ขานรับ นโยบายดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด ของนายกฯ เศรษฐา ระบุแนวทางปฏิบัติ คือกลับไปเหมือนช่วงปี 2564 จดแจ้งเพื่อการแพทย์และการวิจัย ยังไม่ตอบปลูกที่บ้านได้กี่ต้น โดนจับหรือไม่
จากนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แม้ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐจะเยียวยาผู้ปลูกและผู้ขายกัญชาที่ได้รับใบอนุญาตอย่างไร แต่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. แสดงท่าทีขานรับนโยบายดึงกัญชากลับเป็นยาเสพของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน
เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย. 2567) เวทีเสวนา ครบรอบ 2 ปีกัญชาเสรี ทางออกที่เหมาะสมของสังคมไทย เมื่อวานนี้ อำนาจ เหล่ากอที ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. บอกว่า หากกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จะใช้แนวทางการปลูกและใช้กัญชาคล้ายเมื่อปี 2564 คือ ต้องขออนุญาตเพื่อการแพทย์และการวิจัย ไม่ใช่การปลดล็อกแบบเสรี อยู่ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ เป้าหมายหลักคือ “ทางการแพทย์และการวิจัย”
ผู้อำนวยการกองกฎหมาย ป.ป.ส.ไม่ได้บอกถึงกรณีการครอบครอง หรือที่ปลูกตามครัวเรือนจะผิดกฎหมายโดนจับไปด้วยหรือไม่ หากกัญชากลับเป็นยาเสพติด แต่บอกว่ากัญชาที่ปลูกกันตามบ้านเสี่ยงที่จะใช้ผิดประเภท อีกทั้งเมื่อนำกัญชาที่ปลูกโดยชาวบ้านมาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบ ‘ตัวไร’ เต็มไปหมด นักวิทยาศาสตร์บอกว่ากินเข้าไปมีเชื้อโรคอันตราย
ส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจ ป.ป.ส. ติดตามข้อมูลพบว่า กัญชาเกรดที่ใช้ในทางการแพทย์ เกษตรกรไทยทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น ส่วนช่อดอกกัญชาที่ขายดีตามแหล่งท่องเที่ยว เกินครึ่งไม่ใช่ของคนไทย เป็นเกรดกัญชาที่นำเข้า ไม่ได้ปลูกที่เมืองไทย
อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่จะดึงกัญชากลับสู่ยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน บอกว่าหลังจากวันที่ 4 มิถุนายน ไปแล้ว จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็น อาจจะมีการเปิดเวทีให้สองฝ่ายทั้งหนุน และต้าน นำข้อมูลข้อเท็จจริง มาพูดคุยกัน แต่ยังตั้งเป้าที่จะดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดก่อนสิ้นปี 2567 นี้
ขณะที่ ร่างกฎหมายกัญชาฉบับใหม่ รัฐมนตรีสาธารณสุขคนก่อน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ได้ส่งเลขาฯ ครม.แล้ว ซึ่งควบคุมให้ใช้ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น ห้ามสันทนาการ ซึ่งยังรอ ครม.เห็นชอบ ก่อนเข้าสภาฯ