รองปลัด สธ. ยืนยันหน่วยบริการ,สถานพยาบาลต่าง ๆ จะได้รับงบฯไม่เกิน 6 ม.ค. 66 ขณะที่บริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ผู้อยู่นอกสิทธิบัตรทอง สธ.- สปสช.จะร่วมกันดูแล
วันนี้ (28 ธ.ค. 2565) นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสรรงบประมาณหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ปี 2566 ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามให้ สปสช. ดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยบริการต่าง ๆ แล้ว โดย สปสช.กำหนดจะจัดสรรให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 6 มกราคม 2566 เพื่อให้หน่วยบริการได้ใช้ในการจัดบริการแก่ประชาชนในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต่อไป
สำหรับงบฯ ในส่วนการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคให้กับผู้ที่อยู่นอกสิทธิบัตรทอง ซึ่งสปสช. ต้องชะลอการจัดสรร เนื่องจากต้องรอการพิจารณาของกฤษฎีกาว่าสามารถนำไปดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้หรือไม่ พบว่า มีการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนว่า สปสช.ให้ประชาชนกลุ่มนอกสิทธิบัตรทองที่ต้องการรับบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเข้าโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขก่อน จนกว่ามีความชัดเจนทางกฎหมาย
นายแพทย์พงศ์เกษม กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงคือ คณะกรรมการกำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการจัดบริการเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบระหว่างรอการพิจารณาของกฤษฎีกา โดยมีมติเห็นชอบร่วมกัน ดังนี้
1) หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจะจัดบริการให้กับประชาชนทุกคนทุกสิทธิที่เคยรับผิดชอบดูแล เพื่อประชาชนได้รับบริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนประชาชนนอกสิทธิบัตรทองที่เคยรับบริการกับหน่วยบริการอื่นนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สปสช. จะเป็นผู้ประสานให้จัดบริการเช่นเดียวกัน เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการให้บริการ
2) งบบริการในส่วนของผู้ป่วยนอก (OP) ผู้ป่วยใน (IP) ทั้งหมด และงบด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP) ในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ ให้จัดสรรให้กับหน่วยบริการ ภายในวันที่ 6 มกราคม 2566
และ 3) ให้หน่วยบริการทุกภาคส่วน ส่งข้อมูลขอรับค่าใช้จ่ายทุกสิทธิตามระบบเดิม เมื่อมีความชัดเจนทางกฎหมายในการจัดบริการกลุ่มนอกสิทธิบัตรทองแล้ว สปสช.จะได้โอนเงินจ่ายชดเชยบริการให้ทันที
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. จะหารือในการดำเนินงานและติดตามแก้ไขปัญหาอุปสรรคร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดบริการประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