สปสช.ยืนยันนโยบาย รมว.สธ.สอดคล้องทิศทาง “ป้องกันก่อนป่วย” เดินหน้าใช้เทคโนโลยี–ยกระดับบริการ ไม่ห่วงปม “คลินิกชุมชนอบอุ่น” ถูกยกเลิกสัญญา – ลาออก ย้ำห้ามเรียกเก็บเงินล่วงหน้า
เมื่อวันนี้ 26 ก.ย.2568 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า บทบาทของ สปสช.คือการสนับสนุนด้านงบประมาณและการเข้าถึงบริการประชาชน ซึ่งนโยบายที่ประกาศออกมามีความสอดคล้องกับทิศทางของ สปสช.อยู่แล้ว
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (Wellness) เพื่อดูแลประชาชนก่อนป่วย สปสช.ได้บรรจุแนวทางนี้ในแผนประจำปีอยู่แล้ว เพียงแต่จะมีการเน้นย้ำให้ชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันนโยบายการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ก็เป็นสิ่งที่ สปสช.ได้เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน เพียงแต่จะต้องทบทวนการจัดสรรงบประมาณปี 2569 อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐมนตรียังเน้นเรื่องการสร้างเศรษฐกิจสุขภาพและการดูแลขวัญกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งหากมีความจำเป็นด้านงบประมาณ สปสช.พร้อมหารือเพื่อสนับสนุน
30 บาทรักษาทุกที่ “ยังไปต่อ”
กรณีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือ “รักษาทุกที่” นพ.จเด็จ ระบุว่า จากที่รัฐมนตรีย้ำว่า “สิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็จะทำต่อ” จึงเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะยังคงเดินหน้าต่อไป
สำหรับประเด็นการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กรุงเทพฯ นพ.จเด็จ ชี้แจงว่า มีทั้งกรณีที่ สปสช.ยกเลิกเองตามกฎหมาย เนื่องจากมีการร้องเรียนว่าประชาชนไม่ได้รับความสะดวก หรือมีพฤติกรรมผิดกฎระเบียบ เช่น เก็บเงินคนไข้แล้วให้มาเบิกย้อนหลัง ซึ่งถือว่าผิดกติกา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีสิทธิ์เข้ารับบริการแน่นอน เพราะทุกคนอยู่ภายใต้ความดูแลของศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.ที่เป็นแม่ข่าย และสามารถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทุติยภูมิหรือระดับใหญ่กว่าได้ ส่วนคลินิกชุมชนอบอุ่นถือเป็น “หน่วยเสริม” เพื่อเพิ่มความสะดวกมากกว่า
รับฟังข้อเสนอภาคประชาชน พร้อมปรับระบบปี 2569
เลขาธิการ สปสช.ระบุว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครและคณะกรรมการระดับเขตกำลังพิจารณาการปรับระบบบริการในปีงบประมาณ 2569 หากภาคประชาชนหรือหน่วยบริการมีข้อเสนอแนะ ขอให้ส่งตรงมาที่ สปสช.เพื่อร่วมพิจารณา เพราะข้อเสนอจำนวนมากมีประโยชน์ แม้อาจนำเสนอด้วยน้ำเสียงรุนแรงก็ตาม
“อย่ากังวลว่า สปสช. จะไม่พอใจ เพราะเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรับฟัง ทุกข้อเสนอสามารถนำมาปรับปรุงระบบได้เสมอ” นพ.จเด็จกล่าว
ชี้แจงปัญหาหนี้ รพ.เป็นเรื่องกติกาการจัดสรรงบฯ
กรณีมีเสียงวิจารณ์ว่า สปสช.ค้างหนี้ หน่วยบริการโรงพยาบาล นพ.จเด็จ อธิบายว่า แท้จริงแล้วเป็นเรื่องกติกาการจัดสรรงบประมาณ เช่น การปรับลดตามคะแนนประเมิน หากหน่วยบริการไม่ผ่านเกณฑ์อาจได้รับงบฯลดลง จึงถูกตีความว่าเป็นหนี้ ทั้งที่จริงเป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และสามารถตรวจสอบได้ด้วยข้อมูลเชิงคณิตศาสตร์ ไม่ใช่หนี้ที่เกิดขึ้นจริง
นพ.จเด็จ ยอมรับว่า ระบบส่งต่อผู้ป่วยในบางกรณียังมีปัญหา เช่น หน่วยบริการปลายทางปฏิเสธการส่งต่อ หรือมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในขั้นตอน แต่ในอนาคต สปสช.จะทำให้กระบวนการนี้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยถูกปฏิเสธการรักษา