ชาว อ.เสิงสาง หวังรัฐคืนสิทธิ์ที่ทำกิน พร้อมร่วมเวทีรับฟังฯ กันแนวเขต อช.ทับลาน รอบใหม่

เรียกร้องรัฐตั้งคำถามในการรับฟังที่ไม่สร้างความสับสน ยึดแนวเขตที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกำหนดเมื่อปี 2543 วอน อย่าให้เกิดการปั่นกระแสสร้างวาทะกรรมชาวบ้านรุกป่าอีก หวังรัฐคืนสิทธิ์ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย สิทธิชุมชนดั้งเดิม ยืนยัน ชุมชนอยู่มาก่อนประกาศเขตอุทยานฯ สูญเสียโอกาสมามากแล้ว

ตามที่คณะทำงานพิจารณาเสนอแนวทางเกี่ยวกับประเด็นร้องเรียนกรณีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ภายใต้คณะอนุกรรมการอิสระเพื่อศึกษากำหนดแนวทางมาตรการเร่งรัดการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ  (ONE MAP) มีกำหนดในการรับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในการกำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี และ จ.สระแก้ว ระหว่างวันที่ 31 ก.ค. – 22 ส.ค.นี้

ตัวแทนชาวบ้าน ต.โนนสมบูรณ์  ต.กุดโบสถ์ ต.สระตะเคียน และ ต.บ้านราษฎร์  อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทในที่ดินอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้หารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสียในการร่วมเวทีรับฟังความเห็นครั้งนี้

ย้ำ สิทธิชุมชนดั้งเดิม อยู่มาก่อนประกาศเขตอุทยานฯ

ภายหลังการหารือ สัมฤทธิ์ แสงอรุณ กำนันตำบลบ้านราษฎร์ อ.เสิงสาง เปิดเผยกับ The Active โดยย้ำว่า ชาวบ้านที่นี่อยู่ในพื้นที่นี้มานาน กว่าสามชั่วอายุคนแล้ว ตั้งแต่ตำบลสระตะเคียน ขึ้นอยู่ อ.ปักธงชัย และแยกมาอยู่ภายใต้ อ.เสิงสาง รวม ๆ ก็กว่า 100 ปีแล้ว

ยืนยันไม่เคยรู้ว่า พื้นที่ทำกินที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่กันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ ถูกประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานแห่งชาติประกาศเขตป่าทับชุมชนที่อยู่กันมาก่อนตั้งแต่ปี 2524 แม้แต่ในปี 2543 ที่มีการสำรวจแนวเขตร่วมกัน เพื่อกันแนวเขตชุมชน เขตที่ทำกินที่อยู่อาศัยให้ชัดเจน ก็ยังไม่รู้ว่ามีการประกาศเขตอุทยานฯทับที่ชาวบ้านมาก่อน มารู้ชัด ๆ อีกทีตอนยุทธการทวงคืนผืนป่า และ การสำรวจตามมาตรา 64  พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติปี 2562 จากนั้นชาวบ้านในพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบ เดือดร้อนกันหนักมากขึ้น

“เมื่อก่อนหลายหน่วยงาน ภาครัฐต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือชาวบ้านตลอด แต่พอมียุทธการทวงคืนผืนป่า ก็กลายเป็นหยุดความช่วยเหลือทุกอย่าง เช่น เมื่อเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม ตำบลอื่น อำเภออื่นที่ไม่ได้อยู่ในเขตพิพาทที่ดินอุทยานฯ ได้รับการชดเชยกัน แต่เราไม่ได้ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดที่ปลูกได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติอะไร ไม่เคยได้รับการชดเชยช่วยเหลือเลย ยิ่งตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจ ความเดือดร้อนปัญหาหนี้สินต่าง ๆ  อยากจะไปกู้เงินธนาคารในระบบ ซึ่งต้องใช้หลักทรัพย์อย่างที่ดินค้ำประกันก็ทำไม่ได้ ได้แต่ค้ำกันเองในกลุ่มเพื่อกู้ธนาคารเพื่อการเกษตร ก็ได้มาแค่ 30,000 – 40,000 ไม่เพียงพอจะลงทุน หรือแก้วิกฤติอะไรในครอบครัวได้เลย จึงขอถามหน่อยว่า แบบนี้พวกเราเสียโอกาสในชีวิต ไม่ได้รับความเป็นธรรมกันมานานแค่ไหนแล้ว

