เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ ตั้งคำถาม ปัดความรับผิดชอบหรือไม่ เชื่อ พม.ไม่เข้าใจ เรียกร้องช่วยสนับสนุนที่อยู่ชั่วคราว พร้อมวางแผนดูแลระยะยาว ชี้ เป็นหน้าที่หลักภาครัฐ ดูแลผู้ป่วยไม่ให้ถูกทิ้งซ้ำ
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา The Active ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศภายใน วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี พบว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาถามเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลถึงอนาคตของพวกเขา หลังขาดเจ้าอาวาส อดีตพระอลงกต โดยเฉพาะผู้ป่วยในอาคารคนอวดผี จำนวน 52 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว
จากการพูดคุย ผู้ป่วยส่วนใหญ่บอกว่า รู้สึกเครียดหลังทราบสถานะทางการเงินของวัดที่อาจดูแลคนทั้งหมดได้ถึงสิ้นเดือนนี้ รวมถึงแนวทางการย้ายผู้ป่วยออกจากวัด หากสถานที่ขัดกับมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข พร้อมวิงวอนให้ภาครัฐสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วยก่อน เพราะหลายคนใช้ชีวิตที่นี่มานานกว่า 20 ปี

“เราอยู่ที่นี่มา 20 ปี ไม่เคยไปไหน ถ้าต้องย้ายไปอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ได้เป็นเอดส์ เขาจะรับเราได้มั้ย ขนาดพ่อแม่ยังรังเกียจเรา ถึงต้องมาอยู่ที่นี่”
“ถ้าถึงเวลาต้องไปจริง ๆ รัฐเขาจะดูแลเราดีแบบที่นี่มั้ย เราติดเชื้อ HIV แล้วยังตาบอดอีก กลัวจะไปเป็นภาระคนอื่น”
“เรื่องคดีเราก็ไม่รู้หรอก แต่ที่นี่ดูแลเราดี เป็นไปได้มั้ยถ้าจะปรับที่นี่ให้ถูกต้อง ไม่ต้องย้ายไปไหน”

ขณะที่ พระครูสุวัฒน์กิตติสาร รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดเผยกับ The Active ว่า นอกจากเข้ามาดูแลด้านบัญชีรับบริจาคให้มีความโปร่งใส ยังต้องบริหารเงินติดบัญชีที่เหลืออยู่หลักล้านต้น ๆ ให้เพียงพอกับผู้ที่ในความดูแลทั้งหมดร่วม 200 คน ใน 2 แห่ง
ทั้งนี้ด้วยความสามารถของผู้ดูแล บุคลากรของวัดที่เหลืออยู่ และความประสงค์ของผู้ป่วยที่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ทางวัดก็มีศักยภาพ เพียงแต่ต้องอาศัยความชัดเจนจากภาครัฐว่าหลังจากนี้จะสามารถดำเนินการในทิศทางไหนได้บ้าง
พม. แจง ไม่รับผู้ป่วยเอดส์วัดพระบาทน้ำพุ เหตุอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อรุนแรง

ทางด้าน อนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ชี้แจงถึงกรณีการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV ที่วัดพระบาทน้ำพุ ว่า การดำเนินการต้องมีกระบวนการคัดกรองว่ากลุ่มเปราะบางภายในวัด เนื่องจากมีทั้งผู้สูงอายุ คนพิการ เด็ก และผู้ติดเชื้อ HIV โดย พม.จะประสานติดตามญาติให้เข้ามารับไปดูแล พร้อมกับให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลด้วย ซึ่งตามข้อมูลศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน พม. พบว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ต้องการอยู่กับวัดพระบาทน้ำพุต่อ มีจำนวน 58 คน
ปลัด พม. ยังระบุว่า ตามระเบียบของสถานสงเคราะห์ภายใต้สังกัด พม.ไม่สามารถรับผู้ป่วยที่เข้าข่ายโรคติดต่อรุนแรง 5 โรค ได้แก่ วัณโรค, โรคเอดส์, โรคเท้าช้าง, โรคหิด และโรคเรื้อน ทำให้ พม. ไม่มีสถานรองรับผู้ป่วยเอดส์โดยตรง เพราะกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการมีความเปราะบางด้านสุขภาพ รวมทั้งภายในสถานรองรับมีความแออัด จึงเห็นว่า หน่วยงานท้องถิ่นควรเร่งประสานความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคม และเอ็นจีโอ เพื่อเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ ตั้งคำถาม พม.อ้างกลุ่มโรคติดต่อร้ายแรง จงใจปัดความรับผิดชอบหรือไม่ ?
The Active พูดคุยกับ อภิวัฒน์ กวางแก้ว รองประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ตามที่ พม. อ้างเนื้อหาตามประกาศในการไม่รับผู้ติดเชื้อ HIV หรือ เอดส์ไว้ดูแล ส่วนตัวมองว่า เป็นระเบียบที่อาจจะไม่ได้มีความเข้าใจเรื่อง HIV อย่างแท้จริง

