‘ษัษฐรัมย์’ ยันไม่ยอมแลกสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนกับการเพิกเฉยปัญหาโครงสร้าง – หนุนระบบสุขภาพหนึ่งเดียวไม่แบ่งชั้น เสนอระบบ ‘Top-Up’ ผู้ประกันตนใช้สิทธิบัตรทองพื้นฐาน ประกันสังคมจ่ายสวัสดิการเพิ่ม พร้อมฝากถึง 2 รมต. ‘พิพัฒน์-สมศักดิ์’ เร่งผนึกนโยบายสาธารณสุข ช่วยผู้ประกันตนเข้าถึง
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 68 รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ชุดที่ 14 ครั้งที่ 4/2568 โดยกล่าวว่า ต้องขออภัยต่อผู้ประกันตนทุกท่าน ตามที่ได้แจ้งไว้ว่าได้พยายามผลักดันสูตรคำนวณบำนาญใหม่อย่างเต็มที่ แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา และต้องเลื่อนออกไปในการประชุมครั้งหน้า เนื่องจากยังไม่สามารถสื่อสารให้เกิดความเข้าใจโดยรวมได้
เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนมาตรา 39 กว่า 300,000 คน ที่คาดว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ยังต้องรอการพิจารณาต่อไป จึงขอให้ทุกท่านติดตามความคืบหน้า และขออภัยต่อผู้ประกันตนทุกท่านที่ติดตามทีมประกันสังคมก้าวหน้า
“ที่ผ่านมามีนักข่าว ซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ท่านหนึ่งสัมภาษณ์ผม เขาเล่าว่ากำลังทำคีโม แต่กลับต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า หากยังส่งเงินสมทบต่อไป เงินบำนาญของเขาจะลดลงไปถึง 50% จากการส่งเงินเดือนละ 432 บาท แต่ได้รับเงินบำนาญเพียง 1,000 กว่าบาท นี่คือความเจ็บปวดของคนธรรมดาที่เราพยายามสื่อสารให้ทุกคนรับรู้”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

รายละเอียดของสูตรคำนวณบำนาญใหม่
รศ.ษัษฐรัมย์ ระบุ สูตรนี้ถูกเสนอผ่านอนุกรรมการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2567 โดยมีหลักการปรับเงินบำนาญให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ หากเคยได้รับเงินบำนาญ 5,000 บาทเมื่อ 20 ปีก่อน สูตรใหม่นี้จะคำนวณใหม่ให้เทียบเท่ากับเงิน 7,000 บาทในปัจจุบัน
แน่นอนว่าการปรับสูตรจะต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น แต่ฝ่ายวิจัยคำนวณแล้วว่า ไม่กระทบต่อความยั่งยืนของกองทุนฯ โดยใช้เงินประมาณ 60,000 ล้านบาท ในระยะ 10 ปี ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับกองทุนฯ ที่มีขนาด 2.6 ล้านล้านบาท และสามารถช่วยผู้ประกันตนได้มากกว่า 300,000 คน
ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกองทุนประกันสังคมอยู่ในภาวะวิกฤต รศ.ษัษฐรัมย์ เผยว่า เมื่อใดก็ตามที่พยายามตรวจสอบหรือทวงถาม ก็มักจะถูกขัดขวาง สิทธิประโยชน์ที่เราต้องการผลักดันให้ผู้ประกันตนจึงล่าช้าไปด้วย เราสามารถเลือกปิดตาข้างเดียว และผลักดันสิทธิประโยชน์โดยไม่ตรวจสอบองค์กรก็ได้ แต่นั่นหมายถึงการเพิกเฉยต่อเงินของผู้ประกันตน คนที่วางแผนเกษียณ คนที่ต้องทำคีโม คนที่มีลูกเล็ก คนที่มีหนี้สิน
ปัญหาการเมืองภายในและการตรวจสอบกองทุนฯ
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าต้องปิดตาข้างเดียวเพื่อแลกกับการผลักดันสิทธิประโยชน์ให้ผ่านไปนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? รศ.ษัษฐรัมย์ ยืนยันว่า ไม่มีใครเอาปืนมาจ่อหัวเราให้ทำเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริง สิทธิประโยชน์ที่สัญญากับประชาชนไว้ 14 รายการ กลับสามารถดำเนินการได้เพียง 4-5 รายการเท่านั้น
วันนี้เห็นชัดว่า สูตรคำนวณบำนาญที่เสนอไป ไม่มีผลกระทบต่อเงินของนายจ้างเลย แต่กลับถูกเลื่อนออกไปอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นเพียงวันธรรมดาของข้าราชการ นายจ้าง หรือนักธุรกิจ แต่สำหรับประชาชนธรรมดา นั่นหมายถึงการต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีเงินบำนาญที่เพียงพอ บางคนอาจต้องหยุดส่งเงินสมทบมาตรา 39 และถูกบังคับให้เปลี่ยนโรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งอยู่
“สิ่งเหล่านี้คือชีวิตของผู้ประกันตนกว่า 75,000 คนที่เลือกพวกเรามาทำหน้าที่ ผมจะไม่ยอมแลกสิทธิประโยชน์เหล่านี้กับการเพิกเฉยต่อปัญหาโครงสร้างของกองทุนประกันสังคม สิ่งที่เราทำอยู่คือการต่อสู้เพื่อให้ระบบนี้เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