สัมฤทธิ์ แสงอรุณ

หวังยึดแนวเขตสำรวจร่วมกัน ปี2543  
ไม่สร้างกระแสกล่าวหาชาวบ้านทำลายป่า-เฉือนป่า

สำหรับการรับฟังความเห็นของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เมื่อปีที่แล้ว ที่มีการจุดกระแส #SAVEทับลาน ขึ้นมา พร้อมทั้งชี้ว่า การรับฟังความเห็นเพื่อกำหนดแนวเขตจะเป็นการ “เฉือนป่า” ทำให้เกิดข้อถกเถียง จนเป็นดรามา และมองชาวบ้านผิด ๆ แบบเหมารวม ว่าเป็นผู้ทำลายป่า ต้องการเอาที่ดินรัฐเป็นของตัวเอง ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงหลักฐานเอกสาร การตั้งชุมชน หมู่บ้าน ชาวบ้านต่างอยู่มาก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ จึงหวังว่า การรับฟังความคิดเห็นรอบนี้  จะไม่มีการจุดกระแสเพื่อบิดเบือนใส่ร้ายประชาชนที่อยู่กันมาก่อน ซึ่งควรได้รับสิทธิการกันที่ดินทำกิน อยู่อาศัย กันชุมชนออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ที่มาประกาศทับสิทธิชุมชน  

ครั้งก่อนจุดกระแส #SAVEทับลาน ชาวบ้านถูกมองแบบเข้าใจผิด โดนคนเขาด่ากันทั่วประเทศ กลายเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่เราอยู่บุกเบิกกันมาก่อนตั้งแต่บรรพบุรุษ ขอฝากไปถึงทุกหน่วยงาน ถ้าจะทำประชาพิจารณ์ อย่าทำแบบนี้อีก ให้เอาความเป็นจริง ข้อเท็จจริง หลักฐานมาคุยกันดีกว่า และให้เปิดใจรับฟังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ว่า เขาเดือดร้อน เสียโอกาสกันมามากแค่ไหน”

สัมฤทธิ์ แสงอรุณ

“อยากให้ช่วยเต็มที่ อยากให้มาดูในพื้นที่ ฟังเสียงในพื้นที่ แล้วก็กันพื้นที่ชาวบ้านออกได้แล้ว กันออกให้อยู่กันถูกต้องชัดเจน จะได้สบายใจ เพราะตอนนี้มีความกังวลอย่างมาก คืออยู่แบบไม่มั่นคงเหมือนเราเป็นโจรลักขโมยอยู่ไม่มีอะไรให้มั่นใจ ไม่รู้เขาจะมาไล่เมื่อไหร่ ลงทุนทำเกษตรทำอะไรไปก็กลัวโดนยึดไป เสียเงินทิ้งเปล่า เราเป็นผู้บุกเบิก อย่าทำให้เราเป็นผู้บุกรุก”    

พรภิรมย์ กล้าหาญ

หวังรัฐตั้งคำถามในการแสดงความเห็น ต้องไม่กำกวม ไม่สร้างความสับสน

สัมฤทธิ์ ยังชี้ถึงปัญหาการรับฟังความคิดเห็นครั้งก่อน ที่จัดโดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่า เห็นปัญหาตั้งแต่สถานที่จัดเวทีที่ไม่ได้ลงมารับฟังความเห็นชาวบ้านถึงพื้นที่ ชาวบ้านต้องเดินทางไกลไปถึงตัวจังหวัด ต้องช่วยกันออกค่ารถ ค่าน้ำมัน กันคนละ 100 บาท โดยตำบลบ้านราษฎร์ เอารถบัสไปแค่ 2 คันรถ คือไปได้ไม่ถึง 200 คน ปัญหาที่ตามมาอีกเรื่อง คือมีความกำกวมในการตั้งคำถาม เช่น ถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ ที่จะให้เป็นแนวเขตอุทยานแห่งชาติ  โดยไม่มีการระบุว่าเห็นด้วยกับแนวเขตปีไหน ? ขนาดตนเป็นกำนัน เป็นผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่มีใครกล้าตอบกัน  

