เสนอ รัฐบาล – สส. – กมธ.แรงงาน 2 สภา ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการการใช้งบฯ การบริหารจัดการ สำนักงานประกันสังคม เน้นโปร่งใส ขณะที่ ‘สส.ไอซ์-รักชนก’ ย้ำ ประกันสังคม ต้องเปิดเผยข้อมูล เข้าถึง ตรวจสอบได้ เร่งปฏิรูปสิทธิประโยชน์ สิทธิการรักษาเทียบเท่า ไม่ด้อยกว่าสิทธิบัตรทอง วอน นายกฯ – รมว.แรงงาน ลงมาดูแลด้วยตัวเอง
วันนี้ (27 ก.พ. 68) อรุณี ศรีโต ประธานศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งชาติ ในฐานะอดีตบอร์ดประกันสังคม พร้อมด้วยตัวแทนผู้ประกันตนทั้ง มาตรา 33, 39 และ 40 มอบดอกไม้ให้กำลังใจ รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน และโฆษกกรรมาธิการการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ

พร้อมยื่นหนังสือเสนอให้ตรวจสอบสำนักงานประกันสังคม กับการบริหารจัดการ และการใช้เงินประกันสังคม โดยในหนังสื่อที่ยื่นระบุว่า จากกระแสข่าวการใช้เงินกองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ ที่มีเงินสะสมกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยกองทุนประกันสังคม มีเงินเข้าราว ๆ 200,000 ล้านบาทต่อปี มีการใช้จ่ายหรือไหลออกปีละ 5,000 ล้านบาท
ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกปี ดูได้จากปี 2565 มีการจ่าย ประมาณ 5,332 ล้านบาท ปี 2566 มีรายจ่าย ที่ 6,614 บาท มีการจ่ายเงินเพิ่มขึ้น ถึง1,282 ล้านบาท ซึ่งการมีกองทุนประกันสังคม เกิดขึ้นจากการเรียกร้องของผู้ใช้แรงงาน นักวิชาการ และเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน รวมถึงเครือข่ายองค์กรนักศึกษา รวมถึงข้าราชการบางส่วนที่เห็นด้วยกับประเทศไทยต้องมีระบบการสร้างหลักประกันในชีวิตแบบเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข มีความมั่นคงในด้านสุขภาพ และยามชราภาพ เมื่อเกษียณอายุจากการทำงานในภาคเอกชนไปแล้ว
ที่ผ่านมากองทุนประกันสังคม ที่บริหารโดยราชการ (กระทรวงแรงงาน) มีสำนักงานประกันสังคม เป็นหน่วยบริหารจัดการ มีกรรมการบอร์ดประกันสังคม ที่มาจากการแต่งตั้งโดยกระทรวงแรงงานในการจัดการนโยบายและบริหารงาน ซึ่งผู้ใช้แรงงาน เครือข่ายนักวิชาการ เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรนักศึกษา โดยมองว่า เป็นองค์กรที่มีลักษณะ ไม่อิสระ อยู่ภายใต้การควบคุมของราชการ และนักการเมือง ที่ทำให้เกิดการตั้งคำถามอย่างน่าสงสัย เมื่อเกิดเหตุการณ์ข้อสงสัยในการใช้งบประมาณกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การจัดแลกเปลี่ยนดูงาน, การใช้งบประมาณในการผลิตสื่อสารสนเทศ, การอบรม สัมมนา, การลงทุนในกองทุนฯ และตราสารต่าง ๆ ที่สำคัญคือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ที่ต้องนำประเด็นการบริหาร จัดการ การใช้งบประมาณ ออกมาทำให้โปร่งใส

โดยเครือข่ายแรงงานสูงวัยฯ ในมาตรา 40 มาตรา 39 และมาตรา 33 มีข้อเสนอดังต่อไปนี้
1. ขอให้รัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการการแรงงาน ทั้ง 2 สภา เร่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการการใช้งบประมาณ อาทิ
- ทริปแลกเปลี่ยนดูงานของฝ่ายบริหาร และบอร์อดประกันสังคมทุกบอร์ด รวมถึงบอร์ดอนุประกันสังคมในชุดต่าง
- การตรวจสอบ ระบบ คอเซ็นเตอร์ ที่มีค่าใช้จ่าย หลัก 100 ล้านบาท รวมถึงค่าเช่าสถานที่ 50 ล้านบาท และตรวจสอบระบบเว็ป แอป ที่ใช้งบ 550 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายจัดหาระบบสารสนเทศเพื่อกำหนดนโยบาย 117 ล้านบาท
- การใช้งบประมาณการอบรม สัมมนา
- การใช้งบประชาสัมพันธ์ ปฏิทินประกันสังคม
2. เครือข่ายขอให้กำลังใจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง คณะกรรมการประกันสังคมที่มาจากการเลือกตั้งคณะกรรมาธิการการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล ประกันสังคมให้กับผู้ประกันตน แลประชาชนได้รับรู้ และหาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้กองทุนประกันสังคมซึ่งเป็นของผู้ใช้แรงงาน มีความโปร่งใส
3.ขอให้ระบบการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ยังต้องมีต่อไป ไม่เห็นด้วยกับการจะออกกฎหมายกลับไปใช้การแต่งตั้งบอร์ดประกันสังคมเหมือที่ผ่านมา อีกทั้งเครือข่ายแรงงานสูงวัยในประกันสังคมฯต้องการให้เลขาธิการประกันสังคมต้องมาจากการจ้างมืออาชีพเข้ามาทำงานบริหารและจัดการในสำนักงานประกันสังคมและกองทุนประกันสังคมในอนาคต
ขณะที่ รักชนก เปิดเผยว่า ต้องการผลักดันการแก้ปัญหาของสำนักงานประกันสังคม อีก 4 ประเด็น คือ
- การเปิดเผยข้อมูลของประกันสังคมให้โปร่งใส ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
- การปฏิรูปสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะสิทธิการรักษาที่ควรเทียบเท่า หรือ ไม่น้อยกว่าสิทธิบัตรทองของ สปสช. พร้อมฝากความคาดหวังไปถึงบอร์ดแพทย์ชุดใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้ให้สำเร็จ
- การปฏิรูปกองทุนประกันสังคมให้ออกจากการบริหารของระบบราชการ
- ฝากถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง
“ในอนาคตโมเดลของการเป็นองค์กรอิสระ อยากจะให้ประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระแบบไหน เพราะหากเป็นองค์กรอิสระแบบศาลรัฐธรรมนูญ หรือแบบ กกต. คิดว่าน่าเป็นห่วง เพราะว่าองค์กรอิสระในประเทศนี้ ถูกตั้งคำถามเยอะมากๆ ต้องดูว่าสัดส่วนของผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล ทำยังไงให้สมดุล เราอยากได้ผู้บริหารมาอย่างไร”
รักชนก ศรีนอก