ย้ำ 71 มาตรา ร่าง พ.ร.บ.SEC กฎหมายนี้ ลอกแบบจาก EEC ทั้งที่บริบทต่างกัน เชื่อ ไม่ได้เน้นพัฒนาภาคใต้ แต่เปิดช่องเอื้อทุน ภาคประชาชน ยัน ไม่ได้คัดค้านการพัฒนา แต่ขอการมีส่วนร่วม พัฒนาบนศักยภาพพื้นที่ ลั่น หากร่างกฎหมายผ่าน ครม.เข้าสภาฯ มวลชลพร้อมเคลื่อนไหวใหญ่
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 68 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักนายกรัฐมนตรี เครือข่ายประชาชนปกป้องภาคใต้จากกฎหมาย SEC เข้ายื่นหนังสือถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ… ผ่าน พันศักดิ์ เจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน

ประสิทธิ์ชัย หนูนวล ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องภาคใต้จากกฎหมาย SEC ย้ำเหตุผลสำคัญของการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.SEC โดยเห็นว่า เมื่อดูรายละเอียดทั้ง 71 มาตรา เขียนไว้ชัด 2 ประเด็นหลักเท่านั้น
- การยกเว้นกฏหมายเพื่อทำให้มาตรการปกป้องภาคใต้ในแง่มุมต่าง ๆ ถูกยกเลิกไปเพื่อที่จะนำทรัพยากรให้กับนักลงทุนต่างชาติ
- การสถาปนาสิทธิพิเศษของนักลงทุนต่างชาติขึ้นมา เพราะภายใต้กฎหมายฉบับนี้มีสมมุติฐานว่า ภาคใต้จะพัฒนาได้ จะต้องยกทรัพยากรทั้งหมดทั้งมวลให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยที่กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เขียนว่าภาคใต้มีศักยภาพอย่างไรและต้องพัฒนาไปตามนั้น
อีกด้านเมื่อดูทั้ง 71 มาตรา ในส่วนหน้าที่ของคนภาคใต้จริง ๆ มีเพียง 2 เรื่องหลัก ๆ คือ
- รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกฎหมาย
- รับเยียวยาจากผลกระทบ
“ดังนั้นโดยสรุปทั้ง 71 มาตราเป็นกระบวนการยึดทรัพยากร ทำให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิที่ดินได้ เช่าที่ดินได้ 99 ปี ยกเลิกอาชีพสงวนของคนไทย ยกเลิกกติกาของ สปก.ที่สามารถดำเนินการได้ ต่างชาติสามารถที่จะเข้าออก ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สิทธิพิเศษเหล่านี้สำหรับทุนมีอยู่เต็มไปหมดทั้ง 71 มาตรานี้ เป็นการยึดการพัฒนาที่สำคัญที่สุดในภาคใต้จึงเป็นเหตุผลที่ 124 องค์กร รวมตัวกันเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา และส่งตัวแทนมาบอกกับรัฐบาลในว่าเราไม่ต้องการ กม.SEC ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสำหรับนักลงทุนต่างชาติ”
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องภาคใต้จากกฎหมาย SEC ยังย้ำว่า ประชาชนไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา และต้องการกฎหมายด้วยซ้ำไป แต่อยากให้มีความชัดเจนในการพัฒนาภาคใต้บนศักยภาพ และการมีส่วนร่วม ซึ่งวันนี้ได้แนบข้อเสนอมา 13 หน้า มีข้อมูลวิชาการหลักฐานตัวเลขทางเศรษฐกิจและเสนอภาพทั้งหมดของภาคใต้ว่าเป็นอย่างไร แล้วควรจะพัฒนาควรพัฒนาแบบไหน
“เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่การพัฒนาจะต้องคิดจากรากฐานที่ไม่ใช่การไปลอกกฎหมายของภาคตะวันออกมาทุกตัวอักษร ยกเว้นเปลี่ยนเฉพาะชื่อจังหวัด และเพิ่มบทเฉพาะเฉพาะกาลอีก 4-5 ฉบับ”
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
ทั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจทางภาคใต้ประกอบด้วยการเกษตรเป็นหลัก ดังนั้นต้องเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปต่อเนื่อง จากวัตถุดิบของผลผลิตในพื้นที่ จึงมีข้อเสนอต่อรัฐว่า ทำไม ? ไม่จัดทำโรงงานแปรรูปแบบครบวงจร ยกตัวอย่าง เอามังคุดมาเททิ้งกันทุกปี แต่เปรียบเทียบกันเมื่อนำมาทำเป็นน้ำมังคุดแล้วขายราคาสูงแตกต่างกันอย่างมาก

