รัฐบาล-พรรคการเมือง เสนอทำขนส่งสาธารณะครอบคลุมทั่วประเทศ ปรับผังเมือง และรื้อระบบ-กฎหมาย เครือข่ายฯ เปิดข้อมูล ทุก 37 นาทีมีคนเสียชีวิต 1 คน เสนอให้ไทยต้องเร่งแก้ทั้งระบบ
คนไทยเสียชีวิต 1 คน ทุก ๆ 37 นาที ในรถจักรยานยนต์
คือการเปิดข้อมูลจาก มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ และโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์
ข้อมูลจากการศึกษาเรื่อง การมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและชุมชนกับการใช้รถจักรยานยนต์ ยังระบุด้วยว่า การสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บและความพิการจากอุบัติเหตุทางถนน นับเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญของประเทศไทย
ปี 2566 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึง 17,498 คน ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตจากจักรยานยนต์มากถึง 14,432 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 82.5 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน หรือกล่าวได้ว่า เสียชีวิต 1 คนทุก ๆ 37 นาที (ศิริวรรณ สันติเจียรกุล, 2567) และความสูญเสียนี้เกิดขึ้นมากในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ความสูญเสียจากอุบัติเหตุในประเทศไทยนับเป็นความสูญเสียที่สูงมาก
การตายจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยสูงเป็นลำดับที่ 9 ของโลก และมีอัตราตายต่อจำนวนจักรยานยนต์จดทะเบียนสูงที่สุดในโลก โดยอัตราการตายของผู้ใช้จักรยานยนต์ของไทยคิดเป็น 6.3 คน ต่อรถจักรยานยนต์ 10,000 คัน ในขณะที่ในยุโรป อัตราส่วนอยู่ที่ 1.4 คนต่อรถจักรยานยนต์ 10,000 คัน (ศิริวรรณ สันติเจียรกุล, 2566)

พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บภาวะพิการ WHO และด้านหัวหน้าโครงการ ขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ กล่าวว่า จุดอ่อนของไทยบางส่วนมาจากหลายปัจจัย เช่น รถจักรยานยนต์ มาตรฐานต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ดังนั้น รัฐควรขับเคลื่อนอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยยกระดับให้มีมาตรฐาน ไปพร้อมกับการแก้ปัญหา และย้ำเร่งแก้ปัญหาเด็กเยาวชนที่เป็นนักขับหน้าใหม่ ที่มีทิศทางเสียชีวิตสูงมากขึ้น ให้ลดการเสียชีวิตลง
เธอบอกว่า ถ้าเราอยากให้คนไทยปลอดภัย ความเร็วต้องลดลง ทุก ๆ 1% ของความเร็วที่ลดลง เช่น ถ้า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่เดิม แล้วลดไป 1% ก็จะลดการตายไปถึง 4% ขณะที่ยานพาหนะตัวสเปกรถทำให้ปลอดภัยได้ ปัญหาตอนนี้รถจักรยานยนต์บางรุ่นยังคงไม่ปลอดภัย ไฟ ล้อ ยาง ต่าง ๆ เบาะยาว เมื่อซ้อนกันหลายคนก็บังไฟสัญญาณต่าง ๆ
นอกจากนี้ ปัจจัยด้าน ถนน คน รถ ระบบ ยังต้องทำควบคู่ให้เกิดความปลอดภัย วันนี้ความเร็ว ในเขตเมืองวิ่งได้ ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังถือว่าเร็วและยอมรับไม่ได้ ตนอยากให้เหลือ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้คนไทยปลอดภัยขึ้น ขณะนี้ก็มีการผลักดันให้บริษัทรถจักรยานยนต์ แถมหมวกนิรภัย 2 ใบ หลังซื้อรถ ซึ่งก็มีบางแห่งเริ่มตอบรับ ส่วนระบบ ABS ก็พยายามขับเคลื่อนต่อไป
ลดอุบัติเหตุทางถนนลด งบประมาณได้จริง
การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์เพื่อหาความสูญเสียของผลิตภาพการผลิต (productivity loss) หรือรายได้อันเป็นผลจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลการเสียชีวิตและบาดเจ็บทั่วประเทศของศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน (Thai Road Safety Collaboration:Thai RSC) โดยวิธีการทุนมนุษย์ พบว่า ในปี 2560 การสูญเสียรายได้จากการตายและการบาดเจ็บรวมกันแล้วมีมูลค่าสูงกว่า 120,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นการสูญเสียจากการบาดเจ็บถึงประมาณ 70,000 ล้านบาท จากการเสียชีวิต 44,974 ล้านบาท และการสูญเสียจากความพิการ 7,012 ล้านบาท (เพิ่งอ้าง) การสูญเสียที่กล่าวมานี้ เป็นการประเมินขั้นต่ำและยังไม่นับมูลค่าความสูญเสียของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในอุบัติเหตุ แต่การบริหารจัดการการใช้รถใช้ถนนมีความท้าทายมากมายหลายประการ
ที่ผ่านมารัฐบาลทุกชุดพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในการบริโภค แต่ก็พบว่าการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุยังสูง วิธีการที่จะทำให้จีดีพีสูงขึ้นเร็วที่สุด ธนาคารโลกประเมินว่า ไทยอาจมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นได้อีกร้อยละ 22 หากลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนนได้
พรรคการเมืองคิดอย่างไร และมีข้อเสนอแก้ปัญหาอย่างไร
นอกจากนี้ มีข้อเสนอหลายพรรคการเมือง มองว่าต้องปลดล็อกปัญหาจราจร-อุบัติเหตุ ดันเป็นนโยบายหลัก ลดการใช้รถส่วนตัว รถจักรยานยนต์ เพราะรากเหง้าปัญหา คือ ขาดระบบขนส่งสาธารณะ

