เยาวชนอากาศสะอาด – พ่อหมอกฤตไทย วอน กมธ.สว. เร่งรัดการพิจารณา พ.ร.บ.อากาศสะอาด หวั่นกฎหมายตกเพราะเหตุการเมือง ชี้ มลพิษทางอากาศส่งผลเสียทางสุขภาพ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจระดับมหภาค กระทบพัฒนาการเรียนรู้เด็ก
วันนี้ (17 พ.ย. 68) ที่อาคารรัฐสภา เครือข่ายเยาวชนเพื่ออากาศสะอาด รวมตัวยื่นหนังสือต่อ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. (พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ) โดยมี วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธาน กมธ. ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด วุฒิสภา รับหนังสือโดยในรายละเอียดข้อเรียกร้องระบุว่า
เครือข่ายเยาวชนเพื่ออากาศสะอาด (Youth for Clean Air Network) ติดตามการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ด้วยความหวังที่เราทุกคนมีลมหายใจโดยปราศจากข้อกังวลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และเป็นการดำรงอยู่ของสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดด้วยการมีลมหายใจที่ปลอดภัย
เครือข่ายฯ มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งหากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ล่าช้า จนอาจไม่สามารถประกาศและบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ อันเนื่องมาจากการยุบสภาในช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 ตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ ทำให้สุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มเผชิญกับความเสี่ยง มลพิษทางอากาศทำให้ประชาชนต้องมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น บั่นทอนศักยภาพของกำลังจ่ายของประชาชนในประเทศ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานที่พนักงานหรือลูกจ้างต้องลาป่วยบ่อยครั้ง สุดท้ายนำไปสู่ผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่สูญเสียสิทธิและเสรีภาพในการทำกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามช่วงวัย อีกทั้งฝุ่นพิษยังทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ ของเด็กและเยาวชนลดลง จากงานวิจัยทุก ๆ การเพิ่มขึ้นของ PM 2.5 จำนวน 1 ไมโครกรัม ส่งผลให้ ระดับเชาวน์ปัญญา หรือ Intelligence Quotient (IQ) ของเด็กอายุ 9-10 ขวบลดลง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
และสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก คือ กลุ่มเด็กและเยาวชนในครอบครัวยากจน ที่มีความเปราะบางสูงทั้งทางด้านสุขภาพและการเข้าถึงการเรียนรู้ไม่สามารถมีทุนเพียงพอต่อการแสวงหา โอกาสการเรียนรู้และสุขภาพที่ดีกว่า ตอกย้ำถึงความไม่เท่าเทียมที่แพร่หลายอยู่ในสังคมไทย นั่นสะท้อนให้ เห็นความสำคัญ ของการรักษาแวดล้อมที่เหมาะสมจำเป็นควบคู่กับการพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อสร้าง สมรรถภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนไทยอย่างเท่าเทียม
จึงขอให้ประธานกรรมาธิการฯ และคณะกรรมาธิการฯ ได้ดำรงหลักการตามเจตนารมณ์ที่ยึดผลประโยชน์ด้านสุขภาพของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเครือข่ายเยาวชน เพื่ออากาศสะอาดมีข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมาธิการ ดังนี้
1. ขอให้เร่งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … และวางแนวทางการ ดำเนินงานให้สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ในรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากสุขภาพของประชาชน เป็นสิ่งที่ไม่อาจล่าช้าหรือต่อรองได้ และคณะกรรมาธิการควรคำนึงถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของสังคม โดยรวมมาก่อนประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มีเพียงแค่คนบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากกว่าคนกลุ่มอื่น ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ควรถูกสร้างบนปอดของประชาชน การนิ่งเฉยและการประวิงเวลาของผู้มีอำนาจ คือการปล่อยให้ประชาชนต้องตายจากมลพิษทางอากาศไปตามยถากรรม
2. ขอให้พิจารณาอย่างโปร่งใส รอบด้าน และยึดถือประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะการคำนึงถึง กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเปราะบางจากมลพิษทางอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ที่บัญญัติให้ความคุ้มครองกลุ่มเปราะบางไว้อย่างชัดเจน อันส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ และการปกป้องสุขภาพของเด็กและเยาวชนทุกคนให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป คณะกรรมาธิการฯ จึงไม่มีความจำเป็นหรือเหตุผลใด ๆ ที่จะถ่วงเวลาการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ล่าช้าออกไป
“เครือข่ายฯ ยังต้องการมาตรการที่สามารถ ปกป้องสุขภาพของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ต้องการการเติบโตเศรษฐกิจที่ต้องแลกมากับความกลัวว่า การหายใจในทุก ๆ วันจะกลับมาทำลายสุขภาพและบั่นทอนชีวิตของเรา ลูกหลาน และสภาพของธรรมชาติ ที่โอบล้อมสรรพสิ่งไว้ ถึงเวลาที่ทุกท่านต้องรับรู้ว่า คุณภาพอากาศที่ดีกับชีวิตของคนไทยทุกคนเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ เพราะอากาศคือพื้นฐานของการมีชีวิต และการนิ่งเฉย คือ การทำลายโอกาสการมีชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย ทุกคน รวมถึงเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนพึงมี”
จิระศักดิ์ แก้วเจริญ ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนเพื่ออากาศสะอาด บอกว่า การรวมตัวของเครือข่ายฯ หลังจากเห็นว่ามีการประวิงเวลาในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ จากการที่ทุกคนรับรู้เรื่องสิทธิ และเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องจากเป็นกลุ่มจัดกิจกรรมกลางแจ้ง และที่ผ่านมาเห็นว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจนถึงแก้ชีวิต จึงรวมตัวเยาวชนเพื่อแสดงพลัง และมาใช้สิทธิอากาศสะอาดด้วยกัน สำหรับข้อห่วงกังวล คือ ในร่าง พ.ร.บ.มีกลไกสำคัญ คือ การมีมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญที่ทำให้ผู้ก่อมลพิษต้องจ่ายและรับผิดชอบต่อการปล่อยมลพิษของตัวเอง ซึ่งหากถูกตัดออกไปจะมีผลต่อการแก้ปัญหามลพิษ จึงอยากให้ประชาชนทุกคนติดตามว่า “กองทุนอากาศสะอาด” จะถูกลดทอนหรือถูกตัดความสำคัญหรือไม่
“ตอนนี้เข้าฤดูหนาว ยังไม่ถึงฤดูเผา ฝุ่นในกรุงเทพฯ มาจากไหน มาจากโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลาย หรือการใช้ยานยนต์สันดาบเป็นแหล่งก่อมลพิษ ประกอบกับสภาพอากาศ ทำให้ดรายังคงต้องเผชิญปัญหานี้ ตอนนี้เราต้องมาร่วมให้กำลังใจผู้ที่ต่อสู้เพื่อให้มี พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เพราะเรื่องฝุ่นไม่ใช่เรื่องไกลตัว อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับลมหายใจมากขึ้น”
จิระศักดิ์ แก้วเจริญ
จิระศักดิ์ ชี้ว่า การให้คำมั่นสัญญาของประธาน กมธ. สว. ที่ให้กับประชาชนในวันนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนติดตาม ว่าจะสามารถทำได้ตามที่พูดหรือไม่ โดยเฉพาะกองทุนอากาศสะอาด ที่บอกว่าจะยังคงไว้นั้น คงไว้ในส่วนใดบ้าง โดยเฉพาะสาระสำคัญที่จะทำให้ภาครัฐได้มีหน้าที่ในการกำกับดูแลอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ครอบคลุม เป็นธรรมกับทุกคน

ขณะที่ ไทภัทร ธนสมบัติกุล บิดาของ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล ที่รู้จักในฐานะอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ซึ่งได้เข้าร่วมการเรียกร้องในครั้งนี้ด้วย โดยบอกว่า เสียงทุกเสียงที่มาเรียกร้องครั้งนี้ ต้องการส่งถึงผู้ที่มีอำนาจในการที่จะเร่งพิจารณากฎหมายของเรา เพื่อให้ทุกคนได้รับสิทธิในการหายใจอากาศสะอาด เรารอไม่ได้ที่จะให้เรื่องนี่ล่าช้าออกไป
“การรอเพียงสักวินาทีหนึ่งก็ไม่ได้แล้ว วันนี้จึงมาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความเห็น เท่าที่ติดตามกว่าจะมีกฎหมาย 8-9 ปี นานเกินไปแล้ว และมีคนเจ็บป่วยจากเรื่องนี้ เราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุร้ายกับเยาวชนรุ่นลูก รุ่นหลานของเราอีกต่อไป อยากให้ออกมาช่วยกัน ดีใจที่มีเสียงจากน้อง ๆ มาส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจในการพิจารณา”
ไทภัทร ธนสมบัติกุล
ด้าน วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธาน กมธ. ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด วุฒิสภา กล่าวว่า พ.ร.บ.นี้ เป็นกฎหมายด้านการเงิน ที่มีกรอบจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน มีการหารือในที่ประชุมว่ากฎหมายมีการเพิ่มขึ้นหลายมาตรา มีความเห็นเข้ามาจำนวนมากและเอียดอ่อนมีรายละเอียดเยอะ เชื่อว่าจะสามารถพิจารณากฎหมายส่งกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎรได้ทันก่อนที่จะมีการยุบสภาฯ และยินดีหากผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมรับฟังแต่ต้องส่งรายชื่อขออนุญาตก่อน

“ผมมีความไม่สบายใจว่า และได้พูดในที่ประชุม ยังไม่ทันเริ่มอะไรก็มีผู้มาติว่าเราเตะถ่วงเวลา และการขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน แต่ไม่ต้องใช้เวลาตามนั้นก็ได้ เราก็ต้องพยายาม เพราะ 273 มาตรา ถ้าใช้เวลาเพียง 30 วัน เมื่อตราออกไปเป็น พ.ร.บ. การจะกลับมาแก้ยากมาก”
วุฒิชาติ กัลยาณมิตร
วุฒิชาติ บอกอีกว่า สิทธิขั้นพื้นฐานต้องมาก่อน ขณะที่เรื่องผู้ประกอบการต้องดูในเรื่องการเยียวยาว่าจะไปอย่างไรต่อ โดยเฉพาะเรื่องกองทุน ที่ต้องดูว่าการได้มาของเงินในกองทุนฯ จะเป็นภาระต่อภาครัฐหรือไม่ วิธีการจะทำอย่างไร ต้องดูผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็กประกอบด้วย
เมื่อถามถึงภาระภาครัฐ วุฒิชาติ ชี้ว่า ในกรณีที่จะพิจารณาการเยียวยาโดยไม่ได้ดูที่มาที่ไปของเงินกองทุนอย่างละเอียดรอบคอบ ปัญหาคือรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยียวยาลงไป หรืออย่างการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ต้องมีเกณฑ์ให้ ไม่ใช่การสนับสนุนลงไปทุก ๆ ปี โดยที่อาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาอะไร เมื่อได้รับเงินช่วยเหลือการปล่อยมลพิษต้องลด