หรือแม้แต่ยางพารา ข้าว ประมง ทั้งหมดที่ว่ามา คือ ศักยภาพของภาคใต้ที่มานำเสนอรัฐบาลว่า ให้ช่วยออกมาตรการหรือนโยบายในการส่งเสริมออกนโยบายการพัฒนาการเกษตรเกิดขึ้นได้ในเชิงระบบและมาตรการเรื่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ธรรมชาติที่มันยังยืน นี่คือ 4 – 5 ประเด็นหลักที่เราได้เสนอรัฐบาลไป
“ดังนั้นแทนที่รัฐบาลจะออกกฏหมายยึดทรัพยากรไปให้กับนักลงทุนต่างชาติ ทำไมรัฐบาลไม่ออกกฏหมายในการส่งเสริมเศรษฐกิจภาคใต้บนฐานทรัพยากรบนศักยภาพที่มี ซึ่งตรงนี้เป็นข้อสังเกต ข้อสงสัย แล้วก็ข้อกังวล ตอนนี้สิ่งที่เรา 124 องค์กรภาคใต้ออกมาคัดค้าน ก็เริ่มมีการเรียนรู้กันอย่างวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้แล้วว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่มีความจริงใจในการออกกฏหมายในการพัฒนาภาคใต้ แต่ออกกฏหมายด้วยการยึดทรัพยากร”
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
ทั้งนี้ ในวันที่ 14 มิ.ย. 68 จะมีปฏิบัติการเคลื่อนไหวของเครือข่ายต่อเนื่อง แล้วก็จะแสดงออกในลักษณะเช่นนี้ในหลายพื้นที่ ถ้าหากรัฐบาลผ่านการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ในที่ประชุม ครม. แล้วผ่านไปยังสภาผู้แทนราษฎรในวาระหนึ่ง จะเป็นวาระที่คนใต้ นัดรวมตัวกันครั้งใหญ่ที่สุด เพราะเท่าที่ทำงานมา 20 ปี ยังไม่เคยเห็นประเด็นไหนที่คนภาคใต้ เห็นตรงกันว่านี่คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด
“ไม่ว่าใครจะเคยทำประเด็นอะไรมาก่อน กี่ปีก็ตาม เมื่อเจอประเด็นนี้ทุกคนแพ้หมด สิ่งแวดล้อมทุกคนแพ้หมด ที่ดินทุกคนแพ้หมด การสถาปนายุติธรรมการคุ้มครองทุกคนแพ้หมด เมื่อมีกฎหมาย SEC ฉบับนี้ จึงเป็นการสามัคคีชุมนุมสำคัญของคนภาคใต้”
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล

ขณะที่ เบญจวรรณ ทับทิมทอง เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ บอกว่า ในพื้นที่ของพะโต๊ะชุมพร มีพืชเศรษฐกิจโดยเฉพาะทุเรียนซึ่งเป็นมรดก 200 ปีที่ยังคงอยู่ เพราะฉะนั้นพะโต๊ะ ไม่ได้เป็นแค่ชุมชนที่เพิ่งก่อตั้งเป็นชุมชนที่อยู่มานานแล้ว มีภูมิประเทศเป็นภูเขาก็เลยอาจจะไม่ได้สิทธิ์ในเรื่องของโฉนด แต่เมื่อมีนโยบายเรื่องของการผลักดันกฎหมาย SEC ก็ทำให้เกิดข้อกังวลอย่างมากจากคนในพื้นที่ ความชัดเจนเรื่องของค่าเวนคืน ที่จะทำให้เขาสามารถไปตั้งต้นใหม่ก็ยังไม่มี ไม่รู้ว่าแค่ไหน อย่างไร เห็นแต่การจะมายึดฐานทรัพยากรแล้วก็พื้นที่ และต้องย้ำว่า จริง ๆ แล้วหากพูดถึงบนศักยภาพของพื้นที่พะโต๊ะชุมพร มีทุเรียน มังคุดส่งออก มีพืชเศรษฐกิจรวมกว่า 7 ชนิด ซึ่งตัวเลขมีชัดเจนว่ากว่า 7,500 ล้านบาท ซึ่งแค่พื้นที่เดียว ก็เห็นชัดแล้วว่า มีรายได้มากกว่าสิ่งที่รัฐบาลยกขึ้นมา
“พะโต๊ะอำเภอเดียว ก็สามารถที่จะสู้ตัวเลขของทาง SEC ได้แล้วไม่ต้องบอกว่าศักยภาพของพื้นที่พะโต๊ะ ไม่ใช่แค่เรื่องของการสร้างรายได้ให้กับคนอยู่ในพื้นที่ อยู่ดีกินดีแล้วแต่ยังมีการจ้างงานซึ่งเป็นแรงงานต่างถิ่น พี่น้องภาคอีสานเข้ามาทำงาน มีการจ้างงานถึง 1,500 กว่าล้านบาท ซึ่งก็เท่ากับว่าไม่ได้เป็นการหารายได้ หรือสร้างรายได้เฉพาะของคนในพื้นที่ แต่ยังมีการสร้างรายได้กระจายไปที่อื่นด้วย”
เบญจวรรณ ทับทิมทอง
เบญจวรรณ ฝากถึงรัฐบาล อยากให้ทบทวน และตระหนักเรื่องของการพัฒนาที่ต้องนึกถึงประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่พัฒนาพื้นที่ให้กับกลุ่มทุน ประเทศจะเจริญได้ประชาชนต้องอยู่ดีกินดี แต่ตอนนี้เมื่อประชาชนอยู่ดีกินดีกันแล้ว แต่กลับทำกฎหมายผลักความยากจนให้กับประชาชน สิ่งนี้ก็เป็นคำถามกลับไปว่าคิดได้อย่างไร ตอนนี้ชุมชนพะโต๊ะรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก