เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชา พบ อธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ ร้องแก้ ประกาศ–กฎกระทรวง ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง ชี้ระบบใบแพทย์ ภท.33 ซับซ้อน ดันคนหันหาตลาดมืด สวนทางเจตนารมณ์กฎหมาย ผู้ประกอบการโอดลงทุนหลักสิบล้าน แต่ราคาตลาดถูกกด เหตุลักลอบขาย–กฎระเบียบไม่ชัด ด้าน กรมแพทย์แผนไทยฯ ย้ำกรอบ ‘กัญชาทางการแพทย์’ เน้นปลอดภัย พร้อมเปิดช่องทำ ‘บัตรผู้ใช้กัญชา’
วันนี้ (4 ก.ย. 68) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เข้าพบ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อหารือถึงปัญหาที่เกิดจาก ประกาศสมุนไพรควบคุมฉบับใหม่ และ ร่างกฎกระทรวง ว่าด้วยการจำหน่ายกัญชา ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายฯ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ยืนยันข้อเรียกร้องหลัก 3 เรื่อง ได้แก่ มาตรฐานการปลูก, การใช้กัญชาผ่านระบบแพทย์ที่ต้องมีใบแพทย์ หรือ ใบสั่งจ่ายกัญชา ภท.33 และสถานะของสถานพยาบาลกัญชา โดยมองว่าประกาศและกฎกระทรวงใหม่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงของประชาชน

“การกำหนดให้ต้องมีใบแพทย์ทุกครั้ง อาจทำให้ประชาชนไม่เข้าสู่ระบบ แต่หันไปซื้อจากตลาดมืดแทน ซึ่งสวนทางกับหลักการที่ควรเปิดโอกาสให้ใช้ได้ถูกกฎหมาย ไม่ใช่จำกัดเฉพาะโรคร้ายแรง แต่รวมถึงการดูแลสุขภาพทั่วไปด้วย”
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
ประสิทธิ์ชัย ระบุด้วยว่า ร่างกฎกระทรวงที่ให้ร้านกัญชาต้องเป็นสถานพยาบาล ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยากต่อการปฏิบัติ เครือข่ายฯ จึงยืนยันให้ต้องแก้ไข ขณะเดียวกันยังชี้ว่าประกาศกระทรวงปี 2568 ข้อ 4 เปิดช่องให้ผู้มีใบแพทย์ ซึ่งหาซื้อได้ง่าย เข้าถึงกัญชาได้แม้เป็นเยาวชน ไม่สอดคล้องกับมาตรการป้องกันในสมัย อนุทิน ที่เคยห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี นักเรียน นักศึกษา และสตรีมีครรภ์
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบาย เครือข่ายฯ เสนอว่า
- แก้ประกาศกระทรวงฯ ปี 2568 โดยปิดช่องโหว่ให้เข้มงวดต่อเยาวชน
- แก้ร่างกฎกระทรวงที่บังคับให้ร้านเป็นสถานพยาบาล
- กำหนดกรอบการใช้เพื่อสุขภาพโดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ทุกครั้ง เช่น ออกใบอนุญาตรายปี

ประสิทธิ์ชัย ยังตอบโต้กระแสวิจารณ์ที่มองว่าแนวทางเครือข่ายฯ คือ การผลักดันกัญชาเพื่อสันทนาการ โดยย้ำว่า การใช้ทางการแพทย์ไม่ควรถูกตีความแคบ แต่ต้องหมายถึงการใช้ที่ถูกต้อง ปลอดภัย และอยู่ในระบบ หากกฎหมายไม่สอดรับ ประชาชนจำนวนมากจะหันไปพึ่งตลาดมืด
เมื่อถูกถามถึงความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ ประสิทธิ์ชัย มองว่า หาก อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นโยบายกัญชาจะเดินหน้าได้ราบรื่นกว่าภายใต้พรรคเพื่อไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจน และเคยผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชา มาก่อน
“สิ่งเร่งด่วนที่นายกฯ คนใหม่ต้องทำ คือ แก้ประกาศกระทรวงปี 2568 และหยุดกฎกระทรวงที่กำลังเข้าสู่ ครม. เพราะสองเรื่องนี้เป็นอุปสรรคสำคัญ”
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
ผู้ประกอบการโอด ลักลอบขาย–กฎระเบียบไม่ชัด
ขณะที่ ธนกฤต สุธรรมวงศ์ หรือ โจ้ ผู้ประกอบการกัญชาและเจ้าของฟาร์มขนาดใหญ่ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการจำนวนมากกำลังเผชิญความไม่ชัดเจนด้านนโยบายกัญชา โดยเฉพาะการขายในร้านที่ยังมีข้อกำหนดซับซ้อน เช่น การบังคับใช้ใบแพทย์ ภท.33 ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
“จริง ๆ แล้วควรให้ผู้บรรลุนิติภาวะสามารถซื้อได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้ใบแพทย์ตลอดเวลา เพราะระบบแบบนี้กลับทำให้เกิดช่องทางขายใบแพทย์มากกว่าควบคุมจริง”
ธนกฤต สุธรรมวงศ์

