รพ.ราชบุรี เผย ทุกวันเจอเคสอุบัติเหตุ ส่งผล ‘สมอง’ บาดเจ็บหนัก เหตุไม่สวมหมวกกันน็อก

เสียงจาก หมอ-พยาบาล ย้ำ 80% ของผู้ป่วยอุบัติเหตุด้วยรถจักรยานยนต์ บาดเจ็บศีรษะอย่างรุนแรง รักษาครองเตียงนานเกิน 2 สัปดาห์ ยืนยัน หมวกกันน็อกช่วยชีวิตได้จริง ลดโอกาสพิการ ลดสูญเสียรายได้มหาศาล

นพ.กิตติภัต วัฒนพาหุ หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราชบุรี เปิดเผยกับ The Active ว่า ในแต่ละปีโรงพยาบาลต้องดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุรวมกว่า 50,000 คน โดยในจำนวนนี้กว่า 2,000 – 3,000 คน มาจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งส่วนใหญ่ คือ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ ไม่สวมหมวกกันน็อก

“ทุกเวรเราจะเจออุบัติเหตุ บางวันมากถึง 7-10 ราย ส่วนใหญ่ไม่ใส่หมวกกันน็อก หลายรายสมองบาดเจ็บสาหัส”

นพ.กิตติภัต วัฒนพาหุ

ข้อมูลจากระบบ PHER Plus ยืนยันสถานการณ์ที่น่าห่วง โดยพบว่า ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรช่วง พ.ย. 67 – พ.ค. 68 จำนวน 2,497 คน มีผู้ไม่สวมหมวกกันน็อกสูงถึง 2,059 คน  หรือกว่า 82.5% ของทั้งหมด ขณะที่ผู้สวมหมวกมีเพียง 65 คน เท่านั้น

วัยแรงงาน กลุ่มเสี่ยงที่เจ็บหนักสุด

สำหรับกลุ่มที่บาดเจ็บมากที่สุด คือ วัยแรงงาน ช่วงอายุ 15 – 59 ปี กว่า 1,800 คน ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ใช้รถจักรยานยนต์มากที่สุด และมักละเลยการป้องกันตัวเอง ขณะที่พาหนะที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ คือ รถจักรยานยนต์ ถึง 87.5% ของอุบัติเหตุทั้งหมด

การไม่สวมหมวกกันน็อกไม่ได้แค่เสี่ยงต่อชีวิต แต่ยังเป็นต้นเหตุของการพิการและภาระต่อครอบครัวและระบบสาธารณสุข ทั้งค่ารักษาสูงและการดูแลระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง

“บางคนแม้รอดชีวิต แต่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา กลายเป็นภาระทั้งคนดูแลและคนหาเงิน”

นพ.กิตติภัต วัฒนพาหุ

เสียงจากหอผู้ป่วย 80% ที่เข้ามารักษา ไม่ใส่หมวกกันน็อก!

พว.สกุลวรรณ อร่ามเมือง หัวหน้าหอผู้ป่วยศัลยกรรม รพ.ราชบุรี เปิดเผยว่า 80% ของผู้ป่วยอุบัติเหตุด้วยรถจักรยานยนต์ที่เข้ามารักษา ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก ทำให้บาดเจ็บศีรษะอย่างรุนแรง บางรายหมดสติ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และนอนรักษาเกิน 2 สัปดาห์

“บางคนไม่รู้สึกตัวตั้งแต่แรก ต้องใช้ท่อช่วยหายใจทันที หลายคนผ่าตัดสมองแล้วกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องดูแลทุกด้าน”

พว.สกุลวรรณ อร่ามเมือง

ภาพคนไข้ไม่รู้สึกตัว มีผ้ารัดแขนขาไม่ให้ดึงท่อช่วยหายใจ เป็นสิ่งที่ทีมพยาบาลศัลยกรรมเห็นจนชินตา และยังต้องเจอกับปัญหาค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลต้องแบกรับ โดยเฉพาะในผู้ป่วยต่างชาติที่ไม่มีสิทธิ์รักษาพยาบาล

“แค่ไปหน้าปากซอย ก็อย่าลืมใส่หมวก” คือสิ่งที่ หัวหน้าหอผู้ป่วยศัลยกรรม รพ.ราชบุรี ฝากย้ำเตือนประชาชนว่า อุบัติเหตุจำนวนมากเกิดจากการ “ขับใกล้ ๆ” ที่หลายคนมองว่าไม่เป็นไร แต่กลับมีคนเจ็บหนัก และเสียชีวิตจำนวนไม่น้อยจากความประมาทเพียงชั่วขณะ

เมื่อหมวกใบเดียว ลดความสูญเสียได้มหาศาล

คำถามที่หลายคนสงสัยว่า “หมวกกันน็อกช่วยชีวิตได้จริงหรือไม่ ?” แพทย์ และพยาบาลต่างตอบตรงกันว่า ช่วยได้จริง และเห็นผลชัดเจน ไม่เพียงลดโอกาสเสียชีวิต แต่ยังลดความรุนแรงของบาดแผล และโอกาสพิการ

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมี 2 ปัจจัยสำคัญ คือ

  1. สร้างความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชน

  2. บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

“เมื่อคนใส่หมวกกันน็อกมากขึ้น อัตราตายจะลดลง พิการจะลดลง และครอบครัวจะไม่ต้องเสียคนที่รักไปอย่างไม่จำเป็น”

นพ.กิตติภัต วัฒนพาหุ

ข้อมูลระดับประเทศที่มาจากหลายแหล่งทั้ง กรมควบคุมโรค, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สภาพัฒน์ฯ ยังสะท้อนชัดเจนว่า การไม่สวมหมวกกันน็อกก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ได้แก่

  • เสียชีวิตกว่า 17,000 ราย/ปี จากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดย 70% เป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์

  • ในจำนวนนี้ กว่า 80% ไม่สวมหมวกกันน็อก

  • ผู้บาดเจ็บที่ไม่สวมหมวกกันน็อกมีแนวโน้มพิการหรือบาดเจ็บศีรษะ สูงกว่า 2 เท่า

  • ค่ารักษาผู้บาดเจ็บศีรษะสูงถึง 2-3 แสนบาทต่อคน

  • ค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนน กว่า 5 แสนล้านบาท/ปี

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active