จี้ สนง.EEC – ผู้ว่าฯ – มธ. รับผิดชอบ เหตุคุกคาม ‘เครือข่ายปราจีนฯ’ เวทีรับฟังฯ ขยายพื้นที่ EEC

กป.อพช. – ใต้ – ตะวันออก แถลงประณาม ย้ำ เวทีรับฟังเสมือน ‘พิธีกรรม’ เปิดรับแต่ฝ่ายหนุน ปิดกั้นคนเห็นต่าง ชี้ ควรเป็นพื้นที่เสรีทางวิชาการ ไม่ใช่เวทีข่มขู่ บิดเบือนข้อมูล ถามหาความรับผิดชอบจากผู้จัดงาน พร้อมรับประกัน ปรับปรุงกระบวนการ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

จากกรณีการคุกคามตัวแทน เครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ที่เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นร่างรายงานการศึกษาโครงการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดปราจีนบุรี และสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยพบว่าระหว่างที่ผู้แทนหน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษากำลังดำเนินการประชุม ได้มีเจ้าหน้าที่ อส. เข้าตรวจค้นกระเป๋าของตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็งโดยเฉพาะสตรี ซึ่งได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น และไม่มีพฤติการณ์น่าสงสัยอันใด อ้างว่าต้องการค้นหาอาวุธ เป็นการแสดงออกถึงการคุกคาม ทำให้เกิดความอับอาย ลดทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมเกิดความหวาดกลัวนั้น

หวั่นเวทีรับฟังแค่ ‘พิธีกรรม’ ปิดโอกาสกลุ่มเห็นต่าง

ล่าสุด วันนี้ (23 ก.ย. 68) คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ออกแถลงการณ์ อ้างว่า เวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวเป็นเสมือน “พิธีกรรม” ในการผลักดันโครงการฯ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญและหลักการสากล เมื่อผู้เห็นต่างแสดงความคิดเห็นจะพยายามรวบรัด จำกัดเวลา และโต้แย้ง แต่เปิดโอกาสให้ผู้สนับสนุนโครงการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่

ตลอดจนบรรยากาศในห้องประชุมมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ไว้ทั่วห้อง ทำให้ผู้เห็นต่างรู้สึกไม่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น และไม่ได้จัดประชุมในสถานที่ราชการซึ่งประชาชนรู้จักและเดินทางเข้าถึงง่าย

กป.อพช.ใต้ ซึ่งได้ติดตามกรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นต้นแบบของ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ มาอย่างต่อเนื่อง ได้รับรู้ว่าประชาชนชาวปราจีนบุรี จำนวนไม่น้อยมีความห่วงกังวลต่อกรณีการผนวกจังหวัดปราจีนบุรีเข้าไปอยู่ใน EEC ในขณะที่ EEC ไม่มีมาตรการตรวจสอบและควบคุมกลุ่มทุน ล้มเหลวในการจัดการปัญหามลพิษ รวมถึงเป็นระบบเศรษฐกิจที่ทำลายเศรษฐกิจฐานราก และไม่ได้กระจายรายได้ให้คนท้องถิ่น แต่ภาครัฐและคณะวิชาการที่รับจ้างทำการศึกษาไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดการพัฒนาพื้นที่ มีท่าทีในการปิดปาก และบีบบังคับให้ประชาชนยอมรับ

แถลงการณ์ ยังได้ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้ สำนักงาน EEC, ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับประกันว่า จะปรับปรุงกระบวนการศึกษาให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

ชี้ปกปิดข้อมูล ชีวิตประชาชนไร้ค่า

สอดคล้องกับ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคตะวันออก (กป.อพช.ตอ.) เห็นว่า สำนักงาน EEC มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ว่าฯ จังหวัดปราจีนบุรีเอง ทราบดีมาตลอดว่าคนในจังหวัดปราจีนบุรี ไม่เห็นด้วยกับการเป็นจังหวัดที่ 4 ของ EEC เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานรีไซเคิลขยะที่ส่งมลพิษชุมชนและสิ่งแวดล้อม แต่เวทีฯ กลับเลือกที่จะนำเสนอรายงานที่แสดงให้เห็นแต่ด้านดี และปกปิดด้านที่ไม่อยากให้ประชาชนรับรู้เอาไว้ เหมือนชีวิตประชาชนไม่มีค่า

“ในฐานะคนภาคตะวันออกที่อยู่กับ EEC มาหลายปี รู้ซึ้งดีว่าการพัฒนาที่ถูกพูดถึง ไม่ได้สวยหรูอย่างที่นำเสนอ เศรษฐกิจที่สัญญาว่าจะยกระดับชีวิตเรา กลับทำให้ชีวิตเราเปราะบางยิ่งกว่าเดิม นี่ไม่ใช่ทฤษฎีในห้องประชุม ผลกระทบที่ได้รับจากปัญหาที่เกิดขึ้นจริงต่อประชาชนในจังหวัดปราจีนบุรี คือสิ่งที่พวกเขาสูดเข้าลมหายใจในทุก ๆ วัน”

จึงขอตั้งคำถามไปยังสำนักงาน EEC ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดปราจีนบุรี และสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้มีการแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่ยินยอมให้เกิดการคุกคามประชาชน ในเวทีที่ควรมีเสรีภาพทางวิชาการ รวมถึงไม่นำผลสรุปจากเวทีนี้ ไปใช้อ้างอิงเป็นรายงานของเวทีรับฟังความคิดเห็น อย่างเด็ดขาด

ย้ำการมีส่วนร่วม ต้องไม่ใช่ปิดกั้น ข่มขู่ ถูกแทรกแซง

เช่นกันกับ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์ ย้ำเช่นกันว่า การกระทำดังกล่าวเป็น การลุแก่อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้อำนาจในการคุกคามผู้เห็นต่าง และเป็นการเพิกเฉยอย่างน่าละอาย ของหน่วยงานผู้จัดกระบวนการ ซึ่งไม่เพียงแต่ละเลยหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิประชาชน แต่ยังร่วมทำให้เวทีที่ควรเป็นพื้นที่เสรีทางวิชาการ กลายเป็นเวทีแห่งการข่มขู่และบิดเบือนข้อมูล

กป.อพช. จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้

  1. ผู้จัดการเวทีต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรมต่อการปล่อยปละละเลยให้เกิดการคุกคามประชาชน ด้วยการไม่ใช้เวทีดังกล่าวในรายงานการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ปรากฏสถานการณ์การละเมิดสิทธิอย่างชัดเจน

  2. ต้องรับประกันว่ากระบวนการมีส่วนร่วมในอนาคตต้องเกิดขึ้นอย่างเสรี ปราศจากการปิดกั้น ข่มขู่ หรือแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่รัฐ สถานที่จัดต้องเป็นพื้นที่สาธารณะที่เอื้อให้เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย ไม่ใช่เพียงพิธีกรรม

  3. เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ครบถ้วน และให้เกียรติต่อสิทธิของประชาชนอย่างแท้จริง

พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หยุดทำลายเกียรติภูมิ และละเมิดพันธกิจของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิที่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเดินหน้าจัดเวทีเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อรัฐและทุน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active