นักวิเคราะห์ ชี้ เลือกตั้ง 69 เปลี่ยนรูปแบบการเมืองใหม่แน่นอน ชี้ สัดส่วนภาคประชาชน มากขึ้น คนไทยได้ประโยชน์ ช่วยขับเคลื่อนประเด็นปัญหาสู่นโยบายได้
วันนี้ (18 ธ.ค. 68) รศ.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย แสดงความเห็นผ่านรายการ ตรงประเด็น โดยวิเคราะห์ปรากฏการณ์เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง 2569 มองว่า ใครก็ตามที่คิดลงสนามการเมือง แล้วมาตามตรอกออกตามประตูก็ขอชื่นชมชมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อยากเข้ามาบริหารประเทศ แต่มีข้อสังเกตว่าบางพรรคการเมือง อย่างพรรคประชาชน ที่บอกว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี มีบัญชีพร้อมเปิดตัว ก็ขอตั้งข้อสังเกตว่า กล้าเปิดตัวทุกคนแน่หรือไม่ เพราะทราบมาว่า บางคนอยากเป็นรัฐมนตรี แต่ไม่กล้าขึ้นเวทีดีเบต หรือเวทีหาเสียง ซึ่งถ้าเข้าตามตรอกออกตามประตูก็อย่าไปกลัวที่จะต้องตอบคำถามประชาชน หรือการหาเสียง เพราะนี่กลไกตามปกติของระบอบประชาธิปไตย
ส่วนภาคประชาชนที่ตัดสินใจลงสนามการเมืองมากขึ้นนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการมีกฎหมายอะไรที่ทำให้ประเทศยกระดับเรื่องสิทธิเสรีภาพ หรือปรับปรุงเชิงโครงสร้างมากขึ้น ก็เกิดขึ้นได้เพราะมีผู้คนเหล่านี้เข้ามาอยู่ในรัฐสภา

อย่างการมี กฎหมายสมรสเท่าเทียม หรือกฎหมายคุ้มครองแรงงาน การเพิ่มสิทธิวันลาคลอด ฯลฯ สิ่งเหล่าเกิดขึ้นเพราะภาคประชาสังคม เห็นว่า การเข้ามาต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภาก็เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการผลักดันประเด็นปัญหาต่าง ๆ จึงอยากสนับสนุนให้ภาคประชาสังคมเข้ามากันเยอะ ๆ
รศ.ธนพร ยังประเมินการเมืองหลังจากนี้จะมีรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากมีส่วนผสมค่อนข้างต่างไปจากเดิม สิ่งนี้จะทำให้ประชาธิปไตยไทยต่างไปจากเดิม มีความยั่งยืน เข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ โดยย้ำว่า อย่าไปกลัวการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นบ่อย หรือการเป็นนักการเมืองจะทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองไม่ดี เพราะสุดท้ายแล้วสถาบันการเมือง ก็มีความชอบธรรมในการขับเคลื่อนประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนในเชิงโครงสร้างต่าง ๆ
“เราเคยมีบทเรียน จากการคาดหวังการปฏิรูปโครงสร้างผ่านสภาปฏิรูปที่มาจากการรัฐประหาร แต่สุดได้ก็ไปไม่ได้ ขณะที่สภาที่มาจากการเลือกตั้ง กลับผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าออกมาได้ตั้งหลายฉบับ การมีภาคประชาชนลงเลือกตั้งเยอะ ๆ เป็นประโยชน์กับคนไทยแน่นอน”
รศ.ธนพร ศรียากูล
รศ.ธนพร ยังวิเคราะห์อีกว่า นโยบายเรื่องหลักต้องเป็นการแก้ปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา แน่นอน แล้วสัมพันธ์ไปถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ส่วนเรื่องประเด็นทางการเมืองอย่างการแก้รัฐธรรมนูญ คิดว่า พรรคการเมืองต้องผลักดันประเด็นนี้ แต่น้ำหนักจะน้อยลง เพราะพรรคฝ่ายก้าวหน้าอย่าง พรรคประชาชน ก็มุ่งเน้นการมีบัญชีรัฐมนตรี ผู้สมัคร สส.ที่เน้นการปฏิบัติมากกว่าการต่อสู่เชิงอุดมการณ์ ดังนั้น การต่อสู้ทางการเมืองในเชิงอุดมการณ์จะลดลง แต่ในเชิงปฏิบัติจะเพิ่มขึ้น เช่น แนวทางการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา รวมถึงแนวทางแก้เศรษฐกิจ เป็นต้น
รศ.ธนพร ยังประเมินว่า บรรยากาศการเลือกตั้งในปี 2569 ก็จะคึกคักเหมือนอย่างปี 2566 แน่นอน เพราะเรื่องการเลือกตั้งของไทย ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์มากเป็นลำดับต้น ๆ ของโลกมานานแล้ว มั่นใจว่าครั้งนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 75%
