แรงงานเก็บเบอร์รี่ป่า สวีเดน – ฟินแลนด์ ร้องค่าชดเชยไม่เป็นธรรม

ตัวแทนแรงงาน สะท้อน ถูกหลอกกู้เงินไปทำงาน หวังได้เงินแสน แต่กลับมาเป็นหนี้ คุณภาพชีวิตย่ำแย่ ไร้สวัสดิการ วอนหยุดขบวนการค้ามนุษย์ คืนความยุติธรรม ค่าชดเชย ให้แรงงานไทยหลายชีวิต

วันนี้ (7 ก.พ. 67) เครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าสวีเดนและฟินแลนด์ รวมตัวหน้าสถานทูตสวีเดน เรียกร้องค่าชดเชยให้กับผู้เสียหายหลายหมื่นราย ซึ่งระบุว่าถูกหลอกลวงให้ต้องกู้หนี้ยืมสินจากประเทศไทย เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครงาน ค่าตั๋วเครื่องบิน รวมถึงค่าดำรงชีวิตในต่างประเทศ ซึ่งในความเป็นจริงพบว่าคุณภาพในการดำรงชีวิตมีมาตรฐานที่ย่ำแย่ที่คิด

เมื่อขบวนเดินมาถึงสถานทูตฟินแลนด์ ตัวแทนแรงงาน ได้ยื่นจดหมายข้อเรียกร้องต่อตัวแทนจากสำนักงานคณะตัวแทนสหภาพยุโรป หลังจากนั้น เดินทางต่อไปยังองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก และ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือ และเจรจาหาทางเยียวยาผู้เสียหาย และหยุดปัญหาการค้ามนุษย์แรงงานเก็บเบอร์รี่ กับ รมว.กระทรวงยุติธรรม, รมว.กระทรวงแรงงาน และ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พร้อมทั้งปักหลักค้างคืนบริเวณทำเนียบฯ โดยได้ปราศรัยเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์แรงงานไทยที่สวีเดนและฟินแลนด์

คำบง อาจเจริญ แรงงานชาว จ.หนองบัวลำภู เคยไปคนงานเก็บเบอร์รี่ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ บอกว่า ไปทำงานเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อต้องหาเงินมาใช้หนี้นอกระบบ จากการชักชวนของนายหน้า แต่กลับไม่ได้รับค่าจ้างอย่างที่หวังไว้ ซ้ำกลับมาต้องประสบปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้นจากเดิน ทั้งยังบอกว่า การทำงานที่ฟินแลนด์หนักหนากว่าที่ควรจะเป็น และไม่มีสวัสดิการการทำงาน และหวังว่าจะได้รับเงินเยียวยา และค่าชดเชยจากการทำงานคืนมา

เช่นเดียวกับ สมหอม สิริสุนทร แรงงานชาว จ.บุรีรัมย์ ไปทำงานเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์ในปี 2564 -2565 บอกว่า ใช้ชีวิตตอนทำงานอย่างยากลำบาก สุดท้ายได้เงินกลับไทยมา 300 ยูโร ตอนอยู่ฟินแลนด์ ต้องเสียค่าใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งค่าเช่ารถ และค่าน้ำมัน ในการเดินทางไปทำงาน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ตั้งแต่แรก จึงต้องการเรียกร้องเงินค่าแรงคืน และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องค่าเยียวยาให้กับแรงงานผู้เสียหายอีกหลายราย

“เหมือนไปทำงานฟรี กลับมาได้ค่าแรงรวม 300 ยูโร หรือประมาณ 1 หมื่นบาท ถูกหักค่าแรงโดยไม่รู้ตัว”

สมหอม สิริสุนทร

สำหรับข้อเรียกร้องของเครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์ มีดังนี้

  1. หยุดระบอบค้าแรงงานไทยไปเก็บเบอร์รี่โดยทันที จนกว่าคนงานที่เสียหายจะได้รับค่าชดเชย และมีการเจรจากรอบกฎหมายแรงงานที่คุ้มครองประโยชน์ของแรงงานอย่างเต็มที่

  2. ประเทศฟินแลนด์ และสวีเดน ต้องสร้างความมั่นใจว่าจะมีการเร่งรัด สอบสวนดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่ร่วมกันก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ ทั้งในไทย สวีเดน และฟินแลนด์

  3. ต้องมีการดำเนินการช่วยเหลือทางกฎหมายและการเงินแก่แรงงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทย ที่คดีการค้ามนุษย์ของพวหเขาอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยทางการ

  4. เปิดให้มีการเจรจาใหม่ โดยกรอบของวิถีรัฐต่อรัฐ G2G (รัฐบาลต่อรัฐบาล) และต้องยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยมีตัวแทนคนงานเก็บเบอร์รี่ร่วมเจรจด้วย ต้องมีการกำหนดพิเศษว่าเป็นนายจ้างจะต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงานด้วยความสุจริตใจ นายจ้างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จ่ายค้าจ้างอย่างเหมาะสม ค่าล่วงเวลา ค่าดูแลด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่สามารถหักออกจากรายได้ของคนงานได้

  5. จนกว่าการสืบสวนคดีอาชญากรรมข้ามชาติในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมเบอร์รี่ป่าของสวีเดนและฟินแลนด์ จะดำเนินการสอบสวนจนได้ข้อยุติ อุตสาหกรรมเบอร์รี่ป่าควรถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหภาพยุโรป จนกว่าจะมีการวางกรอบกติกาใหม่ที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานของสวีเดนและฟินแลนด์อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้แรงงานส่วนใหญ่มีความตั้งใจจะไปทำงานเก็บเบอร์รี่ที่ประเทศสวีเดน และประเทศฟินแลนด์ หวังไปเพื่อให้ได้ค่าจ้างกลับมาหลักแสนบาท ในระยะเวลา 2-3 เดือน แต่ในความเป็นจริงกลับได้รับค่าจ้างไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้แรงงานไทยหลายพันคนไม่มีเงินสำรอง และถูกหลอกให้กู้เงินกว่าแสนบาท เพื่อนำไปอุดหนุนความมั่นคงของธุรกิจในประเทศดังกล่าว ซึ่งเกิดเหตุกาณ์ในลักษณะนี้ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา รวมความสูญเสียทางเศรษฐกิจของครอบครัวแรงงานไทยที่เสียหายได้ราว 8,000 -12,000 ล้านบาท

ส่วนในวันที่ 8 ก.พ.นี้ กลุ่มเครือข่ายแรงงานฯ จะเดินขบวนไปติดตามความคืบหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้า DSI ดำเนินการสืบสวนคดีต่อไป

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active