เครือข่ายเด็กและเยาวชน หวั่น ผลกระทบกัญชาในเด็ก ยื่นข้อเสนอ ถึง กมธ.พิจารณาร่าง กฎหมาย ‘ทิชา’ ห่วง เด็กเกือบ 20 ล้านคน ชี้ มีภูมิคุ้มกันทางสังคมไม่เท่ากัน
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และเครือข่ายองค์กรเด็กและเยาวชน และครอบครัว ยื่นเรื่องถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ….
ข้อเสนอ สะท้อนถึงความห่วงใย ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนมากกว่า 20 ล้านคน โดยเฉพาะเด็กเยาวชนเปราะบาง จึงได้เสนอให้มีการปรับเพิ่มโทษผู้ที่กระทำความผิด เช่น การจำหน่ายให้เด็กและเยาวชนต้องเพิ่มโทษเป็นสองเท่า และให้คณะกรรมการกำกับติดตามการใช้และผลกระทบที่เกิดขึ้น
สำหรับการยื่นหนังสือครั้งนี้มาจากกรณีการปลดล็อกกัญชาประกอบกับกรณีที่นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร ผลักถนนข้าวสารให้เป็น Hub กัญชา หวังผลด้านการท่องเที่ยวและการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ
ทิชา ณ นคร ที่ปรึกษามูลนิธิเด็กและเยาวชน และครอบครัว กล่าวว่า ประเทศมีประชากร 67 ล้านคน มีคนอายุต่ำกว่า 20 ปี ประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ ว่าบางคนเข้มแข็งและครอบครัวลงทุนกับเขา แต่เด็กอีกจำนวนมหาศาลที่เขาขัดข้องไม่มีทุนชีวิตและคนเหล่านี้จะตกหลุมดำก่อน
“เรารู้ว่าเวลาที่เราจะเยียวยาใครสักคนที่เขาตกหลุมดำเพื่อที่จะเอาเขากลับขึ้นมาไม่ใช่เป็นงานที่ง่าย จึงอยากจะฝากให้กรรมาธิการคิดด้วยว่าจะทำอย่างไร กับด้านมืดของกัญชา หรือด้านที่เป็นแสงสว่างของกัญชา ซึ่งมันมีทั้งสองด้าน กัญชาคือดาบสองคมที่คมกริบทั้งสองด้าน แล้วอย่าลืมลูกหลานของเราเกือบ20 ล้าคน ที่มีทั้งอ่อนแอและเข้มแข็ง”
ด้านศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างฯ ระบุว่า เรื่องนี้เกิดข้อขัดข้องทางเทคนิค จึงส่งผลให้การร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ล่าช้า
“ผมคิดว่ากฎหมายกัญชาที่พวกเราทำ จะเป็นกฎหมายที่ดีที่สุดที่ผมเคยทำมาในชีวิต เพราะผมจะทำให้ทุกอย่างมันเป็นประโยชน์ให้สังคมสบายใจ ให้คนไทยทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากกัญชา ไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์หรือในทางเศรษฐกิจ สอง คือปกป้องบุคคลที่ควรจะต้องปกป้อง”
พร้อมทั้งระบุว่า ต้องคำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ในการดำเนินการจะต้องไม่ขัดกับอนุสัญญาที่เราไปลงนามไว้ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นโจทย์ยาก