ทั้งยังระบุว่า แม้จะลงทุนสร้างฟาร์มมาตรฐานสากล กว่า 30 ล้านบาท แต่ราคากัญชาที่ขายได้กลับต่ำกว่าต้นทุนจริง เนื่องจากมีการลักลอบปลูก และขายอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งไม่มีต้นทุนค่าไฟและค่าดูแล ทำให้ราคาตลาดถูกกดลง
“ฟาร์มที่ทำตามมาตรฐาน ค่าไฟ ค่าปุ๋ยสูงมาก แต่ราคาขายจริงเหลือเพียง 30-40 บาทต่อกรัม ส่วนร้านทำเลท่องเที่ยว เช่น สีลม อาจขายได้ถึงกรัมละ 700 บาท แต่ร้านทั่วไปไม่สามารถตั้งราคาแบบนั้นได้”
ธนกฤต สุธรรมวงศ์
เขายังเห็นว่า การจำกัดการใช้กัญชาเฉพาะทางการแพทย์ไม่สอดคล้องกับความจริงของสังคม พร้อมย้ำว่า หากรัฐบาลใหม่เปิดกว้างด้านนี้ จะช่วยแก้ปัญหาตลาดผิดกฎหมายและทำให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ธนกฤต กล่าวเพิ่มเติมว่า หาก อนุทิน กลับมาเป็นผู้กำหนดนโยบาย จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากเป็นผู้ที่เคยผลักดันเรื่องกัญชามาตั้งแต่แรก และเข้าใจการใช้จริงมากกว่าฝ่ายที่มองเพียงด้านลบ
ในฐานะผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ธนกฤต ยังยืนยันว่า กัญชาบางสายพันธุ์สามารถช่วยบรรเทาอาการได้จริง เช่น ช่วยเรื่องการนอนหลับ และลดความวิตกกังวล พร้อมชี้แจงว่าแนวคิดที่ว่ากัญชาทำให้ประสาทหลอนเป็นความเข้าใจผิด THC แค่ไปกระตุ้นสมองชั่วคราว ไม่ได้ทำให้ใครคลั่งหรือเพ้อเจ้อ
“สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลใหม่ต้องทำให้นโยบายกัญชามีความชัดเจน ไม่กำกวม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้”
ธนกฤต สุธรรมวงศ์
กรมแพทย์แผนไทยฯ ย้ำกรอบ ‘กัญชาทางการแพทย์’
ด้าน นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชี้แจงประเด็นข้อถกเถียงเรื่องการกำหนดให้การใช้กัญชาอยู่ในกรอบ กัญชาทางการแพทย์ โดยยืนยันว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ใช้ และสร้างกลไกการตรวจสอบที่เหมาะสม ไม่ใช่เพื่อสร้างภาระเกินความจำเป็นแก่ผู้ประกอบการ

นพ.สมฤกษ์ ระบุว่า การให้บริการกัญชาทางการแพทย์ไม่ได้จัดเป็นคลินิกเต็มรูปแบบ เพราะหากตีความเช่นนั้น ทุกแห่งต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพประจำตลอดเวลา ซึ่งไม่สามารถทำได้จริง กรมฯ จึงออกแบบให้เป็นระบบบริการที่ยืดหยุ่นกว่า พร้อมทั้งพัฒนา ระบบ telemedicine เพื่อให้แพทย์สามารถออกใบสั่งออนไลน์ โดยมีการควบคุมเพดานค่าบริการไม่เกิน 300 บาท และข้อมูลทุกขั้นตอนถูกบันทึกในระบบที่กรมสามารถตรวจสอบได้
สำหรับข้อกังวลด้านกฎหมาย อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้แจงว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2568 กำหนดชัดว่า ผู้จำหน่ายสมุนไพรควบคุมสามารถจำหน่ายได้เฉพาะผู้มีใบอนุญาต แม้พระราชบัญญัติหลักไม่ได้ระบุโดยตรง แต่กรมตีความว่า การกำหนดกลไกเช่นนี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม กรมพร้อมหารือกับฝ่ายกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน
นพ.สมฤกษ์ ย้ำว่า หลักการสำคัญ คือ กัญชาต้องอยู่ในกรอบทางการแพทย์ โดยให้ผู้ประกอบวิชาชีพเป็นผู้วินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีข้อบ่งใช้หรือไม่ ทั้งนี้พร้อมรับฟังข้อเสนอจากภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การพัฒนา บัตรผู้ใช้กัญชา ที่ต่ออายุรายปี เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องกลับมาพบแพทย์ซ้ำทุกครั้ง ซึ่งกรมเห็นว่าเป็นแนวทางที่สามารถพิจารณาได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน กรมฯ ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยยืนยันว่าข้อมูลผู้ป่วยเป็นข้อมูลที่ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกับโรงพยาบาล อีกทั้งยังได้กำหนดให้บริษัทเอกชนที่พัฒนาระบบ telemedicine ต้องส่งมอบ source code แก่กรม เพื่อป้องกันการนำไปใช้เชิงพาณิชย์เกินควร
นพ.สมฤกษ์ บอกเพิ่มเติมว่า ระบบ telemedicine จะจำกัดเฉพาะโรคที่สามารถประเมินอาการได้ เช่น โรคนอนไม่หลับหรืออาการปวดเรื้อรัง พร้อมพัฒนาบทบาทผู้ช่วยวิชาชีพที่ผ่านการอบรมเข้ามาช่วยประเมินเบื้องต้น เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของแพทย์