รัฐยังเงียบเจรจา เมียนมา-จีน หยุดเหมือง คาด 3 สัปดาห์รู้ผล ปลาน้ำกก เปื้อนพิษหรือไม่ ?

‘สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต’ จี้รัฐบาล หลังยังไร้การเจรจาระหว่างประเทศ หาทางแก้วิกฤตสารพิษปนเปื้อน หวั่น หายนะความหลากหลายทางชีวภาพ เปลี่ยนแม่น้ำเพื่อชีวิต เป็นแม่น้ำแห่งความตาย ขณะที่กรณี ชาวบ้านงมหาของในน้ำกก ตาบวม ยังไม่รู้สาเหตุมาจากสารพิษหรือไม่ ?  

กรณีโลกออนไลน์เผยแพร่ภาพชาวบ้านที่มีลักษณะดวงตาบวมโต ซึ่งภายหลังพบว่า เป็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา โดย มูลนิธิสยามเชียงราย ได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมืองงิม หมู่ที่ 4 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ทำของตกหายในคลองผันน้ำซึ่งชาวบ้านได้งมหา โดยคลองดังกล่าวเป็นคลองส่งน้ำที่ผันมาจากแม่น้ำกกจากโครงการฝายชลประทานเชียงราย เพื่อใช้ในหมู่บ้าน และพื้นที่เกษตรกรรม

โดยระบุว่า ชาวบ้านลืมตาในน้ำหาของ กลับบ้านมีอาการปวดแสบ บริเวณดวงตา และตาเริ่มบวมจึงโทร.หากู้ภัยซึ่งก็แนะนำให้ไปหาหมอดูก่อน

อาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิสยามเชียงราย ยังระบุด้วยว่า จากการดูเบื้องต้นของอาสาสมัครกู้ภัยไม่ใช่อาการระคายเคืองจากแมลงหรือหนอน เพราะเป็นการบวมจากข้างใน และตอนเกิดเหตุผู้ป่วยไม่ยอมไปพบแพทย์ จะรักษาเองโดยใช้น้ำเกลือและยาล้างตา ทั้งนี้ได้ไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ส่งต่อให้แพทย์ตรวจรักษาว่าเป็นอันตรายหรือผลกระทบจากสารพิษในแม่น้ำกกหรือไม่

สำหรับแม่น้ำกกในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ตรวจพบสารหนู และสารโลหะหนักอื่น ๆ เกินค่ามาตรฐาน จนนำไปสู่การแจ้งเตือน และเฝ้าระวังอันตรายกับผู้ใช้น้ำ

ทวงถามรัฐเจรจาระหว่างประเทศ แก้มลพิษเหมืองน้ำกกไม่คืบ

ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ค. 68) สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต โพสต์ทวงถามถึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งตั้งคณะทำงานแก้ปัญหา รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศ ผ่านข้อเสนอการแก้ไขปัญหาแม่น้ำกก 7 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ประกอบด้วย

  1. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกก จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ภายใน 30 วัน

  2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ

  3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา และกลุ่มกองกำลังว้า เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำ เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้งพื้นที่ต้นน้ำ พื้นที่ทำเหมืองในรัฐฉาน ประเทศพม่า และพื้นที่แม่น้ำกกในประเทศไทย

  4. การสร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่ง เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำจังหวัดเชียงราย

  5. การขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำ

  6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ โดยมีกลไกระดับอาเซียนบวกประเทศจีน

  7. การแต่งตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานในทุกระดับให้มีสัดส่วนของประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบภาคประชาสังคม

แต่พบว่า ปัจจุบันยังไม่มีการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำเหมืองต้นน้ำอย่างเป็นรูปธรรม

หวั่นแม่น้ำเพื่อชีวิต กลายเป็น แม่น้ำแห่งความตาย!