เมื่อถามต่อว่า ปัญหาที่ทำให้การพิจารณาบำนาญติดขัดคืออะไร ? รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่า วันนี้ไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมด นักข่าวอาจต้องไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่สิ่งที่บอกได้แน่ชัดคือ เราพยายามนำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทบใคร และเป็นข้อมูลที่ผ่านการศึกษาแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม ข้อมูลชุดนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนมากขนาดนั้น วิทยานิพนธ์ของนักศึกษาที่ตรวจยังซับซ้อนกว่านี้เสียอีก
“ที่ประชุมวันนี้มีการพูดคุยเรื่องนี้ แต่ผลสรุปคือให้เรากลับไปนำเสนอใหม่อีกรอบ ทั้งที่ข้อมูลนี้ผ่านการพิจารณามาแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมในระดับอนุกรรมการ”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
ทั้งนี้ตามกระบวนการของบอร์ดประกันสังคม โดยพฤตินัยแล้ว มติส่วนใหญ่จะไม่ถูกปฏิเสธโดยตรง แต่บ่อยครั้งที่กระบวนการปฏิเสธเกิดขึ้นผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การให้เรื่องย้อนกลับไปที่อนุกรรมการ หรือคณะทำงาน ทำให้เรื่องต้องวนไปวนมานานหลายเดือน กว่าจะได้กลับเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้ง
ดังนั้น หากสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ผ่านไป มันไม่ใช่เพราะข้อมูลมีความซับซ้อน แต่เป็นเพราะว่า กำลังอยู่ในจักรวาลของความคิดที่แตกต่างกัน ระหว่างกลุ่มที่เชื่อว่าทุกคนควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม และกลุ่มที่เชื่อว่าคนบางส่วนต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดา
“นี่เป็นสิ่งที่ อยากให้ประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบว่า เรื่องนี้จะถูกเตะถ่วงไปอีกนานแค่ไหนกว่าจะกลับมาพิจารณาอีกครั้ง”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
รศ.ษัษฐรัมย์ ยังยืนยันด้วยว่า ข้อเสนอของทีมประกันสังคมก้าวหน้ายังคงเหมือนเดิม เพราะเป็นข้อเสนอที่ผ่านการคำนวณแล้วว่าจะช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับบำนาญเพิ่มขึ้น โดยพิจารณาจากฐานรายได้ที่แท้จริง ไม่ใช่การเฉลี่ยแบบหยาบ ๆ นอกจากนี้ยังมีการเสนอเงินชดเชย และทีมวิจัยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่กระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของกองทุน
ทั้งนี้อยากให้ตั้งคำถามกับงบประมาณที่ใช้ไปกับโครงการอื่น ๆ เช่น ตึกอาคารที่ผู้ประกันตนแทบไม่ได้ใช้ โครงการที่สร้างแล้วไม่เสร็จ หรือแอปพลิเคชันที่มีต้นทุนแพงกว่าแอปของธนาคาร ไม่ใช่มาตั้งคำถามกับเงินบำนาญของคนหาเช้ากินค่ำ
รศ.ษัษฐรัมย์ ยังบอกว่า จำเป็นต้องเปิดตาทั้งสองข้าง และตรวจสอบให้เห็นว่า กองทุนฯ นี้ถูกบริหารจัดการอย่างไรทีมของเราพยายามทำให้กองทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น
- ตรวจสอบงบประมาณการพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่อาจไม่เหมาะสม
- ตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเซิร์ฟเวอร์ ที่อาจสูงเกินความจำเป็น
ทุกเม็ดเงินที่ถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ สุดท้ายจะกระทบต่อพนักงานประกันสังคมที่ทำงานบริการผู้ประกันตน พนักงานเหล่านี้ไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่มีสวัสดิการเกษียณอายุ แต่ต้องเผชิญกับภาระงานมหาศาล
“เมื่อแสงสว่างส่องเข้ามา เราหวังว่าความไม่โปร่งใสจะหมดไป เราพร้อมตรวจสอบเพื่อปกป้องเงินของผู้ประกันตน และพร้อมพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกคน”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
ข้อเสนอการปฏิรูประบบประกันสังคม
รศ.ษัษฐรัมย์ ระบุอีกว่า การแก้ไขระบบประกันสังคมเป็นข้อเสนอที่มีมานาน และในฐานะทีมประกันสังคมก้าวหน้า มีแผนจะเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้อนุกรรมการที่เกี่ยวข้องได้พิจารณา
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายนี้อยู่นอกเหนืออำนาจโดยตรง สิ่งที่จำเป็นคือแรงสนับสนุนจากประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ที่ต้องการเห็นการปฏิรูประบบให้มีความเป็นอิสระมากขึ้น ลดการครอบงำของระบบราชการที่รวมศูนย์อำนาจอยู่กับข้าราชการระดับสูง ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาสิทธิประโยชน์ล่าช้า เช่น สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ผ่านการพิจารณามานานกว่า 5 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถประกาศใช้ได้
