พรรคประชาชนชี้แจงหลังกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ ทวงนโยบายด้านสิทธิผู้เรียน ย้ำยังผลักดันเหมือนเดิม แต่ถูกบรรจุอยู่ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หวังสร้างการศึกษาที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
จากกรณีที่พรรคประชาชนเปิดตัว นโยบายด้านการศึกษาสำหรับการเลือกตั้งปี 2569 โดยมีการนำเสนอแนวทางปฏิรูปการเรียนรู้กว่า 19 นโยบาย ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตร ระบบครู สวัสดิการนักเรียน ไปจนถึงการกระจายอำนาจสู่สถานศึกษา ดังนี้
- ออกแบบหลักสูตรการศึกษาใหม่: พัฒนา “แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ” เพื่อสะสมหน่วยกิตจากการเรียนรู้ทุกรูปแบบ ไม่จำกัดแค่ในห้องเรียน ช่วยให้ผู้เรียนออกแบบเส้นทางชีวิตและอาชีพได้ตามความสนใจจริง
- จัดทำระบบการศึกษาไร้รอยต่อ: ให้คูปอง 2,000 บาทต่อปี เยาวชนเลือกเรียนอิสระ สะสมเครดิตผ่านแพลตฟอร์มแห่งชาติ มีผู้แนะนำหลักสูตรส่วนตัว และดึงผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นร่วมสอนเพื่อการศึกษาที่ไร้รอยต่อ
- ปฏิรูปการศึกษาสร้างนักคิด นักแก้ปัญหา: เลิกสอบท่องจำ ใช้การบูรณาการข้ามศาสตร์แก้โจทย์ท้องถิ่น มีโค้ชประจำโรงเรียน และประเมินสมรรถนะผ่านพอร์ตโฟลิโอ เพื่อสร้างเด็กไทยที่คิดเป็น ทำได้ สื่อสารดี
- เรียนฟรีไม่มีบิลเพิ่ม: กำหนดเพดานค่าเทอม จำกัดห้องเรียนพิเศษไม่เกินร้อยละ 30 ให้โควตาเรียนฟรีห้องเรียนพิเศษ 25% และสร้างโรงเรียนต้นแบบห้ามเก็บเงินเพิ่มเพื่อความเท่าเทียม
- เพิ่มงบอาหารกลางวันนักเรียน: เพิ่มงบอาหารโรงเรียน 1.6 หมื่นล้าน อุดหนุนโรงเรียนเล็กจ้างคนทำอาหาร ปลดล็อกระเบียบให้กินมื้อเช้าได้ เพื่อขจัดความหิวและแก้ปัญหาโภชนาการเด็กไทย
- จ้างนักจิตวิทยาในโรงเรียน: จ้างนักจิตวิทยาประจำโรงเรียนที่มีนักเรียน 300 คนขึ้นไป (ประมาณ 2,300 แห่ง) เพื่อเป็นด่านหน้าคัดกรองและเยียวยาเบื้องต้น โดยไม่ต้องรอนักจิตวิทยาเขตพื้นที่ที่ขาดแคลน
- ปฏิรูประบบการสร้างครู: ปฏิรูประบบการผลิตครูจากเดิมที่เน้นปริมาณ เป็นการผลิตตามความต้องการจริงของตลาดแรงงาน เพื่อแก้ปัญหาครูเฟ้อในบางสาขาแต่ขาดแคลนวิชาสำคัญอย่าง STEM
- โปรแกรมฝึกอบรมครู ที่ครูและโรงเรียนเลือกเอง: แจกงบพัฒนาครูคนละ 5,000 บาทส่งถึงโรงเรียน ให้เลือกอบรมเองตามปัญหาพื้นที่ เลิกวัดผลจากใบประกาศ แต่วัดผลที่พัฒนาการเด็ก เพื่อคืนครูสู่ห้องเรียนอย่างมีคุณภาพ
- ลดงานครู ลดงานธุรการ เพิ่มระบบดิจิทัล: จ้างธุรการ-ภารโรงครบทุกโรง แก้กฎหมายจัดซื้อจัดจ้างเป็นดิจิทัล เลิกทำรายงาน-จัดบอร์ดประเมิน และวัดผลที่ตัวเด็ก เพื่อคืนครูสู่ห้องเรียน
- ปรับค่าตอบแทนครู ดึงดูดคนเก่ง คุ้มครองคนทำงาน: ครูบรรจุใหม่เงินเดือนเริ่มต้น 22,000 บาท บรรจุธุรการ-ภารโรงเป็นลูกจ้าง ให้เงินพิเศษพื้นที่ห่างไกล และประเมินวิทยฐานะอิงผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนเพื่อคืนครูสู่ห้องเรียน
- คูปองเปิดโลก: คูปองเปิดโลก 2,000 บาท/คน/ปี มอบอิสระให้เยาวชนเลือกเรียนตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะ ค่ายทักษะ หรือคอร์สออนไลน์ โดยรัฐทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ
- ส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ใกล้บ้าน: ลงทุนพันล้านเพิ่มพื้นที่เรียนรู้ 700 แห่ง ใช้การลดหย่อนภาษีดึงดูดเอกชนพัฒนาที่ดินเพื่อการเรียนรู้ ส่งนิทรรศการสัญจรถึงทุกอำเภอ เพื่อการเรียนรู้ใกล้บ้านที่เท่าเทียม
- ใช้ระบบฐานข้อมูลและ AI ปฏิรูปการศึกษา: ใช้ AI ปรับการเรียนรายบุคคล แจกแท็บเล็ตนำร่อง พัฒนาระบบการเรียนรู้แห่งชาติ ปลดล็อกงบให้โรงเรียนซื้อ EdTech เองได้ เพื่อสร้างการศึกษาไทยที่เท่าทันโลก
- ปฏิรูปโรงเรียนขนาดเล็ก บริหารงบอย่างเป็นธรรม กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น: เพิ่มงบก้าวหน้าให้โรงเรียนเล็กห่างไกล จัดรถรับส่งมาตรฐานแทนเงินเดินทาง ให้ท้องถิ่นรับบริหารเองได้
- ให้อำนาจโรงเรียนบริหารทรัพยากรเอง: กระจายอำนาจทางการศึกษา ให้โรงเรียนตัดสินใจทรัพยากรเองได้ แก้ปัญหาครูไม่มีเวลาสอน เพื่องบประมาณถูกใช้อย่างตรงจุด นำไปสู่คุณภาพการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
- สอบ TCAS ฟรี: อุดหนุนงบแค่ 320 ล้าน ทำให้การสอบ TCAS ฟรีจริง ครอบคลุม A-Level ทุกวิชา และเลือกอันดับรอบแอดมิชชั่น เพื่อเด็กทุกคนมีโอกาสสอบมหาวิทยาลัยได้อย่างเท่าเทียม
- แก้ปัญหา กยศ.เสริมสภาพคล่อง ช่วยผู้กู้หางาน: เปลี่ยน กยศ.จากเจ้าหนี้เป็น “พาร์ทเนอร์” โดยจับคู่ผู้กู้ที่กำลังจะจบกับสถานประกอบการ พร้อมออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้บริษัทที่รับผู้กู้ กยศ.เข้าทำงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้และการใช้คืนหนี้
- พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่: คืนอำนาจสู่โรงเรียน คืนเวลาให้ครู คืนความสุขให้ผู้เรียน ออก พ.ร.บ.การศึกษาใหม่ กระจายอำนาจให้โรงเรียนอิสระ รับประกันเรียนฟรีจริง คืนครูสู่ห้องเรียน ดึงท้องถิ่นร่วมจัดการศึกษาเพื่อผู้เรียน
- ปฏิรูปอาชีวศึกษา ให้เป็นการศึกษา “กระแสหลัก”: ปั้นอาชีวะเป็นทางเลือกหลัก ให้สิทธิภาษี BOI ดึงเอกชนร่วมสอน เพิ่มครูช่าง เติมทักษะ AI และเปิดศูนย์ Reskill ทุกช่วงวัยเพื่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเผยแพร่นโยบายดังกล่าว ได้เกิดเสียงวิพากษ์จากภาคประชาชน โดยเฉพาะกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ ที่ตั้งข้อสังเกตว่านโยบายหลายประเด็นซึ่งเคยเป็นจุดยืนสำคัญของพรรคก้าวไกลในอดีตอย่างนโยบายด้าน “สิทธิและอำนาจของผู้เรียน” กลับไม่ปรากฏอย่างชัดเจนในชุดนโยบายล่าสุด หรือถูกลดน้ำหนักหรือหายไปจากกรอบนโยบายหรือไม่ อาทิ
- การมีตัวแทนนักเรียนในคณะกรรมการโรงเรียน และการเปิดพื้นที่ให้สภาเยาวชนมีบทบาทเชิงนโยบาย
- การยกเลิกการบังคับทรงผมและการตั้งแถว
- การกำหนดให้กฎระเบียบโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน
- มาตรการคุ้มครองนักเรียนจากการถูกละเมิดสิทธิ และบทลงโทษครูที่ละเมิดสิทธิเด็ก
- การเปิดให้นักเรียนมีสิทธิประเมินครู
ปีกการศึกษาพรรคประชาชน ชี้แจง
นโยบายสิทธิของผู้เรียน อยู่ในร่างกฎหมายการศึกษาฉบับใหม่
ต่อมา วันที่ 27 ธันวาคม 2568 พริษฐ์ วัชรสินธุ อดีต สส.พรรคประชาชน ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยยืนยันว่า พรรคยังคงยึดหลักการขจัดวัฒนธรรมอำนาจนิยมในสถานศึกษา และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเช่นเดิม เพียงแต่การจัดหมวดหมู่นโยบายในรอบนี้มีการรวบรวมหลายประเด็นเข้าด้วยกัน ทำให้รายละเอียดบางส่วนไม่ปรากฏชัดบนหน้าเว็บไซต์เท่ากับช่วงที่พรรคก้าวไกลเคยนำเสนอ
พริษฐ์ระบุว่า ประเด็นเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และการมีส่วนร่วมของนักเรียน ได้ถูกรวมไว้ในร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ฉบับใหม่ ซึ่งพรรคได้ยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว และเตรียมผลักดันต่อในสภาชุดหน้า โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีบทบัญญัติสำคัญ โดยมีหลายมาตราที่เป็นการรับประกันเรื่องสิทธิของนักเรียนไว้ในกฎหมายโดยตรง เช่น
- สิทธิในการร่วมออกแบบกฎระเบียบสถานศึกษา ที่ต้องไม่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (มาตรา 11(14))
- การเข้าถึงช่องทางร้องเรียนการละเมิดสิทธิ ที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน (มาตรา 11(15))
- การมีตัวแทนนักเรียนในคณะกรรมการสถานศึกษา ที่นักเรียนเลือกเข้ามา (มาตรา 37)
- บทบาทของสภานักเรียนในการร่วมกำหนดนโยบายในสถานศึกษา (มาตรา 38-39)
- สิทธินักเรียนในการร่วมประเมินครู (มาตรา 80)


สำหรับประเด็นเรื่องการส่งเสริมบทบาทของสภาเยาวชน ทางพรรคได้รวมอยู่ในนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปสภาเด็กและเยาวชนให้มาจากการเลือกตั้งจากเด็กและเยาวชนในวงกว้าง และเพิ่มบทบาทเชิงนโยบายอย่างอิสระ (เช่น การมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขกฎหมาย / การตั้งกระทู้ต่อฝ่ายบริหาร)
พริษฐ์ยังกล่าวว่า แนวคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงการหาเสียง แต่เป็นผลจากการทำงานศึกษาของคณะกรรมาธิการในสภาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมยอมรับว่าการสื่อสารนโยบายในรอบนี้อาจยังไม่ชัดเจนเพียงพอ และยืนยันว่าพรรคพร้อมรับฟังข้อเสนอจากภาคประชาชน เพื่อปรับการสื่อสารและผลักดันนโยบายด้านสิทธิและการมีส่วนร่วมของผู้เรียนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในระยะต่อไป
ขณะที่ ปารมี ไวจงเจริญ อดีต สส.และปีกการศึกษา พรรคประชาชน ชี้แจงว่า พรรคได้ออกแบบกลไกคุ้มครองสิทธิผู้เรียนไว้ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติแล้ว โดยกำหนดให้มีช่องทางร้องเรียนกรณีถูกละเมิดสิทธิที่เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และเป็นอิสระจากการแทรกแซง พร้อมเปิดให้ผู้เรียนและผู้ปกครองติดตามความคืบหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
ปารมีระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน แต่เนื่องจากมีการยุบสภาก่อนเข้าสู่การพิจารณา พรรคจึงอยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเปิดให้ประชาชนร่วมเสนอความเห็นเพิ่มเติม เพื่อให้กฎหมายตอบโจทย์การปฏิรูปการศึกษา
ขณะเดียวกัน พรรคยังยืนยันการผลักดันบทบาทเยาวชนผ่านนโยบายปฏิรูปสภาเด็กและเยาวชนให้มาจากการเลือกตั้ง และเพิ่มอำนาจในการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย โดยย้ำว่าพรรคประชาชนยังคงยึดหลักการปฏิรูปการศึกษาอย่างรอบด้าน เปิดพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม และยืนยันว่าหัวใจของการศึกษาคือผู้เรียน