ประเด็นแรก ผู้ติดเชื้อกับผู้ป่วยเอดส์ต่างกัน หากจะรับไปดูแลคิดว่าสามารถทำได้ เพราะผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสแล้ว จะไม่ป่วยหนัก ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีโอกาสที่จะส่งต่อเชื้อ HIV ในการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกัน หรือแม้แต่มีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่สามารถส่งต่อเชื้อในกรณีที่ผู้ติดเชื้อคนคนนั้นได้รับการดูแลรักษา กินยาต้านจนไม่พบเชื้อ หรือ U=U (Undetectable = Untransmittable)
แต่การปฏิเสธในลักษณะแบบนี้ของระดับผู้ใหญ่ในกระทรวง สะท้อนถึงการไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจ จึงฝากให้ทบทวนข้อมูลอีกครั้งหนึ่งในการที่จะดูแลประชาชน ดูแลเพื่อนมนุษย์ ทั้งคนเหล่านี้ที่อยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ หรืออยู่ในสถานสงเคราะห์ในจังหวัดตอนนี้ ที่ส่วนใหญ่ถูกทิ้งมาจากครอบครัวด้วยความไม่รู้ ความไม่เข้าใจด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่คนเหล่าที่ได้รับการช่วยเหลือ มีที่พึ่งพิงไม่ควรจะถูกทิ้งซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้บทบาทของ พม. จึงควรสนับสนุนให้คนกลุ่มนี้มีที่อยู่อาศัยชั่วคราว พร้อมกับวางแผนในการสนับสนุนดูแลระยะยาว ซึ่งถือเป็นหน้าที่หลักของ พม.ที่จะดูแลเรื่องความมั่นคงของคนที่ทุกข์ยาก ไม่ว่าเขาจะมีเชื้อหรือไม่มีเชื้อก็ตาม
“ผมคิดว่า พม.น่าจะไปดูประกาศของ สธ. แต่ทำไม พม. ยังไปตีความในลักษณะเดิมแบบนั้น คิดว่าไม่น่าจะถูกต้องมากนัก”
อภิวัฒน์ กวางแก้ว

ขณะที่การแก้ปัญหาด้วยการประสานเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้าน HIV นั้น อภิวัฒน์ มองว่า กำลังเป็นการผลักภาระทั้งหมดไปให้มูลนิธิฯ คนทำงานภาคประชาสังคมดูแลต่อ สะท้อนว่าที่ผ่านมา พม.ที่เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับ สธ. มีประสิทธิภาพแค่ไหน ในขณะเดียวกัน ภาคประชาสังคมที่มีความสามารถในการดูแลเพื่อนผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยเอดส์ ที่ผ่านมาก็ดำเนินงานอยู่ในภาวะยากลำบาก คำถามคือ พม.จะสนับสนุนงบประมาณให้คนกลุ่มนี้ได้หรือไม่
ผู้ว่าฯ ลพบุรี นัดประชุมความชัดเจนอนาคตวัดพระบาทน้ำพุ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้ (3 ก.ย. 68) ภายหลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกรณีวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตผู้ติดเชื้อ HIV ทั้งหมดในวัดด้วย