การที่ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการอนุมัติที่ล่าช้า ทำให้ผู้ประกันตนต้องเผชิญกับปัญหาการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินสงเคราะห์บุตรที่จ่ายล่าช้า หรือเงินคลอดบุตรที่ล่าช้า สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากระบบราชการที่มีลำดับชั้นซับซ้อน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานโดยตรงไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เพราะต้องรอคำสั่งจากระดับบนที่มักใช้เวลานาน
ในข้อเสนอ ไม่ได้มีการเสนอให้รวมกองทุนประกันสังคมเข้ากับกองทุนอื่น แต่ในเรื่องการบริหารจัดการด้านการรักษาพยาบาล ยังต้องมีการพิจารณารายละเอียดในอนาคต เพราะที่ผ่านมา ประกันสังคมไม่มีความชำนาญในการบริหารจัดการระบบการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ ขณะที่งบประมาณด้านสุขภาพของกองทุนประกันสังคมจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนล้านบาทในอีกไม่กี่ปี แต่สิทธิประโยชน์ของประชาชนกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม เนื่องจากอำนาจต่อรองของเรายังไม่สามารถเจรจากับโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความหวังต่อ บอร์ดแพทย์ประกันสังคมชุดใหม่
เมื่อถามว่าตอนนี้มีความชัดเจนหรือยังว่ากลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าจะได้สัดส่วนในบอร์ดแพทย์ชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่จะหมดวาระ 28 ก.พ. นี้ รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน ทราบข้อมูลจากข่าวเช่นเดียวกับทุกท่านว่ามีแนวโน้มที่อาจมีผู้แทนผู้ประกันตนเข้าไปเพิ่มเติม โดยทีมประกันสังคมก้าวหน้าได้สื่อสารกับทางรัฐมนตรีไปแล้ว หวังว่าข้อเสนอนี้จะได้รับการพิจารณาอย่างเหมาะสม
ส่วนความคาดหวังต่อบอร์ดแพทย์ชุดใหม่นั้น รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่า ยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน เพราะขณะนี้ผู้แทนฝั่งผู้ประกันตนมีเพียง 6 คน และแม้เราจะได้รับการแต่งตั้งเพิ่มอีก 2 คน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าสมดุลของบอร์ดจะเป็นอย่างไร
“สิ่งที่เราคาดหวังคือ อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบการทำงานของบอร์ดแพทย์ เช่นเดียวกับที่เราต้องการให้ตรวจสอบบอร์ดประกันสังคมโดยรวม”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
เขาบอกว่า เคยเสนอแนวทางต่าง ๆ เช่น การรับยาใกล้บ้าน โดยอ้างอิงจากระบบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเสนอไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับจากบอร์ดแพทย์ว่าเป็นไปได้หรือไม่
ดังนั้น เรื่องนี้ต้องช่วยกันกดดัน เมื่อบอร์ดแพทย์ชุดใหม่เข้ามา เราหวังว่าจะสามารถสร้างมาตรฐานให้กับการทำงานของคณะกรรมการทุกชุดของสำนักงานประกันสังคม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในระยะยาว อยากเห็นประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดเพียงระบบเดียวสำหรับทุกคน โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นข้าราชการ ลูกจ้างโรงงาน หรือแรงงานอิสระ ไม่อยากเห็นใครต้องล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล
“ระบบที่ดีต้องสามารถดูแลประชาชนทุกคนอย่างเป็นธรรม เก็บรักษาชีวิตและความฝันของประชาชนได้ โดยไม่ต้องให้พวกเขาต้องเลือกระหว่างสุขภาพกับภาระค่าใช้จ่าย”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
เสนอแนวคิดผู้ประกันตนใช้สิทธิบัตรทอง
