ชี้ 44 ปี ชาวบ้านต้องจมกับผลกระทบ และความทุกข์ ตกเป็นจำเลยสังคม โดนคดี ผลจากการกำหนดแนวเขต การดำเนินนโยบายรัฐที่ผิดพลาด ขณะที่ กมธ.ที่ดินฯ เตรียมเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูล ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา เดินหน้ากันแนวเขตอุทยานฯ ทับลาน 8 ตุลาคมนี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ กลุ่มทับลาน 43 ซึ่งเป็นการรวมตัวของประชาชน ผู้นําท้องถิ่น ในเขต อ.ปักธงชัย, ครบุรี, เสิงสาง, วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และ จ.สระแก้ว ยื่นหนังสือถึง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ, สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยขอให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากอุทยานแห่งชาติทับลาน ประกาศแนวเขต ทับซ้อนเอกสารสิทธิ์ ชุมชน และที่ทํากินของประชาชนผ่าน สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ในฐานะตัวแทนและพรรคร่วมรัฐบาล
สีโห อุทกโยทะ ประธานกลุ่มทับลาน 43 ระบุว่า ประชาชนผู้รับผลกระทบต่อการดํารงชีวิต และการประกอบสัมมาอาชีพในเรื่องที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ ในการทําการเกษตรกรรม โดยมีหลักฐานประกอบด้วยโฉนดที่ดิน นส.3 สค.1 พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ ส.ป.ก. การขอใช้พื้นที่ด้านความมั่นคง พื้นที่ พมพ. พื้นที่ คจก. พื้นที่เสียภาษีพัสดุ และพื้นที่ร่องรอยการทําประโยชน์ พื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานเอกสารทางราชการมาก่อนมีการประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ประกาศพระราชกฤษฎีกา พ.ศ. 2524 การประกาศเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เมื่อปี 2524 ไม่ได้ทําตามข้อ กฎหมายกรมอุทยานฯ มาตรา 6 พ.ศ. 2504 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาราษฎรผู้ได้รับผลกระทบได้ยื่นหนังสือ ร้องเรียนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

โดยเนื้อหาสรุป ให้มีการปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นเส้นแนวเขตปี 2543 ที่เกิดจาก ครม. เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 สั่งการให้กรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ สํานักงานปฏิรูปที่ดินฯ ผู้นําท้องถิ่นผู้นําท้องที่ เจ้าหน้าที่ กรมแผนที่ทหาร ส่วนราชการในพื้นที่ ทําการสํารวจแนวเส้นเขตอุทยานฯ ขึ้นใหม่จึงมีชื่อขึ้นเรียกว่าแนวเขตปี 2543
นอกจากนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ก็ได้มีมติให้มีการปรับปรุงตามคําร้อง ของราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยมีสํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเป็นหน่วยงานแก้ไขปัญหากรณี ที่ดินทับซ้อนเรียกว่าคณะกรรมการ One Map ได้ทําข้อสรุปตรงกับหน่วยงานทุกหน่วยงานที่ให้การเห็นชอบ ปรับปรุงเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานขึ้นใหม่เพราะต้องการกันพื้นที่เอกสารสิทธิ์ของราษฎรออกจาก แนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน รวมทั้งได้เป็นการดูแลพื้นที่ตามข้อตกลงของคณะกรรมการมรดกโลกเพราะ ต้องการกันชุมชนและป่าเสื่อมโทรมออก
“ตอนนี้สังคม มีมุมมองต่อพวกเราว่ารุกป่า ทั้งที่เราอยู่ก่อนประกาศอุทยานฯ และป่ามารุกคน 44 ปี แล้วพวกเราต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม และจำเลยทางอาญาไปด้วย ในการถูกจำกุมจับกุมดำเนินคดี หาว่าเราเป็นนายทุน ทั้ง ๆ ที่เราเป็นเกษตรกรอยู่ภายใต้กฎหมาย ส.ป.ก.ตรงนี้ อยากให้เร่งกันแนวเขตยึดแนวสำรวจร่วมกันในปี 2543 เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนด้วย หวังให้จบในรัฐบาลนี้”
สีโห อุทกโยทะ
กลุ่มทับลาน 43 ยังระบุถึงกรณีที่ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยื่นหนังสือเปิดผนึกการปรับปรุงเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานตามมติคณะรัฐมนตรี 14 มีนาคม 2566 นั้น ประธานกรรมาธิการที่ดินณ ได้ชี้แจงว่า เห็นชอบให้มีการปรับปรุงเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ไม่ขัดต่อระเบียบใด ๆ และไม่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะธรรมชาติ
