หวั่น เพิ่มต้นทุนภาคธุรกิจโดยไม่จำเป็น ด้าน ภาคประชาชน จี้ถาม อากาศสะอาดรอไม่ได้! เรียกร้องทุกฝ่ายเห็นหัวใจของกฎหมาย คือ สุขภาพประชาชน ชวนร่วมวงคุยสร้างความเข้าใจ ผลักดันกฎหมายไปต่อ
วันนี้ (12 พ.ย. 68) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย แถลงจุดยืนต่อร่างกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …, ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … และ ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงจุดยืนของ กกร. ว่า เห็นด้วยในหลักการและบางมาตรการ แต่ควรปรับให้ชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกฎหมายเดิม กกร. ตระหนักกับปัญหามลพิษทางอากาศเป็นอย่างยิ่งและเห็นด้วยกับเจตนารมณ์ของร่างกฎหมายที่มุ่งยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อกังวลเรื่องความซ้ำซ้อนกับกฎหมายเดิม เช่น พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 รวมถึงกฎหมายเฉพาะของหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลมลพิษทางอากาศอยู่แล้ว ซึ่งอาจสร้างความซ้ำซ้อนด้านอำนาจหน้าที่ และเพิ่มต้นทุนต่อภาคธุรกิจโดยไม่จำเป็น

เกรียงไกร เสนอประเด็นการทบทวน เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้เกิดผลในทางปฏิบัติได้จริง ดังนี้
- โครงสร้างคณะกรรมการและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน เสนอให้มีผู้แทนภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการและองค์กรที่กำกับนโยบายบริหารจัดการอากาศสะอาด ทั้งในระดับชาติและระดับจังหวัด ตามหลัก การมีส่วนร่วมของผู้ถูกบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสะท้อนข้อมูลจากภาคการผลิต บริการ การเงิน และภาคเศรษฐกิจจริง ซึ่งช่วยให้การกำหนดนโยบายมีความสมดุล รอบด้าน และนำไปสู่มาตรการที่สามารถปฏิบัติได้จริง
- เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เห็นว่า “เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์” อาจทับซ้อนกับกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาทิ เชื้อเพลิงส่งเงินส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1-5 บาท/ลิตร ภาษีสรรพสามิต 5-6 บาท/ลิตร และส่งผลต่อต้นทุนทุกภาคส่วน การแก้ปัญหามลพิษ จึงควรมุ่งเน้นมาตรการสนับสนุนและจูงใจทางภาษีหรือการเงินในการปรับปรุงคุณภาพการผลิตที่ลดมลพิษ เพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนปรับตัว แทนที่จะเก็บค่าธรรมเนียมอากาศสะอาดตั้งแต่หน่วยแรกที่ปล่อย หรือออกมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ทันที
- การจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาด กองทุนมีวัตถุประสงค์ครอบคลุมถึง 17 ข้อ แต่ยังไม่มีลำดับความสำคัญหรือสัดส่วนการใช้เงินอย่างชัดเจนในการแก้ปัญหามลพิษ และไม่ได้ผ่านขั้นตอนพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนตามที่ควรจะเป็น จึงมีความกังวลว่าอาจไม่สามารถจัดตั้งกองทุนได้จริงในทางปฏิบัติ
- อัตราโทษและบทกำหนดโทษ กกร. สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อผู้ฝ่าฝืน แต่ร่างกฎหมายฯ ฉบับนี้มีการกำหนดอัตราโทษสูงกว่าฉบับอื่น ๆ ที่สภาผู้แทนราษฎรเคยรับหลักการทั้งโทษแพ่งและโทษอาญา อาทิ การกำหนดโทษทางอาญา แม้ว่าจะเกิดจากความประมาท จำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานอากาศสะอาดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินร้อยล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะในกรณีการกระทำโดยประมาท ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่ให้กำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง กกร. จึงเสนอให้ทบทวนระดับโทษให้สมดุลกับมาตรฐานสากล และควรมีระยะเวลาการปรับตัวสำหรับภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้จริง

“กกร. เห็นว่าการมีกฎหมายเพื่ออากาศสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องยึดหลัก ไม่ซ้ำซ้อน ไม่เพิ่มภาระและสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน จำเป็นที่ต้องจัดทำการประเมินผลกระทบของกฎหมาย (RIA) ตามมาตรฐานสากล ที่สามารถวัดผลได้ สำหรับกฎหมายที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยหน่วยงานกลางที่มีความเป็นอิสระและน่าเชื่อถือ”
เกรียงไกร เธียรนุกุล
ณัฐรดา กุกเรยา ประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังการแถลง บอกว่า อากาศสะอาด เป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่สามารถยื้อเวลาออกไปได้ เพราะเรากลั้นหายใจภายในเวลาไม่กี่วินาที เราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยเห็นกับตามาหลายครั้ง เห็นเด็กเล็ก ๆ ที่เกิดมาแล้วไม่ได้รู้เรื่อง เขาต้องป่วยเข้า ICU เพราะหายใจในอากาศไม่ดี
“เราจะนิ่งเฉย จะยื้อเวลากับเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต่อให้กฎหมายมีความซับซ้อน ก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำหรือไม่”
ณัฐรดา กุกเรยา

ขณะที่ พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ย้ำว่า ไม่ได้คัดค้านหลักการและเหตุผลของกฎหมาย มองว่ากฎหมายจำเป็น แต่อยากให้รายละเอียดที่อยู่ข้างมีความยืดหยุ่น ถูกต้อง เป็นไปตามหลักสากล โดยเฉพาะเรื่องการมอบอำนาจให้ดุลยพินิจของคนใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การทุจริต การถูกผิด ต้องมีการกำหนดชัดเจน
“ไม่ได้ขัดแย้งอะไรเลย แต่ฝากกรรมาธิการ ฝากสภาฯ ไปแก้ ไปดูให้ละเอียดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย”
พจน์ อร่ามวัฒนานนท์

ด้าน กัญฐณา อภิรภากรณ์ กรรมาธิการ อากาศสะอาดฯ และ สมาคมเครือข่ายอากาศสะอาด เปิดเผยกับ The Active ว่าจากการได้มาฟัง กกร. ที่ชี้แจงว่าเห็นด้วยกับ พ.ร.บ. ในเรื่องหลักการและมองว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดมีความสำคัญ แต่มีการแสดงข้อกังวล ในฐานะประชาชนผู้ร่วมร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เห็นว่า มีหลายข้อกังวลที่เกิดจากความไม่เข้าใจในเนื้อหาของกฎหมาย ซึ่งไม่แปลกเพราะเป็นกฎหมายที่ใหม่ และยากพอสมควร แต่เกิดจากการที่คนที่ศึกษากฎหมายไม่ใช่แค่คนที่รู้กฎหมาย มีทั้งผู้ที่ศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อม การเงิน การธนาคาร ผู้เชี่ยวชาญทุกสายงานมารวมตัวกันเพื่อร่างกฎหมายฉบับนี้ ครั้งนี้จึงได้เชิญชวนร่วมเวทีเพื่อให้เกิดการซักถาม สร้างความเข้าใจในข้อกฎหมาย
“เมื่อเข้าใจ เรามีวัตถุประสงค์เดียวกัน เราต้องการให้ประเทศเดินต่อไป ประชากรในประเทศมีสุขภาพที่ดี ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีไปด้วย เพราะว่าประชากรคือผู้บริโภคที่จะร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สุดท้ายถ้าเราเข้าใจกัน ก็จะมาร่วมผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดให้ทันใช้ด้วยกัน”
กัญฐณา อภิรภากรณ์ ย้ำความคาดหวัง