ทั้งนี้สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ยังระบุถึงการศึกษาสำรวจสัตว์น้ำในแม่น้ำกก ซึ่งพันธุ์ปลาที่พบในแม่น้ำกกส่วนใหญ่เป็นชนิดที่พบในแม่น้ำโขง มีการอพยพขึ้นลงระหว่างสองแม่น้ำ มีระบบนิเวศน์ย่อยที่ใกล้เคียงกับแม่น้ำโขง ที่ประกอบด้วย เกาะดอน แก่งหิน หาดทราย หาดหิน ร้อง ห้วย ริมฝั่ง หนอง บวกและออบเป็นต้น มีลำห้วยสาขาจำนวน 24 ลำห้วย จากตำบลท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ถึง อ.เมืองเชียงราย

ทั้งนี้จากการศึกษาพันธุ์ปลาในแม่น้ำกก พบถึง 71 ชนิด แบ่งออกเป็นปลาท้องถิ่น 64 ชนิด ปลาต่างถิ่น 7 ชนิด ปลาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ปลากดคัง, กดขาว, กดเหลือง, ปลาแข้, ปลาเค้าขาว, ปลาคางเบือน, ปลาดังแดง, ปลากาดำ, ปลาสวาด, ปลายอน, ปลาหวาน, ปลาดุกอุย, ปลาสร้อย, ปลาตะเพียนขาว, ปลากระทิง, ปลาไหลเป็นต้น

ส่วนปลาที่มีความสำคัญอยู่ในการจัดอันดับของ IUCN redlist อย่างน้อย 2 ชนิดได้แก่ ปลากระเบนลาว และปลายี่สกไทย จึงนับได้ว่าลุ่มน้ำกกประเทศไทย มีความอุดมสมบูรณ์ด้านหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างสูงจากการพบเจอสัตว์น้ำที่หลากหลายชนิด

ข้อกังวลของเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำกก อิง โขง ได้พยามเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงปัญหาในระยะยาว เนื่องจากแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชุมชนสองฝั่งแม่น้ำมาตั้งแต่อดีต จากแม่น้ำเพื่อชีวิตกำลังเป็นแม่น้ำแห่งความตาย

ภาพ : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคแม่น้ำเพื่อชีวิต จึงร่วมกับเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำกก อิง โขง รวมข้อเสนอแผนการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสารเคมีในแม่น้ำกก

“ด้วยความห่วงใยในสถานการณ์ตอนนี้ ทางเครือข่ายฯ ร่วมกันตรวจสอบการปนเปื้อนในตัวของปลา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของคนในลุ่มน้ำ ทางสมาคมฯ ได้ประสานกับชาวประมงเพื่อนำปลาตัวอย่างที่มีลักษณะผิดปกติ ตรวจหาสารปนเปื้อน เพื่อให้รับรู้ และรับมือกับสารปนเปื้อนที่มากับน้ำ และในการป้องกันการบริโภคปลาที่มีสารปนเปื้อน แต่การแก้ไขปัญหาหลักคือการแก้ไขปัญหาผลกระทบการทำเหมืองในเขตรัฐฉาน ซึ่งมันเกินกำลังของรัฐท้องถิ่นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเร่งเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนม่า กลุ่มกองลังชาติพันธุ์และจีน เพื่อตรวจสอบ หามาตรการควบคุมมลพิษตามกฎหมายหรืออนุสัญญาสิ่งแวดล้อมระดับสากลหรือถ้าไม่สามารถควบคุมได้ข้อเสนอสูงสุดคือต้องยุติการทำเหมือง”

ภาพ : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

ทั้งนี้ทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ร่วมกับเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำกก อิง โขง ได้เสนอแผนป้องกันและรับมือผลกระทบ 3 ระยะ คือ

  • ระยะที่หนึ่ง ระยะเร่งด่วน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบสารเคมีปนเปื้อนในน้ำ ปลา และสัตว์น้ำ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำมะ

  • ระยะที่สอง ตรวจสอบสารเคมีปนเปื้อนในน้ำ ปลา และสัตว์น้ำในลำน้ำโขงจังหวัดเชียงราย และลำห้วยสาขาแม่น้ำกก จากอำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่จนถึงปากแม่น้ำกกจำนวน 28 ลำห้วย

  • ระยะที่สาม ตรวจสอบสารเคมีปนเปื้อนในน้ำ ปลา และสัตว์น้ำในแม่น้ำคำ แม่น้ำอิง และแม่น้ำงาว ระยะทาง 10 กิโลเมตรจากปากแม่น้ำ

“เพื่อหาข้อเท็จจริงในการสื่อสารให้กับชุมชนได้ตั้งรับปรับตัวจากข้อกังวลผลกระทบที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น ขณะนี้ได้ส่งตัวอย่างปลา จำนวน 4 ตัวอย่าง ให้ประมงจังหวัดเชียงรายตรวจสอบ คาดว่าจะทราบผลในอีก 3 สัปดาห์

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active