‘โสภณ’ ย้ำ โฉนดชุมชน-ธนาคารที่ดิน-แก้ กม.อุทยานฯ เห็นความชัดเจนสัปดาห์นี้

คณะกรรมการแก้ปัญหาพีมูฟ เคาะตั้งอนุฯ 11 คณะ เดินหน้าแก้ความเดือดร้อนให้ประชาชน ชง ครม. รับทราบพรุ่งนี้ ขณะที่ ‘ธรรมนัส’ ยัน ประเด็นที่เกี่ยวข้องในความรับผิดชอบ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ทันที

วันนี้ (3 พ.ย. 68) ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และเครือข่ายสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) ยื่นรายชื่อประชาชน 10,000 รายชื่อ ใช้สิทธิตามมาตรา 43(3) ในการเข้าชื่อเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่าน โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการฯ

โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี รับหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน

โดย รองนายกฯ ทั้ง 2 คน ได้เข้ามาพบกับผู้ชุมนุม ที่ปักหลักอยู่บริเวณสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (2 พ.ย. 68) สำหรับประเด็นเร่งด่วนที่ภาคประชาชน หวังเห็นความชัดเจนและความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา มี 3 เรื่องหลัก

  1. เดินหน้าการจัดตั้ง โฉนดชุมชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2553 ให้เป็นรูปแบบหนึ่งของการกระจายการถือครองที่ดิน ตามมาตรา 10 (4) แห่ง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562

  2. เร่งศึกษาและแก้ไขกฎหมายอุทยานฯ และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่มีข้อตกลงร่วมกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เพื่อคุ้มครองสิทธิของชุมชนท้องถิ่นและผู้คนที่อาศัยอยู่กับป่า

  3. ยุติแนวคิดยุบสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ.โดยขอให้สถาบันดำเนินงานต่อไปจนสิ้นสุดระยะเวลาตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งฯ ในเดือนกันยายน

รองนายกฯ โสภณ ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ และได้เดินหน้าในการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาตามที่ประชาชนเสนอมาแล้วตั้งแต่วันที่อยู่อาศัยโลก ส่วนข้อสรุปในวันนี้ จะเป็นไปตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการหารือของหลายภาคส่วนที่ประชุมคณะใหญ่

สำหรับการประชุมในวันนี้นอกจากการพิจารณาตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ก็จะเดินหน้าในการตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม 11 คณะ ประกอบด้วย

  • คณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนนโยบายของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
  • คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ
  • คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายคดีความและกระบวนการยุติธรรม
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินแบบแปลงรวมและปัญหาที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างและปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐและปัญหาที่ดินที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาสิทธิและสถานะบุคคล
  • คณะอนุกรรมการพัฒนาการเข้าถึงสวัสดิการสังคมและคุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มผู้มีปัญหาสิทธิและสถานะบุคคล  
  • คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่เกี่ยวข้องกับสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินองค์การมหาชน

ทั้งนี้ได้เตรียมเสนอ ครม.รับทราบ ในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย. 68) ส่วนเรื่องด่วนใน 3 ประเด็นดังกล่าวนั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

ร.อ. ธรรมนัส ยืนยันว่า ภายหลังการตั้งคณะอนุกรรมการทั้ง 11 คณะ ซึ่งในส่วนที่ตนกำกับดูแลรับผิดชอบ 4 คณะ คือประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และรวมถึงคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านบางกลอยก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาในทันที

อย่างเรื่องการแก้ปัญหาป่าไม้ที่ดิน หรือแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอุทยานฯ และ ป่าสงวนฯ ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะได้มีการพูดคุยกับ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งคุยกันตลอด

ด้าน ประยงค์ ดอกลำใย ที่ปรึกษาพีมูฟ เปิดเผยกับ The Active โดยมองว่า แม้เป็นท่าทีที่ดีที่มีฝ่ายนโยบาย คือรองนายกรัฐมนตรี ถึง 2 คน มานั่งเป็นประธาน และรองประธาน คณะกรรมการแก้ปัญหาชุดใหญ่ ซึ่งได้นำประชุมในวันนี้ รวมถึงเดินหน้าทันทีในการตั้งอนุกรรมการแก้ไขปัญหาทั้ง 11 คณะ คือ เป็นการเดินหน้าตามกลไกการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมรับปากจะนำมติเสนอต่อ ครม.ในวันพรุ่งนี้ แต่สิ่งสำคัญที่จะเป็นคำตอบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาประชาชนอย่างแท้จริง คือ การเร่งรัดการแก้ไขปัญหาประเด็นเร่งด่วน 3 เรื่อง โดยเฉพาะ การยุติยุบ ธนาคารที่ดิน และเดินหน้าโฉนดชุมชน ทั้งนี้ยอมรับว่า สิ่งที่จะทำให้เกิดความคืบหน้าในด้านนโยบายรัฐ ยังต้องอาศัยเสียงของประชาชนในการกระตุ้นการทำงานของรัฐบาล

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active