“ชาวบ้านก็ประมาณ 50% ที่ตอบไป ก็กลับมาด้วยความกังวลว่า การแสดงความเห็นรอบนี้ จะเป็นผลดีกับชุมชนไหมตกลงแนวเขตปีไหน ปี 2524  หรือ ปี 2543 กันแน่  คือคลุมเครือ กำกวม ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย ดังนั้นรอบนี้จึงหวังว่า คำถามจะชัดเจนไปเลย เช่น คุณเห็นด้วยกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ปี 2524 หรือ ปี 2543 เอาให้ชัด ๆ ไปเลย ซึ่งชาวบ้านเขาชัดเจนว่าต้องยึดตามแนวปี 2543 เพราะเป็นการเดินสำรวจทำแนวเขตร่วมกันทุกฝ่าย”  

สัมฤทธิ์ แสงอรุณ

ย้ำยึดแนวเขต ปี 2543 ขีดเส้นชัด พื้นที่ป่า – พื้นที่ชุมชน

นอกจากนั้น ชาวบ้าน ต.บ้านราษฎร์ พา The Active สำรวจหมุดหลักเขต ปี 2543 ที่เป็นอีกหลักฐานสำคัญของการมีส่วนร่วมทุกฝ่าย ในการกำหนดแนวเขต โดยแบ่งชัดเจนระหว่างพื้นที่ป่า กับพื้นที่ทำกิน ที่เป็นแปลงเกษตร เช่น สวนผลไม้ ทุเรียน ยางพารามันสำปะหลัง

ชาวบ้าน ยังยืนยัน ว่า พื้นป่าสมบูรณ์ที่เห็นฝั่งตรงข้าม เดิมเป็นป่าเสื่อมโทรม กระทั่งชาวบ้านช่วยดูแล ช่วยกันปลูกป่าและไม่เคยไปใช้พื้นที่หลังแบ่งแนวเขตชัดว่าอยู่ในเขตอุทยานฯ ป่ากลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันชาวบ้านที่นี่ไม่เคยบุกรุกผืนป่าใหม่

“แอบน้อยใจด้วยซ้ำไปเพราะว่ารัฐให้เรามาอยู่ตามแนวทางการพัฒนาเพื่อความมั่นคง แต่เรากลับไม่ได้รับความช่วยเหลือดูแลอะไรจากทางราชการอย่างที่ให้คำมั่นสัญญา ว่า ให้พ่อแม่เราออกมาจากป่า แล้วให้มาอยู่ที่ตรงนี้ เพื่อให้รักษาผืนป่าและการดูแลประเทศชาติ ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับประเทศ ไม่ให้กองกำลังฝ่ายตรงข้ามเข้ามาบุกรุก ย้ำว่าเราอยู่กันมานานก่อนการประกาศเขตอุทยาน ปี 2524 และแนวเขตสำรวจร่วมกันในปี 2543 คือความยุติธรรม จึงขอให้ยึดตามการสำรวจและการมีส่วนร่วมของประชาชน ขอให้รักษาคำสัญญาที่บอกว่าเรามาอยู่ในโครงการความมั่นคงแล้ว จะเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ตกถึงลูกถึงหลานเราจริง ๆ ชาวบ้านที่นี่เราเสียโอกาสมาเยอะแล้ว” 

สีโห อุทกโยธะ อดีตกำนันตำบลบ้านราษฎร์

เดินหน้ารับฟังความคิดเห็นชาวบ้าน
ยันคำถามชัดเจนไม่กำกวม ไม่สร้างความสับสน หวังหาทางออก 

รศ.ธนพร ศรียากูล ประธานคณะทำงานพิจารณาเสนอแนวทางเกื่ยวกับประเด็นร้องเรียนกรณีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยกับ The Active ว่า ทางคณะทำงานได้ประชุมเตรียมความพร้อม เพื่อการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในการกำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี และจ.สระแก้ว ระหว่างวันที่ 31 ก.ค .-22 ส.ค. นี้

โดยเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 เห็นชอบให้ใช้แผนที่ ONE MAP มาตราส่วน 1 : 4,000 ในการเข้ามาแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐ ที่ทับซ้อนกันในอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐที่มีพื้นที่แนวเขตสารพัดหน่วยงานทับซ้อนกันเต็มไปหมด เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมที่ดิน ที่ผ่านมาต่างหน่วยต่างถือแผนที่กันคนละฉบับ เมื่อเทคโนโลยีดีขึ้น จึงทำแผนที่เป็นแนวเขตเดียวกัน พอ ครม. ให้ความเห็นชอบ หน่วยงานที่เป็นเจ้าของแผนที่ก็ต้องเอามติ ครม. ที่ให้ความเห็นชอบแล้ว มาปรับปรุงแผนที่ตัวเองให้สอดคล้องกับมติ ครม.

