นายกฯ รับสภาพ “สปสช.ติดหนี้แทบทุก รพ.” ชี้ปม ‘บัตรทอง’ โจทย์ใหญ่ ต้องเร่งเคลียร์บัญชี

หลัง ‘หมอเหรียญทอง’ รพ.มงกุฎวัฒนะ แจงหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง ขณะที่รัฐบาลเตรียมแก้ลำ หวังใช้งบกลาง 8,000 ล้าน อุดช่องว่าง งบกองทุนบัตรทอง ฝั่ง ปลัด สธ. ชี้ รพ.รัฐ ขาดทุนสะสมกว่า 8,000 ล้าน สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องเร่งแก้

“สปสช. ติดหนี้แทบทุกโรงพยาบาล”

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

คำพูดจากปาก อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (9 ต.ค. 68) ย้ำภาพสถานการณ์ งบค้างจ่าย กองทุนบัตรทอง ที่กำลังวิกฤต และปะทุขึ้นอีกระลอก เมื่อ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประกาศหยุดให้บริการผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทอง หลัง สปสช.ค้างจ่ายค่ารักษากว่า 100 ล้านบาท

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงมหาดไทย

“คิดว่า สปสช. ต้องเร่งบริหารการเงิน เพราะตอนนี้ไม่ได้ติดหนี้แค่บางโรงพยาบาล แต่แทบจะทุกแห่งทั่วประเทศ”

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

นายกฯ อนุทิน บอกอย่างตรงไปตรงมา ว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาใช้งบกลางเพื่อ เคลียร์บัญชี ให้กับหน่วยบริการ หากสำนักงบประมาณเห็นว่า เป็นกรณีเร่งด่วน ก็พร้อมเร่งดำเนินการทันที

‘มงกุฎวัฒนะ’ ระเบิดศึก สปสช.ยกเลิกแถลงข่าวกะทันหัน

The Active ชวนย้อนเหตุการณ์ที่ทำให้กลายเป็นจุดแตกหักระหว่าง รพ.มงกุฎวัฒนะ กับ สปสช. ที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 68) เมื่อ นพ.เหรียญทอง บุกมายัง สปสช. เพื่อทวงหนี้ 110 ล้านบาท อ้างโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องจนต้อง กู้เงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน หลังรอการเบิกจ่ายสะสมตั้งแต่ ปี 2563 

แม้ สปสช. จะนัดแถลงข่าวชี้แจงในวันเดียวกัน แต่กลับ ยกเลิกกะทันหัน ก่อนที่ นพ.เหรียญทอง จะมาถึง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงการสาธารณสุขถึงความล่าช้าในการจัดสรรงบฯ และความไม่ชัดเจนในการบริหารกองทุน

รพ.มงกุฎวัฒนะ เข้าร่วมระบบบัตรทองตั้งแต่ปี 2563 หลัง สปสช. ขอให้ช่วยรองรับผู้ป่วยจากคลินิกที่ถูกยกเลิก แต่กลับพบปัญหาการเบิกจ่ายค้างชำระต่อเนื่อง จากยอดค้าง 13 ล้านบาท จนบานปลายเป็นกว่า 110 ล้านบาทในปัจจุบัน

ทางด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ชี้แจงว่า ไม่จริง แต่อยู่ระหว่างกระบวนการจ่ายตามขั้นตอนซึ่งติดค้างกันเพียง 37 ล้านบาทเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มี Stakeholder จำนวนมากหลายส่วน ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ส่วนผู้มีสิทธิบัตรทองในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จำนวน 4.7 หมื่นคน จะไม่รับผลกระทบ โดยจะหาหน่วยบริการมารองรับแน่นอน

สปสช.ของบกลาง 8,000 ล. อุดช่องโหว่หน่วยบริการบ่นรายรับไม่พอ

เบื้องหลังวิกฤตการเงินในระบบบัตรทอง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง เพราะข้อมูลจากการประชุมบอร์ด สปสช. ล่าสุดชี้ว่า กองทุนฯ ปีงบประมาณ 2569 ไม่เพียงพอ ต่อภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น 

