‘ประธาน กมธ.อากาศสะอาด’ เผย กฎหมายพิจารณาเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.พ. 68 ตามกรอบเดิม หวังให้ประชาชนแสดงความเห็น ก่อนดันเข้าสภาวาระ 2 และ 3 ห่วง หมอกควันข้ามแดน ภาคเหนือ ย้ำ รัฐบาลทำงานร่วมอาเซียน ลุยสร้างความเข้าใจ ‘งดเผา’
วันนี้ (10 ก.พ. 68) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … (กมธ.อากาศสะอาด) ประชุมครั้งที่ 60 โดยมีการพิจารณา หมวดที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง มลพิษข้ามแดน หมวดที่ 5 เขตเฝ้าระวังและเขตประสบมลพิษทางอากาศ และ หมวดที่ 6 เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่ออากาศสะอาด
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธาน กมธ.อากาศสะอาด เปิดเผยกับ The Active ว่า ในส่วนของ กมธ.อากาศสะอาด มีการพิจารณา จบไปอีก 3 หมวด เหลือการปรับแก้รายละเอียดในหมวดที่ 8 – 10 คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาเดิม คือ เสร็จภายในเดือน ก.พ. นี้ และคาดว่าจะผ่านสภาวาระ 2-3 ในช่วงเดือน เม.ย. 68 ก่อนปิดสมัยประชุม

จักรพล เผยว่า 1 ปี สำหรับการพิจารณากฎหมายอากาศสะอาด ที่ถูกถามถึงความล่าช้า ซึ่งนักวิชาการหลายท่าน ชี้ว่า กฎหมายที่ใหญ่และใหม่เช่นนี้ 1 ปียังถือว่าเหมาะสม และในฐานะที่เป็น กมธ. และเป็นประธานในคณะ ก็พยายามพิจารณาอย่างรอบคอบมากที่สุด อาจไม่สามารถตอบได้ว่าช้าหรือเร็ว แต่สิ่งสำคัญคือความครอบคลุมของกฎหมาย ที่ท้ายที่สุดออกมาจะสามารถบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ สามารถเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำไปปรับใช้และทำงานได้จริง คือ “อยากให้เร็วที่สุดและรอบคอบที่สุด”
สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากภาคเกษตรกรรม ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ มีมาตรการจากรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศออกไปเพื่อควบคุมค่าฝุ่นให้อยู่ในเกณฑ์ ซึ่งปัญหาหมอกควันข้ามแดนเป็นวาระของอาเซียน ที่เป็นความเข้าใจกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องการเผา หรือ อย่างที่ จ.เชียงใหม่ ทั้ง 25 อำเภอ ได้มีการรณรงค์ให้เป็นการไถกลบทั้งหมด
“ดังนั้น คิดว่าการเผาที่จะเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ภายในประเทศในส่วนของภาคเหนือคิดว่าจะควบคุมได้ดี ส่วนของที่ต้องเฝ้าระวังก็คือในเรื่องของหมอกควันข้ามแดน เรื่องของการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องดูเรื่องทิศทางลม ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก ซึ่งอาจจะยากในการควบคุมในเพลานี้ แต่หากเกิดการตระหนักรู้ร่วมกันแล้ว ทางภาครัฐก็แสดงแอคชันได้อย่างครอบคลุม เพราะฉะนั้นตัวเลขก็จะอยู่ในส่วนที่เราควบคุมได้จากปัจจัยภายใน ส่วนปัจจัยภายนอกต้องมาดูกัน”
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม

ส่วนกรณีที่รัฐบาลถูกตั้งคำถามถึงความร่วมมืออาเซียน ที่พบว่า 30 ปีที่ผ่านมาเป็นเพียง เสือกระดาษ ที่ไม่ได้มีข้อผูกพันทางกฎหมาย จักรพล บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่างกรรมต่างวาระ ในส่วนของช่วงเวลาที่ผ่านประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายอากาศสะอาดที่จะมาแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เมื่อมีกฎหมายฉบับนี้ ก็จะทำให้มี เครื่องมือ หรือ อาวุธ ในการยกระดับแก้ปัญหาฝุ่นจากทุก ๆ แหล่งกำเนิด โดยเฉพาะภาคหมอกควันข้ามแดน
“ภาคเหนือยังมีกลุ่มประเทศ GMS (แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS)) ที่มีการประชุมกันอยู่ เพียงแต่ว่าจะใช้คำว่าเสือกระดาษ หรือยังไม่ Active หรือ เกิดการกระหนักรู้ร่วมกันในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศไทยเอง คิดว่า มันถึงช่วงที่เราอาจจะไม่ได้ว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายนะครับ แต่ว่ามันเป็นเส้นที่จะต้องเป็นจุดเริ่มต้นร่วมกัน เพราะฉะนั้นการตระหนักรู้ เรื่อง ลานีญา เอลนีโญ เรื่องโลกร้อน โลกรวน และเกิดภาวะที่ต้องเผชิญร่วมกันแบบนี้ มันเป็นความตระหนักรู้ใหม่ที่รับรู้ร่วมกัน”
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม
จักรพล ยังระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ที่นายกฯ แพทองธาร เดินทางไปประเทศจีน ได้หารือเรื่องการลดฝุ่นข้ามแดน ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเห็นตรงกันว่า ต้องมาจัดการเรื่องนี้ร่วมกัน และยืนยันว่า จะไม่ใช่ความตกลงที่เป็นเพียงเสือกระดาษ และไม่ใช่วาระอาเซียนโดยปกติ แต่จะเป็นข้อผูกพันที่นานาประเทศต้องปฏิบัติร่วมกัน
เมื่อถามว่านายกฯ ทวงถามคืบหน้ากฎหมายหรือไม่ ? ประธาน กมธ.อากาศสะอาด เผยว่า นายกรัฐมนตรีถามทุกครั้ง ทุกวาระการประชุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ มิติอื่น ๆ โดยให้เข้าร่วมประชุมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ภาคเอกชน ที่ติดตามกฎหมาย ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากเอกชนทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายช่อย ที่จะมาร่วมผลักดันเป็นนโยบายสนับสนุนทางการเงินของ BOI อีกด้วย