ศึกเปรียบเทียบ “บัตรทอง vs. ประกันสังคม” เดือด!

แหล่งข่าวบอร์ดแพทย์ประกันสังคม ยัน สิทธิประกันสังคมไม่น้อยหน้าบัตรทอง ขณะที่ ชมรมฯผู้ประกันตนโต้กลับ ระบบสุขภาพต้องเทียบกันที่การรักษา ไม่ใช่สิทธิประโยชน์อื่น พร้อมจี้ให้มีตัวแทนผู้ประกันตนร่วมบอร์ดแพทย์กำหนดนโยบาย ด้าน “สมศักดิ์” ชี้ รวม 3 กองทุนฯ ยังติดปัญหา

กรณีกระแสโซเชียลแชร์อินโฟกราฟิก The Active เปรียบเทียบสิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคม กับ บัตรทอง ขณะที่ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม ยืนยันสิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคมไม่น้อยหน้าบัตรทอง เพราะบัตรทอง ดูเรื่องรักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่สิทธิประกันสังคมดูแลทั้ง 7 กรณี ซึ่งจะต้องเฉลี่ยเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบออกไปในทุกๆ กรณี

ล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ. 2568) แหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดแพทย์ประกันสังคม ให้ข้อมูลกับ The Active ย้ำว่าสิทธิ์ประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของประกันสังคมไม่ได้ด้อยกว่าบัตรทองตามที่มีการเปรียบเทียบ และการเปรียบเทียบดังกล่าวอาจไม่ครอบคลุมทุกด้านและอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด

ยกตัวอย่างเช่น การรักษามะเร็ง สิทธิ์ประกันสังคมไม่ได้จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลคู่สัญญา แต่สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ เช่นเดียวกับสิทธิ์บัตรทอง โดยผู้ประกันตนสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งที่ได้ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมแล้วประกันสังคมจะตามไปจ่าย ไม่ต้องรักษาเฉพาะแต่โรงพยาบาลประกันสังคมตามสิทธิ์เท่านั้น

ส่วนผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นเลือดในสมองแตกก็สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ โดยสามารถพักรักษาในห้องติดแอร์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขณะที่ค่าคลอดบุตรที่กำหนดไว้ 15,000 บาทต่อครั้งนั้น ในความเป็นจริงต้นทุนการผ่าตัดคลอดในโรงพยาบาลรัฐมักอยู่ที่ไม่ถึง 10,000 บาท

นอกจากนี้ สิทธิ์ประกันสังคมยังครอบคลุมค่าผ่าตัดเปลี่ยนกะโหลกเป็นแผ่นโลหะ และการปลูกถ่ายไขกระดูกสันหลัง ซึ่งสิทธิ์บัตรทองไม่ได้ครอบคลุม

สำหรับประเด็นการเปรียบเทียบสิทธิ์ด้านทันตกรรมนั้น แหล่งข่าวที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดแพทย์ประกันสังคมที่กำลังจะหมดวาระ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ระบุว่า การกำหนดเพดานค่ารักษา คล้าย ๆ ระบบสหกรณ์ เพื่อป้องกันงบประมาณบานปลาย อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีที่ซับซ้อน เช่น การทำฟันเทียมหรือรักษารากฟัน ก็สามารถเบิกจ่ายตามสิทธิ์ประกันสังคมได้

ในส่วนของคณะกรรมการบอร์ดแพทย์ ส่วนหนึ่งประกอบด้วยบุคลากร ระดับอธิบดีและรองอธิบดีจากกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมเห็นว่าเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลให้มีมาตรฐาน

แหล่งข่าวยังตั้งข้อสังเกตว่า หากการบริหารงบประมาณของบัตรทองมีประสิทธิภาพจริง เหตุใดโรงเรียนแพทย์จึงไม่ต้องการรับผู้ป่วยบัตรทองเป็นจำนวนมาก นั่นเพราะปัจจุบันการเบิกจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลของบัตรทองให้กับโรงเรียนแพทย์ยังคงมีปัญหา ขณะที่ระบบประกันสังคมมีปัญหาการเบิกจ่ายแก่โรงพยาบาลน้อยกว่า