ทางกรมอุทยานฯ เอง ก็ได้ดำเนินการตามนั้น แต่เนื่องจากการดำเนินงานของกรมอุทยานฯ รอบที่ผ่านมา ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คำถามข้อกังวลต่อการจัดเวทีรับฟังความเห็นต่อการกำหนดแนวเขตที่มีความคลุมเครือในคำถามรวมถึงการดำเนินการที่ไม่ครอบคลุม เพราะฉะนั้นทางพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา จึงไปยื่นร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล เลยมีนโยบายว่า ให้มาจัดรับฟังความคิดเห็นให้ทั่วถึงกันอีกรอบ

รอบนี้ จัดโดยคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. โดยมีตนเป็นประธานคณะทำงานรับฟังความคิดเห็นเรื่องนี้ เป็นการลงไปรับฟังความคิดเห็นพี่น้องประชาชนถึงพื้นที่ โดยอ้างอิงกับระเบียบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการรับฟังความคิดเห็นทุกประการ แล้วก็มีการจัดกลุ่มกันว่า พี่น้องที่จะมาเราจัดทั้งหมด 18 ตำบล รอบเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน คือ ให้ใกล้บ้านประชาชนที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน และทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทางนายอำเภอ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ให้การสนับสนุนในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ โดยจะต้องแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆตามระเบียบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำไปเป็นข้อมูลสำหรับคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ เอาไปดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ซึ่งหน้าที่และอำนาจก็จะเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติด้วย ซึ่งจะเกี่ยวกับแผนที่ ONE MAP ด้วย

และเรื่องนี้ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับนโยบายมาจาก ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และแน่นอนว่าเมื่อรับฟังความคิดเห็นเสร็จแล้ว ความคิดเห็นในรอบนี้ ก็จะเอาไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติด้วย จึงขอเรียนว่าการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในรอบนี้ อ้างอิงขั้นตอนตามระเบียบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกประการ แล้วก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพราะว่าในวันที่มาให้ข้อมูลกับพี่น้องประชาชนในแต่ละตำบลทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็จะส่งผู้แทนมาร่วมด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องอุทยานแห่งชาติทับลานดีเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย เพราะฉะนั้นก็เป็นหลักประกันความมั่นใจของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้ว่า การดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามคำสั่ง ตามนโยบายของรัฐบาลในรอบนี้ เราดำเนินการตามหลักวิชาการตามกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่อ้างอิงตามกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว

“ตามหลักเราต้องยอมรับว่าในพื้นที่จริง ๆ ชาวบ้านที่เขาอยู่ตรงนั้นเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะฉะนั้นต้องฟังเขา อันนี้มันเป็นหลักทั่วไปอยู่แล้ว และเราไม่ได้ฟังแค่นครราชสีมาจังหวัดเดียว ต้องไปปราจีนบุรี และสระแก้วด้วย ที่สำคัญจะมีเวทีกลางที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทางเว็บไซต์ หรือว่าแอพพลิเคชันของ สคทช. นอกจากนั้นแล้ว ก็จะไปรับฟังความคิดเห็นทางด้านเทคนิค คือกับกลุ่มนักวิชาการอาจารย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับระบบระบบนิเวศจริง ๆ ลงลึกไปถึงเรื่องของระบบนิเวศ ชนิดพันธุ์สัตว์ป่า การเคลื่อนย้าย หรือว่าชนิดพืชพรรณต่าง ๆ รวมถึงหารือความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันในเรื่องของการที่จะใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มันเกื้อกูลกัน คนอยู่ได้ ป่าก็ต้องอยู่ได้ด้วย”   

รศ.ธนพร ศรียากูล 

โดยเวทีรับฟังความคิดเห็นจะเริ่มต้นวันที่ 31 ก.ค. นี้ ที่ ต.โนนสมบูรณ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เป็นเวทีแรก ต่อเนื่องในทุกพื้นที่ใน จ.นครราชสีมา จนถึงวันที่ 22 ส.ค.นี้

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active