เวทีรับฟังความเห็น “กองทุนบัตรทอง” ผ่านระบบออนไลน์ ทุกๆ ความเห็นจากทุกภาคส่วนกลไกสำคัญร่วมพัฒนาระบบบัตรทองต่อยอดการรักษาหลังโควิด
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 18(13)ระดับประเทศประจำปี 2565 ผ่าน Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
อนุทิน กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทยได้ดำเนินการมากว่า 19 ปี ดูแลคนไทยผู้มีสิทธิ 48 ล้านคนได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง ทั้งได้รับการยอมรับจากนานาชาติโดยยกย่องให้ประเทศไทยเป็นต้นแบบของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นอกจากนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังแล้วปัจจัยสำคัญอีกประการ คือ การมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งจากทุกภาคส่วน โดยมีกระบวนการรับฟังความเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาระบบ ทั้งคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ผู้ให้บริการ และหน่วยบริการ
ที่ผ่านมา สปสช.ได้จัดประชุมรับฟังความเห็นทั่วไปมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดข้อเสนอนำมาสู่การปรับปรุงและพัฒนาระบบด้านต่างๆ ทำให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น เช่น ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่สามารถเลือกวิธีฟอกไตแบบที่เหมาะสมได้ ไม่ว่าจะเป็นการล้างไตช่องท้องหรือฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมนโยบายยกระดับบัตรทอง ทั้ง 30 บาทรักษาหน่วยปฐมภูมิได้ทุกที่ ผู้ป่วยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ เปลี่ยนหน่วยบริการเกิดสิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน รวมไปถึงสิทธิประโยชน์รักษาโรคค่าใช้จ่ายสูง ตลอดจนการเข้าถึงยาบัญชี จ.(2) รายการยาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเฉพาะนอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคือการบรรจุสิทธิประโยชน์ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่มีปัญหากลั้นขับถ่าย เป็นต้น
อนุทิน กล่าวต่อว่า แม้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดเกิดขึ้น แต่การรับฟังความเห็นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังต้องดำเนินต่อไป โดยเน้นการเว้นระยะห่าง เปิดรับฟังความเห็นผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งได้ดำเนินการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และต้องย้ำว่า ทุกๆ ความเห็นที่ส่งเข้ามานี้ ทั้งจากผู้ให้บริการผู้รับบริการองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ และภาคประชาชน เป็นส่วนสำคัญที่ร่วมพัฒนาหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เป็นของคนไทยทุกคนได้ดียิ่งขึ้น โดยรัฐบาลยังคงมีนโยบายให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณเพื่อดูแลคนไทยทุกคนให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เพราะสุขภาพที่ดีของประชาชนเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ประธานอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการกล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมาถึงเวทีรับฟังความเห็นในระดับประเทศวันนี้ ที่ผ่านมา สปสช.ทั้ง 13 เขต ได้มีการดำเนินการรับฟังความเห็น พร้อมรวบรวมประเด็นและข้อเสนอเข้าสู่เวทีระดับประเทศ ซึ่งปีนี้มีความเห็นที่หลากหลายในด้านต่างๆ นอกจากประเด็นตามข้อบังคับและข้อเสนอจากการบูรณาการงานประจำของระบบงานใน สปสช.แล้ว ยังเพิ่มเติมหัวข้อที่สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ การบริหารจัดการหลังสถานการณ์โควิด, บัตรทอง รักษาทุกที่ต่อยอดให้ดีขึ้นได้อย่างไร และคนไทยใช้สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ทุกที่ โดย สปสช. จะระดมความเห็นเพิ่มเติมและกลั่นกรอง เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) พิจารณาและดำเนินการสู่การพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้นต่อไป