“ขอความเมตตา ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้โปรดสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดําเนินการให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ซึ่งเห็นชอบให้ ทาง สคทช. ใช้เส้นปรับปรุงตามการสํารวแนวเขตปี 2543 หรือ One Map เพื่อใช้ในการจัดการพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน และเป็นข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้ One Map ในการแก้ไขปัญหาตรงนี้”
สีโห อุทกโยทะ
เสนอแก้ไขปัญหา 3 เรื่องเร่งด่วน
กันแนวเขต ถอนคดี เยียวยาผลกระทบ
ขณะที่ สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ในฐานะตัวแทนรัฐบาลที่มารับหนังสือ รับปากจะนำหนังสือและข้อมูลที่กลุ่มทับลาน 43 ได้หารือ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเห็นว่า ปัญหาข้อพิพาทในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ที่จะต้องนำเสนอ มี 3 ประเด็นหลัก
1. จะต้องมีการเดินหน้าในการถอนคดีความให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 352 คดี เพราะตามข้อเท็จจริงพี่น้องประชาชนไม่มีความผิด เพราะรัฐไปขีดเส้นเขตแดนของป่าอุทยานโดยไม่ได้มีการถามประชาชน ซึ่งประชาชนก็อยู่ในเขตแดนนั้นมาแต่เดิม แต่สุดท้ายกลายเป็นผู้บุกรุก
“เพิ่งได้นับข้อมูลว่า ปัญหานี้ส่งผลความเครียดประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากปัญหานี้ ที่ตรอมใจตาย ผูกคอตาย 2-3 คน จากการถูกดำเนินคดีโดยเฉพาะพื้นที่วังน้ำเขียว รายล่าสุดก็คือเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เพราะว่ากลัวว่าจะได้ไปขึ้นศาล ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลยืนยันจากลูกว่าผู้ตายเครียด กังวลเงินประกัน คดีความ ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าในการถอนคดีให้ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม”
สุรทิน พิจารณ์
2. ต้องกันแนวเขตตามมติ ครม. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 คือกันแนงที่ดินเดิมชาวบ้าน ออกมาจากแนวเขตอุทยานที่มาทับชุมชน คือกันคนและอุทยานให้ชัดเจน
3. ต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนขั้นสูงสุด ซึ่งสูงสุดอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน ที่สูญเสียประโยชน์มากี่ปีแล้ว
“ส่วนตัวผม 100% เอาใจช่วยพี่น้องอยู่แล้ว เพราะเป็นที่ชัดเจน ว่าตามข้อเท็จจริงพี่น้องไม่ได้เพิ่งมาอยู่อาศัยแต่มาอยู่ตายหลายชั่วโคตรแล้ว อุทยานพึ่งมาขีดเส้นปี 2524 เขาอยู่ตรงนี้มานานแต่อยู่เฉย ๆ ก็ได้มาอยู่ในพื้นที่อุทยานเพิ่งมารู้ตอนที่จะมีการแบ่งที่ดินให้กับลูกหลาน ถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในที่ของอุทยาน แล้วก็กลายเป็นผู้ต้องหาไป ก็เลยมีคนที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนในคดีความต่าง ๆ แล้วเสียชีวิตไป ชัดเจนว่า ปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบต่อความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนจึงเสนอ 3 ประเด็นนี้”
สุรทิน พิจารณ์
ในส่วนของงบประมาณเยียวยา มีงบฯ ของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรือ ผรท. ที่ตนได้เคยแปรญัตติ ปี 2567 ในรัฐบาลเศรษฐา ซึ่งมีการอนุมัติเงินมา 6,000 ล้านบาท ก็ได้คนละ 225,000 บาท ตรงนี้ก็เช่นเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่ทับลานกลุ่มหนึ่งก็เป็นพี่น้อง ผรท. ที่ถูกโยกย้ายในเรื่องความมั่นคง ดังนั้นชัดเจนว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐก็ต้องเยียวยาพวกเขา ซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎร โดยคำสั่งจากประธานรัฐสภา ให้ตั้งอนุกรรมการผู้ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามของรัฐขึ้น เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ภายใต้กรรมาธิการกฎหมายฯ อนุกรรมการชุดนี้ว่งตนไว้เป็นประธาน มีการวางเป้าหมายของการลงพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานเพื่อที่จะนำเงินงบประมาณที่ได้มีการอนุมัติ 6,000 ล้านบาท ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เป็นการเยียวยาประชาชนที่อยู่ในพื้นที่นั้น ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลสามารถที่จะเอาเงินส่วนเนี่ยไปใช้ในการ แก้ปัญหาได้
กมธ.ที่ดินฯ เตรียมเชิญทุกฝ่ายให้ข้อมูล ติดตามความคืบหน้าแก้ไขปัญหา 8 ต.ค.นี้
กลุ่มทับลาน 43 ยังได้ยื่นหนังสือถึง กรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ผ่าน เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เร่งรัดติดตามความคืบหน้าการกันแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานออกจากชุมชนดั้งเดิม