ศุข ศักดิ์ณรงค์เดช ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย อยากทำนโยบายลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บลง 50% ภายในระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่ดี สร้างมาตรฐานการออกใบขับขี่ที่มีมาตรฐานและเข้มข้นมากขึ้น และอยากให้ประชาชนใช้จักรยานยนต์ที่ปลอดภัยมีประสิทธิภาพที่ดี มาตรฐานตัวรถที่ดี และมีอุปกรณ์ทุกอย่าง ต้องมีความปลอดภัยสูง อีกประเด็นมาตรฐานของยานยนต์ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ควรสร้างมาตรฐานที่ดี เพราะเรื่องแบตเตอรี่รถไฟฟ้าต้องลดความเสี่ยงการระเบิด ขณะที่สิ่งสำคัญคือการให้องค์ความรู้ประชาชนต่อเนื่อง ภาครัฐเอกชน หรือแม้แต่ในมหาวิทยาลัย

สกล สุนทรวาณิชย์กิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีปัญหาประชากรลดลง เด็กเกิดน้อย รวมถึงเป็นสังคมสูงอายุมากขึ้น อุบัติเหตุก็เริ่มมีผลกระทบเพราะจากสถิติ 15- 29 ปี นักขับขี่หน้าใหม่เริ่มเสียชีวิตสูงและการเกิดน้อยยิ่งทำให้ไทยขาดกำลังของชาติในการมาพัฒนาประเทศต่อ ไทยต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกันในการลดอุบัติเหตุ ลดภาระสาธารณสุขไปด้วย
สำหรับประเด็นงบประมาณเป็นเรื่องหนึ่งที่เห็นว่ามีงบประมาณสร้างถนนจำนวนมาก และมองอีกว่าถนนยิ่งสร้างเยอะก็ยิ่งเดินทาง ถ้าไม่มีขนส่งสาธารณะที่ดีจะทำให้เรายังแก้ปัญหาได้ไม่หมด ควรนำงบประมาณบางส่วนมาปรับปรุงโครงสร้างจราจร การปรับปรุงขนส่งสาธารณะให้ดีด้วย เพราะทุกวันนี้ยังมีเด็กเยาวชนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียน ซึ่งเสี่ยงและอันตราย
จึงมีข้อเสนอ จัดสวัสดิการรถรับส่งนักเรียนเพื่อให้เด็ก ๆ ไปโรงเรียน งบฯ อุดหนุนกระจายได้ หรือกระจายให้ท้องถิ่นดูแล นโยบายอีกด้านคือการผลักดันลำดับศักดิ์ถนนเพื่อให้ถนนวิ่งความเร็วต่ำหรือสูงที่ต้องปรับ ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงอันตราย และมีการผลักดันนโยบายกระจายอำนาจขนส่งมวลชน เพื่อคนมีทางเลือกขนส่งสาธารณะมากขึ้น ทำทางเท้าที่เดินได้ ปัจจัยสำคัญให้เป็นเมืองเดินได้

กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อแก้ปัญหา ต้อง ปฏิรูประบบขนส่งสาธารณะ เพิ่มมาตรการความปลอดภัย และบูรณาการความร่วมมือ
โดยด้านการ ปฏิรูประบบขนส่งสาธารณะ มาจากเชื่อว่าต้นตอของปัญหาคือการขาดแคลนระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนต้องพึ่งพารถส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ จึงเสนอให้ลดการใช้รถส่วนบุคคลลง โดยเริ่มต้นจากโครงการ “20 บาทตลอดสาย” ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และคาดการณ์ว่าจะสามารถลดจำนวนผู้ใช้รถยนต์ในกรุงเทพฯ ลงได้ถึง 20%
ขณะเดียวกันต้องมี การเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ควบคู่ไปด้วย คือ สนับสนุนบังคับแถมหมวกกันน็อก และเพื่อเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ต้องแถมหมวกกันน็อกให้ลูกค้า 2 ใบต่อรถ 1 คัน โดยมีมาตรการบังคับอย่างจริงจัง คือ 1. ลงโทษผู้ฝ่าฝืนด้วยการอบรม กล่าวคือ ผู้ที่กระทำความผิดซ้ำซาก เช่น ไม่สวมหมวกกันน็อก จะต้องเข้าอบรมที่สถานีตำรวจเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ 2. การลดหย่อนภาษี ประกัน สำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติการกระทำความผิดจะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น การลดหย่อนภาษีรถยนต์หรือเบี้ยประกัน
และส่วนสุดท้าย คือ บูรณาการความร่วมมือ โดยเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่น ทั้งในด้านกฎหมาย งบประมาณ และกำลังพล เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างทั่วถึง
พร้อมย้ำว่า นโยบายเหล่านี้เป็นก้าวแรกที่จะช่วยลดการใช้รถส่วนตัว ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน โดยในอนาคตมีแผนที่จะขยายโครงการดังกล่าวไปยังจังหวัดใหญ่อื่น ๆ ทั่วประเทศด้วย

อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพลิกวิกฤตความปลอดภัยบนท้องถนนจำเป็นต้องอาศัยการทำงานอย่างมีระบบ คน รถ ถนน โดยเฉพาะจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในประเทศไทย จึงได้นำเสนอแนวทางเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นหลัก
1. การยกระดับมาตรฐานรถจักรยานยนต์
ควบคุมความเร็วและสเปก: ผู้ผลิตควรจำกัดความเร็วสูงสุดของรถจักรยานยนต์ที่ขายในประเทศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (ไม่เกิน 120 กม./ชม.) จากเดิมที่ผลิตได้ถึง 140-160 กม./ชม. รวมถึงการกำหนดมาตรฐานหน้ายางให้กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน
บังคับใช้ระบบเบรก ABS: รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (ไม่เกิน 110-140 ซีซี) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ควรถูกบังคับให้ติดตั้งระบบเบรก ABS ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่สำคัญ
ใช้เทคโนโลยีช่วย: ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี AI และเซ็นเซอร์ในการตรวจจับความพร้อมของผู้ขับขี่ เช่น การจับใบหน้าเพื่อตรวจอาการง่วงนอน รวมถึงระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ เช่น การเบรกอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
2. การปฏิรูปกฎหมายและใบขับขี่
ปฏิรูประบบใบขับขี่: เสนอให้ใช้ระบบใบขับขี่แบบ Graduated Driver Licensing (GDL) ซึ่งจะออกใบอนุญาตเป็นขั้นบันไดตามอายุและประสบการณ์ของผู้ขับขี่ โดยกำหนดเงื่อนไขการขับขี่ที่เข้มงวดในช่วงแรก เช่น ห้ามขับขี่ในเวลากลางคืน ห้ามบรรทุกผู้โดยสาร
บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง: เพิ่มการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่อ่อนแอในปัจจุบัน เช่น การไม่สวมหมวกกันน็อก รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษและปรับปรุงระบบการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ที่ขาดการบำรุงรักษา
ปรับมาตรฐานแอลกอฮอล์ในเลือด: ลดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่กฎหมายอนุญาตให้ต่ำลง เพื่อลดปัญหาเมาแล้วขับ
3. การปรับปรุงผังเมืองและการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน
จัดทำเลนเฉพาะรถจักรยานยนต์: รัฐบาลควรเร่งจัดทำเลนเฉพาะสำหรับรถจักรยานยนต์ในถนนสายหลักและถนนที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้เลนร่วมกับรถยนต์
ปรับปรุงจุดเสี่ยง: ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น หน้าโรงเรียน, โรงพยาบาล, ชุมชน หรือทางแยก โดยติดตั้งสัญญาณไฟ ป้าย และอุปกรณ์สะท้อนแสงที่ได้มาตรฐาน
ใช้เทคโนโลยีช่วย: นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น กล้อง AI มาใช้ในการบริหารจัดการจราจรและตรวจจับผู้กระทำความผิดในจุดเสี่ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย
4. การบูรณาการและสร้างจิตสำนึก
จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ: เสนอให้จัดตั้ง “คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน” ที่มีอำนาจพิเศษและสามารถสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ เพื่อแก้ปัญหาการทำงานแบบต่างคนต่างทำ
ส่งเสริมอุตสาหกรรม: ให้แรงจูงใจทางภาษีแก่ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตยกระดับมาตรฐานการผลิต
สร้างจิตสำนึก: รณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากจิตสำนึกเป็นสิ่งที่สำคัญและอยู่เหนือกฎหมาย
สำหรับการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนจากรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย จำเป็นต้องดำเนินการอย่างครบวงจรและจริงจัง ตั้งแต่การยกระดับมาตรฐานรถและการบังคับใช้กฎหมาย ไปจนถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างจิตสำนึกของคนในสังคม โดยการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษที่มีอำนาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ให้ประสบความสำเร็จ