กทม.เดินหน้าอากาศสะอาด หลัง คพ. ปรับค่าควันดำรถดีเซลไม่เกิน 20% เริ่ม 1 พ.ย.นี้

ติดตั้งชุดตรวจวัดคุณภาพอากาศขั้นสูง เพิ่มความแม่นยำประเมินมลพิษ จำแนกแหล่งกำเนิดมลพิษในเมือง – มลพิษข้ามแดน ออกจากกัน พร้อมเปิดโครงการ Green List Plus ‘โปรสู้ฝุ่น PM2.5’ ตรวจสภาพรถยนต์ ลดมลพิษเมือง

วันนี้ (30 ต.ค. 68) พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นปัญหาหลักที่กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชน สาเหตุหลักมาจาก ควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ มีสาเหตุจากหลายองค์ประกอบ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ กรองอากาศอุดตัน ทำให้อากาศเข้าไม่เพียงพอ ปรับแต่งปั๊มหัวฉีดไม่เหมาะสม หัวฉีดปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงชำรุด ทำให้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เป็นฝอยละเอียด การออกแบบห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำให้รถยนต์แต่ละคันอาจมีควันดำออกมามาก เป็นต้น 

พรพรหม ระบุว่า จากกรณีดังกล่าวได้มีการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจากต้นเหตุเพื่ออากาศสะอาด โดยกรมควบคุมมลพิษ เสนอปรับมาตรฐานควันดำรถยนต์ดีเซล เดิมไม่เกิน 30% เป็นไม่เกิน 20% เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 โดยมาตรฐานใหม่นี้เป็นการควบคุมมลพิษจากยานยนต์ที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์เก่ากว่ามาตรฐานยูโร 5 เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์

โดยรถยนต์ที่ฝ่าฝืน ที่มีปัญหาควันดำ ซึ่งถูกติดสติกเกอร์ ห้ามใช้ชั่วคราว นำมาวิ่งบนถนน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจด้วยการออกคำสั่ง ห้ามใช้ชั่วคราว ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองยานพาหนะที่มีควันดำเกินมาตรฐานต้องนำรถไปปรับปรุงแก้ไข และนำรถมายกเลิกคำสั่งภายในระยะเวลา 15 วัน นับแต่ถูกสั่งห้ามใช้ชั่วคราว จากเดิมที่กำหนดภายในระยะเวลา 30 วัน และเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจควันดำจากรถ และดำเนินการต่อไปตามแต่กรณี ได้แก่

  1. กรณีไม่เกินมาตรฐาน พนักงานเจ้าหน้าที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะชั่วคราว และนำเครื่องหมายห้ามใช้ชั่วคราวออกจากยานพาหนะ

  2. กรณีเกินกว่ามาตรฐาน พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะเด็ดขาด เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายยานพาหนะ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ 

พรพรหม ยังแนะนำว่า รถยนต์ดีเซลรุ่นเก่า (ยูโร 1-5) สามารถลดค่าควันดำให้ไม่เกิน 20% ได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนกรองอากาศใหม่ เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามระยะเวลา เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา ปรับตั้งปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง และ ตรวจเช็กและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นละออง และมีแรงดัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนอกจากเป็นการแก้ไขจากต้นเหตุแล้ว ยังเป็นการแก้ไขปัญหา PM2.5 ได้อีกทางหนึ่งด้วย

ติดตั้งชุดตรวจวัดคุณภาพอากาศขั้นสูง เพิ่มความแม่นยำประเมินมลพิษใน กทม.

ขณะที่เดียวกัน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้หารือร่วมกับหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนิน โครงการ GEMS-based Asian Air Quality (GEMS-AQ) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง GISTDA สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกของมลพิษในบรรยากาศ ระบบดังกล่าวสามารถตรวจวัด “ข้อมูลแนวดิ่งของชั้นบรรยากาศ (Vertical Profile)” ซึ่งจะช่วยให้แยกแหล่งกำเนิดมลพิษที่เกิดภายในเมือง ออกจากมลพิษที่พัดพามาจากภายนอกพื้นที่หรือข้ามพรมแดนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์สถานการณ์ PM2.5 ในเขตเมืองใหญ่ โดยพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ ได้แก่ บริเวณลานพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง และภายในสวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ บอกด้วยว่า กทม. ได้ให้การสนับสนุนหลักการของโครงการ และพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ พร้อมกำชับให้คำนึงถึงความปลอดภัย การบริหารพื้นที่ และข้อกำหนดด้านการบิน ซึ่ง GISTDA จะดำเนินการยื่นเรื่องต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ต่อไป 

“ความร่วมมือนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของกรุงเทพมหานครในการติดตามมลพิษอากาศแบบเรียลไทม์ และสร้างฐานข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นต่อการวางมาตรการป้องกันและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนในระยะยาว”

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

Green List Plus ‘โปรสู้ฝุ่น PM2.5’ มาตรการสู้ฤดูฝุ่นปี 69 ตั้งเป้า 5 แสนคัน

นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ กทม. สภาอุตสาหกรรม ค่ายรถยนต์ เปิดตัว โครงการ Green List Plus “โปรสู้ฝุ่น PM2.5” เดินหน้าขับเคลื่อนเมืองสีเขียว รณรงค์ตรวจสภาพรถลดฝุ่น PM2.5 สร้างกรุงเทพฯ อากาศดีอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้า 10 มาตรการเข้ม ลดมลพิษทางอากาศ ชวนประชาชนตรวจเช็กเครื่องยนต์ ลดควันดำ เพื่ออากาศสะอาดของคนเมือง 

สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เชิญชวนให้ประชาชนนำรถยนต์เข้ามารับบริการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ดังสโลแกนที่ว่า “ตรวจสภาพรถกันสักนิด  ลดมลพิษฝุ่นได้” พร้อมทั้งจะผลักดัน โครงการ Green List Plus โปรสู้ฝุ่น ลด PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการร่วมมือของทุกภาคส่วน คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดความสำเร็จ เป็นการแก้ปัญหา ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้แก่ ระดับนโยบาย กลางน้ำ คือกลุ่มภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ ภาคประชาชนที่ให้ความร่วมมือ รวมถึงภาคเกษตรกรรม และท้องถิ่น ที่จะต้องเดินหน้าประสานความร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น

ขณะที่ ชัชชาติ บอกว่า จากการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศให้ กทม.เป็นเขตควบคุมมลพิษในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี วันนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ได้มาร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น ลด PM2.5” เพื่อลดและขจัดมลพิษในกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้จัดกลุ่มมาตรการเป็น 4-3-3 คือ 4 กฎหมายเข้ม 3 ร่วมมือรอบด้าน และ 3 ปกป้องสุขภาพประชาชน รวมเป็น 10 มาตรการ ดังนี้

  1. โครงการรถคันนี้ลดฝุ่น เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนต่อเนื่องปีที่ 3 ซึ่งวันนี้ได้พัฒนาเป็น Green List Plus สำหรับรถ 4 ล้อ ประชาชนนำรถมาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ ณ ศูนย์บริการที่เข้าร่วม อาทิ ค่ายรถยนต์ ฮอนด้า โตโยต้า อีซูซุ ฟอร์ด นิสสัน ซูซูกิ มาสด้า มิตซูบิชิ ฮีโน่ สถานีจำหน่ายน้ำมัน ปตท. บางจาก เซลล์ พีที ศูนย์บริการบีควิก และบริษัทอื่น ๆ เพื่อรับส่วนลดค่าแรง ค่าอะไหล่ หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 โดยตั้งเป้าหมายไว้ 500,000 คัน พร้อมทั้งลงทะเบียน Green List Plus เพื่อรับใบรับรองบัญชีสีเขียว สำหรับรถ 4 ล้อ และนำไปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากเดอะมอลล์ กรุ๊ป เซ็นทรัลพัฒนา ซีพีแอ็กซ์ตร้า BTS AIS หรือบริษัทอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เพิ่มชั่วโมงจอดรถฟรี หรือรับ Gift Voucher เป็นต้น
  1. มาตรการเขตมลพิษต่ำ (LEZ) จากเดิมห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป วิ่งเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก เป็นห้ามวิ่งเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ยกเว้นรถที่ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ซึ่งได้เปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://lez.bangkok.go.th ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา มีรถ 6 ล้อขึ้นไป ลงทะเบียนแล้วกว่า 4,600 คัน
  1. มาตรฐานค่าควันดำ จากเดิมไม่เกินร้อยละ 30 เป็นไม่เกินร้อยละ 20 
  1. สถานที่ก่อสร้าง โรงงาน และสถานประกอบการ รถที่ใช้งานทุกคันจะต้องมีค่าควันดำไม่เกินมาตรฐาน และลงทะเบียนบัญชีสีเขียวกับกรุงเทพมหานคร
  1. ติดตั้งระบบ CEMs ในโรงงานที่มีหม้อไอน้ำ (Boiler) และแก้ไขค่ามาตรฐาน NOx SO2 และ TSP ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการยกร่างกฎหมาย
  1. ลดการเผาทางการเกษตรของจังหวัดโดยรอบกรุงเทพมหานคร โดยใช้กลไกเขตควบคุมมลพิษในการทำข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เริ่มหารือกับจังหวัดนครนายกแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา
  1. ยกระดับการแจ้งเตือนค่าฝุ่น ผ่าน Cell Broadcast อยู่ระหว่างหารือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พัฒนาระบบการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้า 3-7 วัน และให้ประชาชนแจ้งปัญหาเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 ผ่าน Traffy Fondue รวมทั้งการติดตั้ง Super Station Real Time เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์
  1. จัดทำห้องปลอดฝุ่น ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวันเรียนและระดับชั้นอนุบาล 1-3 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครให้ครบทุกห้อง 
  1. Work From Home ในปีนี้เรามีเป้าหมายคนเข้าร่วม 300,000 คน จึงขอเชิญชวนลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นเครือข่าย Work From Home ซึ่งเราจัดทำแนวทางไว้ 2 รูปแบบคือ เมื่อกรุงเทพมหานครประกาศขอความร่วมมือ และ Work From Home ต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ตลอดเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2569
     
  1. ปลูกต้นไม้ล้านต้น เพื่อเป็นแนวกำแพงในการกรองฝุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่โซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ซึ่งตอนนี้มีประชาชนลงทะเบียนปลูกต้นไม้แล้วกว่า 2.2 ล้านต้น 

“กรุงเทพมหานคร มี 2 ฤดู คือฤดูฝน กับฤดูฝุ่น ขณะนี้ฤดูฝนเรื่องของน้ำท่วมผ่านไปแล้ว กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝุ่น ปัจจัยหลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่นก็คือเรื่องรถยนต์ ซึ่งมีการใช้เครื่องยนต์ดีเซล การเผาชีวมวลจากพื้นที่รอบข้าง รวมถึงสภาพอากาศที่จะมาในช่วงปลายปีนี้ ดังนั้น มาตรการเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งกรุงเทพมหานครนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงฤดูฝุ่นของปีนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ วันนี้เราได้เปิดโครงการ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น ลด PM2.5” จึงแสดงถึงความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่ช่วยสนับสนุน พร้อมสู้ฝุ่นไปด้วยกัน”

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active