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 68 สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าผู้ประกันตนต้องการโอนไปใช้สิทธิ์บัตรทอง ทางกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมรับ มองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีหรือไม่ ? รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่า เป็นสัญญาณที่ดีเพราะแนวทางนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่นทางการเมืองสูงจากทั้งกระทรวงแรงงานและกระทรวงสาธารณสุข หากทุกฝ่ายมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน และพร้อมจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกันตน ก็น่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะรับผู้ประกันตนทั้งหมดเข้าสู่ระบบบัตรทอง ย่อมต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมปีละหลายหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ถ้าประกันสังคมต้องจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนที่ย้ายไปบัตรทอง โดยไม่มีแผนรองรับ (Exit Plan) ที่ดี โรงพยาบาลในเครือ สปสช. อาจไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับผู้ประกันตนทั้งหมด ดังนั้น เรื่องนี้ต้องการความร่วมมือและการวางแผนที่รอบคอบ
“ฝากถึงคุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ และคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ถ้าสามารถพูดคุยกันในระดับนโยบายและกำหนดแนวทางที่ชัดเจนได้ บอร์ดประกันสังคมก็จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น“ รศ.ษัษฐรัมย์ กล่าว
ถามต่อว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยหรือไม่ ที่ให้ผู้ประกันตนสามารถโอนสิทธิ์รักษาพยาบาลไปให้ สปสช. ดูแล รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่า สิทธิ์ของ สปสช. ควรเป็นสิทธิ์พื้นฐานที่ประชาชนทุกคนต้องมี แต่ปัจจุบัน เมื่อคุณเข้าสู่ระบบประกันสังคมโดยถูกหักเงินเดือนละ 750 บาท สิทธิ์บัตรทองของคุณจะถูกตัดไปโดยอัตโนมัติ และย้ายไปใช้สิทธิ์ประกันสังคมแทน ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหา
ถามอีกว่าหากผู้ประกันตนโอนไปใช้สิทธิ์บัตรทอง เงินสมทบของผู้ประกันตนก็ควรต้องตามไปด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น สปสช. อาจต้องรับภาระหลังแอ่น รศ.ษัษฐรัมย์ ตอบว่า การบริหารของทั้งสองระบบต่างกันโดยพื้นฐาน
- สปสช. บริหารผ่านงบประมาณภาษีของรัฐ และใช้ “การเข้าถึงบริการ” เป็นตัวชี้วัด ยิ่งมีคนมาใช้บริการมาก ยิ่งสะท้อนว่าระบบทำงานได้ดี
- ประกันสังคมใช้ระบบกองทุนสะสม เงินทุกบาทที่จ่ายออกไปต้องสมดุลกับเงินที่เก็บเข้ามา
การรวมสองระบบจึงต้องคิดให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่นเดียวกับ ช่วงเริ่มต้นของระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มีการถกเถียงเรื่องภาระงบประมาณและความสามารถในการให้บริการ
“โจทย์เรื่องแบกรับงบเยอะ หรือหลังแอ่น เป็นโจทย์การคิดจากเครื่องคิดเลขนำชีวิตคน ดังนั้น หากค่ารักษาประกันสังคมไปอยู่บัตรทอง คือต้องมีสิทธิท็อปอัปจากบัตรทอง”
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
ถามต่อว่า หากโอนสิทธิ์รักษาพยาบาลของผู้ประกันตนไปให้ สปสช. เงินที่ตามไปควรเป็นลักษณะใด รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่าเงินที่ตามไปควรเป็นสิทธิ์ในลักษณะ “Top-Up” หมายความว่า ผู้ประกันตนจะยังได้รับสิทธิ์รักษาพยาบาลพื้นฐานจาก สปสช. แต่ประกันสังคมจะให้สวัสดิการเพิ่มเติม เช่น ค่าพักฟื้น ค่ารักษาโรคเฉพาะทาง หรือค่าชดเชยรายได้ในกรณีพักรักษาตัว ตัวอย่างเช่น ระบบประกันสังคมของเยอรมนี
- ค่ารักษาพยาบาลพื้นฐานอาจดูแลโดยภาครัฐ
- ประกันสังคมดูแลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าเดินทางไปรักษาตัวในต่างจังหวัด หรือค่าพักฟื้นในกรณีที่แพทย์แนะนำ
หากออกแบบระบบ Top-Up ให้ดี ประกันสังคมก็จะสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพการรักษาได้ โดยไม่เกิดภาระเกินไปที่ สปสช.
เมื่อถามย้ำอีกว่า แล้วแนวทาง Top-Up นี้ จะสร้างความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพหรือไม่ รศ.ษัษฐรัมย์ บอกว่าการ Top-Up ควรเชื่อมโยงกับเรื่องอาชีพและการทำงาน เช่นเดียวกับที่ประกันสังคมมาตรา 40 ให้สิทธิ์ค่าชดเชยการเดินทางไปพบแพทย์ ค่าชดเชยเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือแม้แต่ค่าพักฟื้นที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่า Top-Up ไม่ได้หมายความว่าผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น แต่เป็นการใช้เงินจากกองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ประกันตนเอง