เมื่อถามถึงการดูงานต่างประเทศ แหล่งข่าวยืนยันว่าบอร์ดแพทย์ไม่ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่อิตาลีตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่ยอมรับเดินทางไปดูงาน ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 5 วัน โดยตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ได้ศึกษานวัตกรรมด้านการรักษาพยาบาล และศึกษากฎหมายแรงงานของอังกฤษ และยืนยันด้วยว่าไม่ได้เดินทางโดย First Class แต่เป็น Business Class 

ด้าน สมชาย กระจ่างแสง ประธานชมรมผู้พิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน ให้สัมภาษณ์กับ The Active ว่าข้อมูลการเปรียบเทียบสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้ประกันตน กับบัตรทอง ที่ The Active ทำออกมานั้นถูกแล้ว โดยการเปรียบเทียบที่ถูกต้องควรมุ่งเน้นไปที่ระบบสุขภาพเป็นหลัก ไม่ใช่นำสิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ ในระบบประกันสังคมมาเป็นข้ออ้าง เพราะถ้าเราพูดแบบนั้น ไม่ว่าเรื่องสุขภาพของผู้ประกันตนจะแย่แค่ไหนก็จะถูกมองข้าม

“เราต้องเข้าใจว่าผู้ประกันตนจ่ายเงินเพื่อสิทธิ์ประโยชน์ด้านสุขภาพ ดังนั้นควรได้รับการดูแลที่ดีที่สุด เราจึงต้องเปรียบเทียบเฉพาะเรื่องนี้ก่อน แล้วถ้าดูเฉพาะระบบสุขภาพ ผมยืนยันว่าระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง มีประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนมากกว่าประกันสังคม”

สมชาย กล่าว 

ประธานชมรมผู้พิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน กล่าวอีกว่า ถ้าดูกันจริง ๆ สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของบัตรทองมีมากกว่าประกันสังคมในหลายรายการ เช่น ทันตกรรม ประกันสังคมยังจำกัดวงเงินที่ 900 บาทต่อปี ซึ่งไม่พอสำหรับค่ารักษา ส่วนบัตรทองไม่มีเพดาน หรืออย่างการรักษามะเร็ง บัตรทองสามารถเข้ารักษาได้ทุกที่ ขณะที่ประกันสังคมยังมีข้อจำกัดเรื่องสถานพยาบาลและค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ บัตรทองยังมีนวัตกรรมที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการง่ายขึ้น เช่น รับยาที่ร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ รักษาอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยไม่ต้องรอพบแพทย์ ซึ่งในระบบประกันสังคมไม่มีแนวคิดแบบนี้เลย

สมชาย กล่าวด้วยว่า อีกจุดที่ต้องพูดถึงคือการบริหารกองทุน ประกันสังคมใช้วิธีจ่ายเงินให้โรงพยาบาลแบบเหมาเป็นก้อน ซึ่งทำให้ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาบริการ ต่างจากบัตรทองที่มีการจ่ายเงินแบบผสมผสาน โดยมีทั้งจ่ายรายหัวและจ่ายตามรายการรักษา ส่งผลให้เกิดการแข่งขันเพื่อพัฒนาคุณภาพการรักษามากขึ้น

สมชาย เห็นด้วยว่า ปัญหาหลักของระบบสุขภาพในประกันสังคมคือ คณะกรรมการการแพทย์ หรือ ‘บอร์ดแพทย์’ ที่ไม่มีตัวแทนของผู้ประกันตนเลย ทั้งที่ควรมีตัวแทนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เราเสนอให้เพิ่มตัวแทนผู้ประกันตนเข้าไปในบอร์ดแพทย์ทันที เพื่อให้เกิดการบริหารที่โปร่งใสและคำนึงถึงมุมมองของผู้รับบริการ

“บอร์ดแพทย์จะหมดวาระวันที่ 28 (ก.พ.)นี้ ผมคาดหวังว่าบอร์ดชุดใหม่จะมีตัวแทนผู้ประกันตนที่แท้จริง และเริ่มผลักดันให้มีการปฏิรูประบบสุขภาพในประกันสังคมให้ดีขึ้น” 

สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ปล่อยให้ผู้ประกันตนเป็นประชากรกลุ่มเดียวที่ยังต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ทั้งที่ควรได้รับการดูแลจากรัฐเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ถ้ารัฐบาลจริงใจที่จะแก้ปัญหานี้ ต้องเริ่มต้นด้วยการรวมกองทุนและปรับปรุงระบบบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ชมรมของเราผลักดันแนวคิด ‘ระบบสุขภาพมาตรฐานเดียว’ มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ เราเสนอให้รวมกองทุนประกันสังคมเข้ากับบัตรทอง เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่เท่าเทียมกัน โดยเงินสมทบที่ผู้ประกันตนเคยจ่ายเพื่อค่ารักษาพยาบาล ควรนำไปใช้ในกองทุนชราภาพแทน รัฐบาลต้องเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ประกันตนผ่านภาษี เหมือนกับที่จ่ายให้ข้าราชการและประชาชนทั่วไป เพราะผู้ประกันตนก็คือประชาชนกลุ่มหนึ่งที่เสียภาษีเช่นกัน”

สมชาย กล่าว

สมศักดิ์ ลั่น พร้อมมา ก็พร้อมรับ!

วันเดียวกัน ในงานการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพ (Health Data Hub)” ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ The Active  ได้พบกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงได้สอบถามระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ตอนนี้มีกระแสชื่นชมบัตรทองว่าดีกว่าประกันสังคม จึงมีข้อเสนอให้ดึงสิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคมให้ สปสช.บริหารจัดการ 

สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยเข้าที่ประชุม ครม. แล้ว แต่เรายังไม่สามารถรวมกองทุนทั้งสามกองทุนเข้าด้วยกันได้ กองทุนแรกคือกองทุนรักษาพยาบาลของข้าราชการ ซึ่งอยู่ภายใต้กรมบัญชีกลาง กองที่สองคือกองทุนประกันสังคม และกองที่สามคือกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง

ที่ผ่านมา ประกันสังคมบางทีก็มาใช้กับ สปสช. เช่น เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ก็มาใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่แล้ว กฎหมายเองก็อยากให้รวม แต่ผ่านมา 20 ปีแล้ว ก็ยังรวมไม่ได้ กฎหมายให้รวม เราก็พยายามตั้งกรรมการมาช่วยดูเรื่องนี้ แต่ก็ยังทำไม่ได้

เมื่อถามต่อว่า ใจท่านอยากให้รวมใช่หรือไม่? สมศักดิ์ กล่าวว่า บางครั้งสิทธิเสรีภาพในระบบประชาธิปไตย จะไปบังคับจะเป็นเรื่อง แต่พร้อมมา ก็พร้อมรับ โดยพร้อมพัฒนาร่วมกัน 

ถามอีกว่า ถ้ารวมกองทุนแล้ว สปสช. จะรับภาระไหวหรือ? เพราะเงินสมทบของผู้ประกันตนส่วนใหญ่ แนวคิดคือนำไปใช้เป็นเงินชราภาพ มากกว่าจะนำมาใช้ในระบบรักษาพยาบาล

สมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน กองทุนบัตรทองได้รับงบประมาณจากภาครัฐ ส่วนประกันสังคมก็มีกองทุนของตัวเอง ถ้าจะให้ สปสช. ดูแลสิทธิ์รักษาพยาบาลของผู้ประกันตน ประกันสังคมมีงบประมาณ 70,000 ล้านบาท สำหรับสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล ถ้าจะโอนมาให้ สปสช. ก็ดี แต่คำถามคือ รัฐบาลจะยอมหรือไม่ หากต้องตั้งงบเพิ่มอีก 70,000 ล้านบาท เพราะถ้ากองทุนต่าง ๆ ไม่ใส่เงินเข้ามา รัฐบาลก็ต้องรับภาระเพิ่ม

“กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีปัญหาว่าเงินจะมาจากไหน เราทำให้ได้ แต่วันนี้อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องการเอาเงินจากที่ไหนมา เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก”

สมศักดิ์ กล่าว 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active