับต่อสื่อมวลชนถึงแม้ ภูมิธรรม จะอยู่ในสถานะรักษาการนายกรัฐมนตรี แต่ตามความเห็นทางกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่า รักษาการนายกฯ ไม่มีอำนาจเสนอการยุบสภาได้

ศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย

ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 103 และมาตรา 116 กำหนดไว้ว่า อำนาจยุบสภา เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่ต้องกระทำตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ภูมิธรรม จึงไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ กราบบังคมทูลขอพระราชทานยุบสภาได้ และเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา จึงขอให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอน พร้อมทั้งขยายผลไปยังบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนจะการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่ ศุภชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตยังไม่ได้คิดถึง แต่วันนี้จะเดินหน้าดำเนินคดีทางอาญา โดยอ้างว่าอยากให้บ้านเมืองเดินหน้าไปโดยราบรื่น โดยพรรคภูมิใจไทย ร่วมกับพรรคประชาชน ร่วมมือการแก้ไขปัญหา ตามข้อตกลงที่จะต้องยุบสภา ภายใน 4 เดือน จึงอยากให้เป็นหน้าที่ของสภาฯ ตัดสินเรื่องการยุบสภา

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active