วีระ รัตนะอักษรกุล เลขากลุ่มทับลาน 43 บอกว่า การมายื่นหนังสือให้กรรมาธิการที่ดินฯ เพื่อให้ติดตามความคืบหน้าการกันแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน และให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติม ไปดูข้อเท็จจริงบริบทศักยภาพของประชาชน ซึ่งชาวบ้านทุกคนยืนยันว่าต้องการให้มีการปรับแนวเขตพื้นที่ตามมติ ครม. 14 มีนาคม 2566 และที่สำคัญเพื่อที่แก้ไขปัญหาโดยใช้แผนที่เดียวกัน คือ one Map ทั่วประเทศ เชื่อมั่นและหวังว่าการแก้ไขดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ในรัฐบาลนี้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับพี่น้องประชาชน ตัวแทนทับลาน 43 ยังแสดงความเห็น ข้อกังวลที่มองว่าอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา
“เป็นข้อกังวลอย่างมาก ที่ทราบข่าวว่าจะมีการตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคนที่มีปมขัดแย้งกับราษฎรในพื้นที่ เพราะผู้ที่จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษานั้นเป็นผู้ที่จับกุมราษฎร ผู้ที่ไม่ได้กระทำผิด ข้อกังวลจึงเกิดขึ้นแน่ๆ อยากให้ยอมรับข้อเท็จจริง ว่าป่ามาบุกรุกพื้นที่เอกสารสิทธิของราษฎรต้องแก้ไข”
วีระ รัตนะอักษรกุล
ขณะที่ เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ย้ำว่า ก่อนหน้านี้ทางกรรมาธิการที่ดินฯ ได้มีการรับเรื่องร้องเรียน และนำเข้าสู่การพิจารณาไปแล้วตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งตอนนั้นทางกรรมาธิการที่ดินฯ ได้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงมาทั้งหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่พบ คือ ชาวบ้านอยู่มาก่อนการประกาศเขตป่าสงวน และต่อมาประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน หรือ ส.ป.ก. และประกาศเป็นเขตอุทยานทับลงไป

สิ่งที่กรรมาธิการพบแล้วก็เห็นว่ามีปัญหา ซึ่งได้ทำข้อเสนอไปแล้วก็คือว่า ในส่วนของผู้ที่ออกมาคัดค้าน ซึ่งก็คือคนในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พยายามที่จะบอกว่า พื้นที่ที่จะเพิกถอนตรงนี้เป็นพื้นที่ไข่แดง ของผืนป่าเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นทางผ่านของสัตว์เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ และเอารูปสัตว์ป่ามาลงประกอบ การสื่อสารแบบนี้ทำให้คนในสังคม เข้าใจว่าพื้นที่ 260,000 ไร่ เป็นพื้นที่ ที่จะมีการเพิกถอนอยู่ใจกลางป่า อยู่กลางป่า การเพิกถอนตรงนี้จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ 260,000 ไร่ คนจึงเข้าใจผิดแบบนี้ จึงออกมาร่วมคัดค้าน
“ในส่วนของข้อเท็จจริงที่เราพบ ก็คือว่า 260,000 ไร่ที่จะมีการเพิกถอนตรงนี้ ไม่ใช่พื้นที่ป่าใจกลาง ไม่ใช่ไข่แดง ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของสัตว์ ไม่ได้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ด้วย แต่เป็นชุมชน เป็นทุ่งนา เป็นไร่เป็นสวนเป็นบ้าน ที่อยู่อาศัย เป็นส่วนราชการ เป็นชุมชน แล้วเป็นแบบนี้มานาน ก่อนที่จะประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งข้อเท็จจริงแบบนี้ไม่ได้ถูกนำเสนอในสังคมก็เลยเข้าใจผิด ทางกรรมาธิการเราได้ทำข้อเสนอแนะไปยังคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติแล้ว ให้ทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ เร่งดำเนินการเพิกถอน เพื่อที่จะส่งมอบ สปก.ไปดำเนินการจัดให้กับประชาชนตามกฏหมาย ส.ป.ก. นี่เป็นสิ่งที่ทางกรรมาธิการเราได้ดำเนินการไป แล้วก็เป็นสิ่งที่เราได้พบเป็นข้อเท็จจริง”
เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล
ทั้งนี้ กรรมาธิการที่ดินฯ มีกำหนดจัดประชุมติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าว ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ โดยจะเชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง มาติดตามผลดำเนินการ เรื่องการเพิกถอนแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งหน่วยงานหลักที่จะเชิญมา คือสคทช., กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และมี รศ.ธนพร ศรียากูล ในฐานะคณะอนุกรรมการคณะทำงานที่รับฟังความคิดเห็นในการกันแนวเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นอีกคนที่มีบทบาทสำคัญในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหลายหลายฝ่าย รวมทั้งการสื่อสารต่อสาธารณะ