เด็กไทยดื่มนมน้อย เฉลี่ยเพียงครึ่งแก้วต่อวัน ตั้งเป้าปี 2570 ชายไทยอายุ19 ต้องสูง 175 ซม. หญิงไทยสูง 165 ซม. กระทรวงเกษตรฯ ลั่นนักเรียนต้องได้ดื่มนมโรงเรียนครบ 260 วัน ตลอดปีการศึกษา 2565
วันนี้ (24 พ.ค. 2565) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เด็กไทยเตี้ยเพิ่มมากขึ้นจาก 9.7% เป็น 12.9% โดยส่วนสูงเฉลี่ยเด็กอายุ 12 ปี เพศชาย 147.1 เซนติเมตร เพศหญิง 148.1 เซนติเมตร ส่วนสูงเฉลี่ยอายุ 19 ปี เพศชาย 170.9 เซนติเมตร เพศหญิง 158.1 เซนติเมตร
สอดคล้องกับข้อมูลเด็กไทยดื่มนมน้อย เฉลี่ยเพียงครึ่งแก้วต่อวัน วัยเรียนดื่มนมทุกวันเพียง 31.1% วัยรุ่น 14.9% เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
- ไทย 18.6 ลิตร/คน/ปี
- อินเดีย 59.6 ลิตร/คน/ปี
- ญี่ปุ่น 32.1 ลิตร/คน/ปี
- เกาหลีใต้ 30 ลิตร/คน/ปี
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้ รณรงค์ให้เด็กไทยดื่มนมจืดแก้วที่สองที่บ้าน วัยเรียนวัยรุ่นดื่มนมจืดให้ได้ 2 แก้วทุกวัน พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองช่วยเตรียมนมไว้ที่บ้านสำหรับเด็ก เนื่องจากผลการสำรวจของกรมอนามัยสอดคล้องกับสวนดุสิตโพล พบว่า เด็กและวัยรุ่นจะดื่มนมมากขึ้นถ้ามีนมติดบ้าน ร่วมกับกินอาหารประเภทอื่น ๆ ให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ทั้ง 3 มื้อ ในปริมาณสัดส่วนที่เหมาะสม
โดยเฉพาะวัยเรียน วัยรุ่น ควรส่งเสริมให้ออกกำลังกายที่มีการกระแทกของข้อต่อ เช่น การกระโดดวันละ 60 นาที รับแสงแดดทุกวันเพื่อให้ได้รับวิตามินดี ส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมจากนม และนอนให้เพียงพอ วัยเรียน 9-11 ชั่วโมงต่อวัน วัยรุ่น 8-10 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้เด็กไทยเติบโตแข็งแรง สูงสมวัย บรรลุเป้าหมายปี 2570 คือ ส่วนสูงเฉลี่ยอายุ 12 ปี เด็กชาย152 เซนติเมตร เด็กหญิง 153 เซนติเมตร ส่วนสูงเฉลี่ยอายุ 19 ปี ชาย 175 เซนติเมตร หญิง 165 เซนติเมตร
ทั้งนี้ นมเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 2 และวิตามินบี 12 โปรตีนในนมเป็นโปรตีนคุณภาพดี แคลเซียมในนมมีปริมาณมาก และดูดซึมได้ดีที่สุด มีความสำคัญมากต่อมวลกระดูก และการขยายตัวของกระดูก โดยเฉพาะในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโต และมีความสำคัญมากขึ้นในช่วงวัยรุ่นที่เริ่มมีช่วงโตเร็ว จะมีการสะสมมวลกระดูกเพิ่มขึ้นมาก ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยเพิ่มส่วนสูง นอกจากนี้ นมยังมีวิตามินเอช่วยในการมองเห็น และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย วิตามินบี 2 ช่วยในกระบวนการเผาผลาญอาหาร กระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ป้องกันโรคปากนกกระจอก ส่วนวิตามินบี 12 ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดแดง
เสิร์ฟนมโรงเรียน 260 วันตลอดปีการศึกษา
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนในวันนี้ได้พิจารณาเห็นชอบเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2565 ในประเด็นการคุ้มครองผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่ยื่นสิทธิเข้าร่วมโครงการไม่เกิน 5 ตันต่อวัน
สำหรับแนวทางการดำเนินงานจัดซื้อนมโรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2565 ให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมโรงเรียนครบ 260 วันนั้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่26 มีนาคม 2565 ได้พิจารณาทบทวนกลไกการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน มีมติให้นักเรียนต้องได้ดื่มนมโรงเรียน เป็นเวลา 260 วันต่อปีการศึกษา
จากประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน พิจารณาข้อหารือประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน กำหนดให้หน่วยจัดซื้อนมโรงเรียนให้เด็กนักเรียนดื่มเป็นเวลา 260 วันต่อปีการศึกษา ในที่ประชุมเห็นชอบให้หน่วยจัดซื้อ/โรงเรียนเอกชนจัดซื้อนมโรงเรียนชดเชยตามจำนวนวันที่เด็กนักเรียนยังไม่ได้ดื่มนมโรงเรียน นับแต่วันเปิดภาคเรียน โดยวันเปิดภาคเรียนคือวันที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด หรือตามประกาศของโรงเรียน และจัดซื้อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมโรงเรียนครบ 260 วันต่อปีการศึกษา รวมทั้งส่งผลให้เกษตรกรสามารถขายน้ำนมดิบให้กับผู้ประกอบการในโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียนได้ครบ 260 วัน
นอกจากนี้ ยังได้มีการพิจารณาการจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปี 2565 เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเด็กได้ดื่มนมโรงเรียนได้เร็วที่สุด ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการแจ้งเวียนมติรับทราบผลการจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปี 2565 ของทุกกลุ่มพื้นที่แทนการจัดประชุม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการทำสัญญาซื้อขายนมโรงเรียนกับหน่วยจัดซื้อโดยเร็วต่อไป