บอร์ด สปสช. จึงมีมติ ขอใช้งบกลาง เพิ่มเติม 8,092 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องของระบบ โดยแบ่งเป็น

  1. งบฯ ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการภาครัฐ 4,319 ล้านบาท

  2. งบฯ ค่ารักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 3,772 ล้านบาท

เป้าหมายหลักคือ ไม่ให้บริการประชาชนสะดุด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องรับบริการต่อเนื่องทุกสัปดาห์

ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ยืนยันว่า จะเร่งเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีให้ทันในสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้ระบบเดินต่อได้โดยไม่กระทบสิทธิประชาชน

‘รมว.สธ.’ ยันเดินหน้าเคลียร์หนี้ รักษาสิทธิประชาชน

พัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเพิ่งนั่งเก้าอี้ประธานบอร์ด สปสช. คนใหม่ ยอมรับตรง ๆ ว่า งบปี 2569 ไม่พอจริง และจำเป็นต้องขอใช้งบกลางเสริม เพื่อให้โรงพยาบาลทุกแห่งดำเนินงานได้ต่อเนื่อง

“งบกลางจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้หน่วยบริการ ไม่ให้สะดุด ไม่ให้ประชาชนขาดโอกาสเข้ารับบริการ”

พัฒนา พร้อมพัฒน์

รมว.สธ. ยังย้ำว่า ระบบสาธารณสุขไทยยังแข็งแรง แต่ต้องเร่งจัดสมดุลรายรับ-รายจ่ายของโรงพยาบาล โดยเฉพาะหน่วยบริการที่รับภาระบัตรทองเป็นหลัก

น่าห่วง รพ.รัฐ ขาดทุนจากระบบ UC กว่า 8,000 ล.

ไม่บ่อยครั้งที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมบอร์ด สปสช. ด้วยตนเอง แต่เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ก็ได้เปิดเผยภาพใหญ่ของปัญหาเชิงโครงสร้าง ทางการเงินในระบบสุขภาพ ท่ามกลางคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ที่เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก 

ปลัด สธ. ระบุว่า โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงหลายแห่งเริ่มมี สถานะการเงินลดลง แม้ยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ แต่รายรับโดยเฉพาะจากกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UC) ไม่สมดุลกับรายจ่าย ทำให้บางแห่งมีภาวะขาดทุนสะสม

หากดูภาพรวมปีงบประมาณ 2567 หน่วยบริการที่พึ่งรายได้จากกองทุน UC เป็นหลักมีตัวเลข ขาดทุนกว่า 8,000 ล้านบาท แม้เมื่อรวมรายได้จากกองทุนข้าราชการ (CSMBS) และประกันสังคม (SSS) จะยังประคองระบบไว้ได้

จาก ‘งบไม่พอ’ ถึง ‘แพทย์หนึ่งจังหวัด’ แผนฟื้นระบบสุขภาพของกระทรวง

นพ.สมฤกษ์ เปิดแผนปรับโครงสร้างบริการใหม่ โดยตั้งเป้า กระจายภาระงาน จากโรงพยาบาลศูนย์ลงสู่โรงพยาบาลชุมชน ผ่านแนวคิด One Hospital One Province หรือ โรงพยาบาลหนึ่งจังหวัด หนึ่งระบบบริการ

แนวทางหลักคือ

  • ให้แพทย์ 1 คน สามารถหมุนเวียนให้บริการหลายโรงพยาบาลในจังหวัดเดียวกัน

  • ใช้ห้องผ่าตัดและทรัพยากรที่เหลือในบางแห่งมาช่วยลดคิวผ่าตัดในโรงพยาบาลใหญ่

  • ส่งเสริมระบบ Telemedicine และ Virtual Hospital เชื่อมต่อผ่าน Super App ที่พัฒนาโดยความร่วมมือกับ Google

  • พัฒนา Productivity-Based Pay ให้บุคลากรได้รับผลตอบแทนตามผลงานจริง

ปลัด สธ. ยังมองไกลถึงการสร้าง เศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) ที่จะขับเคลื่อนประเทศสู่ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ในภูมิภาค ทั้ง Wellness, Medical Tourism และ Precision Medicine

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active