‘ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร‘ แนะ พรรคการเมืองงัดนโยบายใหม่แข่งกันดีกว่า ขณะที่ เครือข่ายผู้ป่วย อยากเห็นนโยบายสุขภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ ครอบคลุมคนทุกสิทธิ์
กรณี เพจ Drama-Addict โพสต์ข้อความระบุ ประเด็นการหาเสียงเรื่อง “มะเร็งรักษาฟรี” ว่า ประชาชนทั่วไปน่าจะรู้อยู่แล้วว่า มะเร็ง อยู่ในกลุ่มโรคที่รักษาฟรี มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่บุกเบิก 30 บาท ซึ่งหลาย ๆ รัฐบาล จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ก็รับช่วงนโยบายและพัฒนาแง่นี้มาเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน การรักษามะเร็งครอบคลุมแทบทุกชนิด และยาที่ใช้ในการรักษา ก็ครอบคลุมมากขึ้น จนสามารถใช้ประกันสุขภาพถ้วนหน้า เคลมค่ารักษา ยาราคาแพง ๆ ส่วนยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า (ซึ่งแพงมาก ๆ) ปัจจุบันก็มีการวิจัยและพัฒนาในประเทศให้ผลิตรักษาคนไข้ในราคาถูกลง และกำลังพิจารณาจะเอาเข้ามาในบัญชียาที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้
อนาคตไม่แน่ว่าอาจจะครอบคลุมไปถึง การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัด และวัคซีนรักษามะเร็งที่กำลังวิจัยกันอยู่ ณ เวลานี้ ก็ได้ ประเด็นคือ หมอในภาครัฐ ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกค่ารักษาพยาบาลอะไรพวกนี้อยุ่แล้ว ภาครัฐ สปสช เป็นคนจัดสรรงบประมาณ ส่วนหมอก็รักษาคนไข้ไปเต็มที่
ประเด็นที่ควรพัฒนาคือ การเพิ่มหน่วยให้บริการ ศูนย์รักษามะเร็ง ศูนย์วิจัยมะเร็ง ศูนย์ตรวจ PET-CT scan และบุคลากร ที่ยังมีไม่เพียงพอที่จะให้บริการคนไข้ทั้งหมด รวมไปถึง ประเด็นที่ แม้จะมีการจัดสรรประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้แล้ว คนไข้เข้าถึงการรักษาแบบฟรีๆ หรือจ่ายนิดเดียว
แต่ก็ยังมีคนไข้จำนวนมาก ที่ไม่มีงบเดินทาง งบกินอยู่ เวลาต้องมาค้างที่โรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลานาน ๆ แถมยังเสียรายได้ในช่วงเวลาที่เข้ารับการรักษา ซึ่งทำให้หลายๆคน พลาดโอกาสในการรักษาไป เพราะไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายแฝงพวกนี้ได้
“พรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงประเด็นนโยบายนี้อยู่ก็ฝากด้วยนะครับ คือไม่ต้องเคลมว่า มะเร็งจะรักษาฟรี เพราะมันฟรีอยู่แล้ว แต่ไปเน้นประเด็นพวกนั้น ให้คนยากคนจนเข้าถึงจุดบริการได้ง่ายขึ้น น่าจะตรงประเด็นมากกว่า”
เพจ Drama-Addict
จากกรณีที่เกิดขึ้น วันนี้ (17 เม.ย.66) ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช ทวิตข้อความระบุพรรคการเมือง จะหาเสียง จะมีผลงาน หรือโครงการอะไรใหม่ ก็งัดมาแข่งกันประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แต่สิ่งที่ไม่ควรทำ คือเคลมสิ่งที่มีอยู่แล้วและมีมานานหลาย 10 ปีแล้ว เช่น รักษามะเร็งฟรี คนไข้บัตรทองก็รักษาตามสิทธิ สปสช. ตั้งแต่ปีแรก
ขณะที่ สมชาย กระจ่างแสง กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เปิดเผยกับ The Active โดยรู้สึกผิดหวังนโยบายของแต่ละพรรคที่ออกมา เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องสิทธิประโยชน์ไม่ใช่นโยบาย เช่น มะเร็งรักษาทุกที่เป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้ว อยากเห็นนโยบายที่ให้สิทธิแก่ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่จ่ายเงินในระบบหลักประกันสุขภาพเท่าเทียมกับสิทธิกลุ่มอื่น ๆ อีกทั้งควรรวมกองทุนสุขภาพ ทุกกองทุนเป็นกองทุนเดียว เครื่องมือที่จะทำเรื่องนี้ถูกกำหนดไว้ในหลักประกันสุขภาพ มาตรา 9, 10 และ 11 ให้บอร์ด สปสช. ปรึกษาหารือกับกรมบัญชีกลาง และประกันสังคม เพื่อทำสิทธิประโยชน์ในมาตรฐานเดียวกันเป็นอย่างน้อย
เช่นเดียวกับ ธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวกับ The Active ว่า ถ้าทำระบบสุขภาพของไทยเป็นมาตรฐานเดียวจะควบคุมค่ารักษาพยาบาลได้ การซื้อยารวมของประเทศ ซื้อโดยกองทุนเดียว สามารถต่อราคาได้ติดเพดาน และลดความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจน แล้วเงินที่เหลือก็สามารถเอาไปส่งเสริมป้องกันสุขภาพ เพิ่มสิทธิใหม่ ๆ และเพิ่มบุคลากรที่ขาดในหน่วยบริการนั้น ๆ ได้