‘กรมสุขภาพจิต’ ระบุ แบบประเมินโรคซึมเศร้าออนไลน์ ผ่าน www.วัดใจ.com พบ 7% ต้องช่วยเหลือด่วน สอดคล้องสถานการณ์ทั่วโลก ‘วัยรุ่น-วัยทำงาน’ มีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น แนะคนใกล้ชิดช่วยพยุงจิตใจ ป้องกันคิดสั้น
พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เปิดเผยภายหลังกรมสุขภาพจิต เปิดให้ประชาชนประเมินสุขภาพใจได้ทาง www.วัดใจ.com เมื่อช่วงสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประเมินสุขภาพใจของตนเองผ่านแบบสอบถาม สามารถบอกได้เบื้องต้นว่ามีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตในระดับใดบ้าง ส่วนผู้ที่มีปัญหาชัดเจนเรื่องอารมณ์ซึมเศร้าหรือมีความคิดอยากทำร้ายตนเอง สามารถประเมินความเสี่ยงต่อซึมเศร้าหรือทำร้ายตนเองที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชื่อ Dmind ผ่านไลน์หมอพร้อม โดยเข้าไปที่ฟังชั่นคุยกับหมอพร้อม แล้วกดตรวจสุขภาพใจ จะได้พูดคุยและประเมินผ่านปัญญาประดิษฐ์ที่ทำหน้าที่เสมือนกับแพทย์
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้เข้าใช้งานประเมินซึมเศร้าผ่านระบบ Dmind ผ่านทางระบบหมอพร้อม ทั้งหมด 72,610 คน พบภาวะสุขภาพจิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ และพบปัญหาสุขภาพจิตในระดับน้อย 75.92% ระดับปานกลาง 16.61% และระดับรุนแรง 7.47% หากนับจำนวนแล้วพบว่า ในกลุ่มระดับรุนแรงมีจำนวนถึง 5,427 คน ซึ่งจำนวนนี้ผู้ที่ยินยอมให้ติดตามช่วยเหลือ สามารถดำเนินการได้ถึง 70.04% ทั้งนี้ หากผู้ประเมินพบว่าตนเองพบว่ามีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บุคลากรสาธารณสุขประสานกลับไปเพื่อดูแล
ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ บอกด้วยว่า ช่องทางให้การปรึกษาผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง พบข้อมูลเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2564 ถึง กันยายน ปี 2565 สายด่วน 1323 ให้บริการถึง 95,029 คน กลุ่มอายุ 12-18 ปี มีจำนวน 7,369 คน ซึ่งปัญหาที่ขอรับปรึกษามากที่สุด 3 ลำดับ คือ ปัญหาครอบครัว, ความรัก และการเรียน ในขณะที่กลุ่มอายุ 18-29 ปี มีจำนวน 28,421 คน และปัญหาที่ขอรับปรึกษามากที่สุด 3 ลำดับ คือ ปัญหาความรัก, ครอบครัว และการทำงาน โดยปัจจุบันได้มีเพิ่มระบบนัดผ่าน https://1323alltime.camri.go.th เพื่อผู้รับบริการเลือกรับวันเวลาที่สะดวกได้อีกด้วย
“ทุกปัญหามีทางออกและสามารถแก้ไขได้เสมอ การเก็บสะสมไว้จนเกิดความเครียด ความทุกข์ จะยิ่งสร้างความรู้สึกที่แย่ลง การจบชีวิตหรือการตัดสินใจเพื่อใครนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีและไม่ใช่สิ่งที่คนที่คุณรักต้องการอีกด้วย เพราะในวันที่รู้สึกว่าไม่เหลือใครอาจยังมีใครที่ยังห่วงใยเราอยู่ ผ่านพ้นเวลาที่อ่อนล้าด้วยจิตใจที่ไม่อ่อนแอ”
ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยการรายงานสถานการณ์ทั่วโลก และการศึกษาในประเทศไทย พบว่า กลุ่มวัยที่อายุน้อย คือ วัยรุ่น หรือวัยทำงานตอนต้น มีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสัมพันธ์กับการฆ่าตัวตายได้ เพราะมีหลายปัจจัยจากสถานการณ์โควิด-19 และภัยคุกคามอื่น ๆ ที่ทำให้เยาวชนและวัยรุ่นต้องปรับการดำเนินชีวิต เช่น การใช้เวลาเรียนทำงานออนไลน์มากกว่าการพบปะเพื่อนและสังคมตามภาวะปกติ อาจทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง ส่งผลทั้งปัญหาสุขภาพและปัญหาความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ทั้งนี้พบว่าบางคนแม้จะเครียดมากแต่พฤติกรรมภายนอกไม่แสดงออก ทว่าในใจมีอาการดำดิ่งสู่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนนำไปสู่การตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่นำมาซึ่งความเสียใจให้กับคนรอบข้าง เช่น ความกดดันของวัยเรียนที่กลัวว่าจะไม่สามารถทำตามความคาดหวังของครอบครัว นำไปสู่การทำร้ายตัวเองหรือการฆ่าตัวตาย เพราะเข้าใจว่าการกระทำนั้นเป็นทางเลือกที่ต้องการเผชิญหน้าหรือรับมือแต่เพียงคนเดียว ดังนั้นการช่วยเหลือเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อมีความรู้สึกหดหู่ให้มองด้านบวก นึกถึงคุณค่าของตนเอง ปล่อยวางความคิด ปรับวิธีคิดให้แตกต่างไปจากเดิมจะช่วยให้หาทางออกในการแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น
“หากไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง การขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือการรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญเป็นวิธีที่จะสามารถช่วยได้ ซึ่งการตัดสินใจขอความช่วยเหลือเหล่านั้นไม่ได้เป็นการสร้างภาระ เปรียบเหมือนการมองหาเข็มทิศที่จะช่วยในการรับมือต่อสู้กับความคิดของตนเอง เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ที่รุมเร้าได้”
อธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะนำให้ คนใกล้ชิด ครอบครัว ครู อาจารย์และเพื่อน ต้องช่วยกันเติมพลังใจให้แก่กัน ไม่ตำหนิความคิดหรือการตัดสินใจของบุคคลเหล่านั้น พร้อมกับรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ โดยไม่ใช้ความคิดของตนเองเข้าไปตัดสิน ร่วมสะท้อนสภาวะจิตใจว่าความเศร้าหรือความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่นั้น มีต้นตอมาจากไหนแนะนำว่าควรจะจัดการร่วมกันอย่างไร
อย่างไรก็ตาม กรมสุขภาพจิต ยังดำเนินการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ มุ่งหน้าทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาทุกชีวิตให้ได้มากที่สุด และยังเน้นการช่วยเหลือเพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่เพียงการป้องกันไม่ให้ทำร้ายตัวเอง แต่ทำให้คนมีความทุกข์น้อยลงและยังสามารถช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสังคมอีกด้วย