ร้อง กมธ. ป.ป.ช. ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.สุราษฎร์ธานี ชอบด้วยกฎหมาย ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ เหตุเมินเฉย ไม่ดำเนินการเพิกถอน น.ส.ล. กระทบสิทธิชุมชน
วันนี้ ( 31 ก.ค. 68 ) ตัวแทนชาวไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี เข้ายื่นหนังสือถึง อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอให้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพิกถอนที่ดิน น.ส.ล.ทุ่งปากขอ ทับชุมชนไทดำ หมู่ที่1 และหมู่ที่ 4 บ้านทับชัน อ.บ้านนาเดิม

โดยอ้างถึงรายละเอียด ตามที่ ชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะลงพื้นที่เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินกรณีชุมชนไทดำหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 4 ตำบลซับทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ณ ที่ว่าการอำเภอบ้านนาเดิม และลงพื้นที่ชุมชนไทดำ โดยได้สั่งการให้ราชการเร่งรัดแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงปี 2529 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเสนอรูปแบบที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเนื้อที่ 1,318-3-55 ไร่ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการแก้ไขหรือเพิกถอนเนื้อหาที่ซึ่งพิจารณาจากเอกสารคณะทำงานและคณะอนุกรรมการแก้ไขที่สาธารณะประโยชน์ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างและปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยการตรวจสอบที่ได้ข้อยุติแล้วตั้งแต่ปี 2565
ทั้งนี้ชุมชนไทดำ บ้านชัน ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานที่ดินจังหวัด และอำเภอบ้านนาเดิม ปรากฏว่าไม่ดำเนินการตามข้อสั่งการ และอ้างว่ารอหนังสือสั่งการจากกระทรวงมหาดไทยจึงจะดำเนินการ จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการโดยด่วน

ทั้งนี้ชาวไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี ยังได้พบและหารือ เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่รับผิดชอบกำกับกรมที่ดิน โดยได้ขอให้ประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะฯ เพื่อเดินหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินชาวไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี อย่างเร่งด่วน
จากนั้นตัวแทนชาวไทดำ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบหรือมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

โดยเนื้อหาระบุตามที่คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี และระดับอำเภอ ได้มีมติจากการประชุมหารือเพื่อติดตามเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาชองกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ในวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้จัดประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูล ซึ่งได้จัดประชุมขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 และได้มีมติให้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ฯ ระดับอำเภอตามคำสั่งจังหวัด สุราษฎร์ธานีที่ 7015 / 2564 ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
- ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
- ให้ตรวจสอบการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ 30977 หมู่ที่1 ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ว่าออกถูกต้องตรงตามตำแหน่งตามทะเบียนสาธารณประโยชน์หรือไม่ การดำเนินการเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนข้อกฎหมายหรือไม่ ?
- ให้ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ในที่ดินว่าปัจจุบันยังคงมีราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ มีผู้บุกรุกหรือไม่ ?
- เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ระดับจังหวัดตามกรอบนโยบายที่คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง
โดยมีข้อสรุปการตรวจสอบ คือ
- ที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณประโยชน์มาแต่เดิม เกิดขึ้นโดยผลของการใช้ประโยชน์ร่วมกันของประชาชน แต่ก็ไม่ครอบคลุมถึงที่ดินที่ราษฎรเข้าครอบครอง ทำประโยชน์บริเวณแม่น้ำตาปี และไม่สามารถระบุแนวเขตที่ดินที่แน่นอนได้ว่ากว้างยาวเท่าไร
- น.ส.ล.ออกไม่ตรงตำแหน่งทะเบียนหวงห้ามเดิม พ.ศ.2475 และไม่ปรากฏหลักฐานว่าทุ่งปักขอเคยตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ต.ท่าเรือ ทั้งในขณะที่เป็น อ.บ้านนา หรือ อ.บ้านนาสาร
- ข้อเสนอแนะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เห็นควรให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน หลังจากนั้นคณะทำงานฯ ได้มีการรายงานที่ประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานการสอบสวนดังกล่าว
จากนั้นได้นำเข้าสู่การประชุมพิจารณาของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ฯ และมีมติที่ประชุมว่ากำหนดมาตรการแก้ไขตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง พ.ศ.2529 หากมีส่วนที่ราษฎรครอบครองและไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท ก็ให้กรมที่ดินพิจารณาดำเนินการกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินต่อไป ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการรังวัดตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง พ.ศ.2529 จนปรากฏรูปแผนที่และเนื้อที่ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน
ต่อมาอนุกรรมการการแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบได้พิจารณาและได้ข้อยุติว่า กรณีที่ดินของชาวไทดำนั้นอยู่ในกรณีปัญหาที่ได้ข้อยุติในกระบวนการแก้ไขปัญหาแล้ว จึงมีมติให้คณะทำงานชุดแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบภายใต้กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ความว่า กรณีนี้จัดอยู่ในกรณีปัญหาที่สามารถสั่งการได้ภายใต้กระทรวงมหาดไทย ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการข้างต้นเป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 มาตรา 8 ตรี โดยมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจออก แก้ไข และเพิกถอนคำสั่งการปกครอง
และเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและคณะ ได้ลงพื้นทีประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา โดยมีข้อสั่งการให้ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีเร่งรัดการเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง พ.ศ.2529 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเสนอรูปแผนที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เนื้อที่ 1,318- 3- 55 ไร่ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการแก้ไขหรือเพิกถอน ตามการตรวจสอบที่ได้ข้อยุติแล้วตั้งแต่ปี 2565

แต่ปรากฏว่าผ่านมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาใด ๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดและที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ในการนี้ทางเครือข่ายไทดำสุราษฎร์ธานีจึงมีความกังวลว่า จะมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง และบ่ายเบี่ยงที่จะดำเนินการในการคืนสิทธิในที่ดินให้กับประชาชน อีกทั้งก็มีความสงสัยและเป็นไปได้หรือไม่ว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนั้น จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือมีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
ดังนั้นจึงขอให้คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่ามีความผิดพลาดหรือบกพร่องในประการใดบ้าง