บ้าน หรือ สนามรบ ? เมื่อ ‘สุขภาพจิต’ ถูกพราก จาก ‘ความรุนแรง’ ในครอบครัว

“ฉันไม่ได้มีค่ากับใครเลย”

เป็นประโยคที่ถูกเขียนไว้ในจดหมายลาตายของเด็กคนหนึ่งใน ภาพยนตร์เรื่อง “Time Still Turns the Pages บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย” เรื่องราวชีวิตของเด็กชายวัยเพียงแค่ 10 ขวบ แต่กลับต้องเผชิญกับแรงกดดัน การเพิกเฉย เปรียบเทียบ ถากถางด้วยถ้อยคำหยาบคาย และการทุบตีที่ เกิดจากคนในครอบครัว

ขณะที่ครูหนุ่มผู้ได้อ่านจดหมาย ก็หวนกลับไปเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีตที่ยังคงเป็นเงาติดตามตัวเขาจนถึงปัจจุบันเช่นกัน

ภาพยนตร์เรื่อง “Time Still Turns the Pages บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย”

ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนบริบทครอบครัวสังคมเอเชีย และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ถูกบอกต่อมากที่สุด เมื่อเข้าฉายในไทยปี 2567 จากสถานการณ์ โรคซึมเศร้า ที่มีปัจจัยมาจากความรุนแรงในครอบครัว ทว่าปัญหานี้คนในสังคมเอเชียไม่สามารถพูดกันได้ตรง ๆ เพราะถือเรื่องว่าเป็นเรื่องในครอบครัว

ปัจจุบันเด็กไทยเผชิญปัญหาสุขภาพจิตมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ทุก ๆ 1 ชั่วโมงจะมีคนพยายามฆ่าตัวตายถึง 4 คน โดยกลุ่มวัยเรียน วัยรุ่นอายุ 15 – 19 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการพยายามฆ่าตัวตายสูงที่สุดถึง 136.4 ต่อแสนประชากร จากปัญหาการเลี้ยงดู และความรุนแรงในครอบครัวทั้งทางตรงและทางอ้อม

“ถ้าให้พูดตอนนี้ ก็ยังจำรายละเอียดเหตุการณ์ตอนเด็ก ๆ ได้อยู่เลยนะ นับว่าเป็นบาดแผลในจิตใจถึงตอนนี้ด้วยเหมือนกัน”

ทนายแจมศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส. พรรคประชาชน ชวนย้อนถึงเหตุการณ์วัยเด็กที่ตนเอง และพี่ชายอยู่ในเหตุการณ์ที่พ่อ แม่ ทะเลาะกัน แม้ในวันนั้นเธอบอกว่าพ่อแม่อาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เห็น แต่เสียงที่ได้ยิน การทำร้ายร่างกาย กลายเป็นภาพติดตามาจนถึงปัจจุบัน และเป็นบาดแผลในจิตใจจนถึงตอนนี้

สำหรับเธอ การทำร้ายกันเพราะรัก จึงไม่ใช่สิ่งที่สมควรยอมรับได้ และจะไม่ทำให้การมองเห็นความรุนแรงเป็นเรื่องปกติส่งต่อไปถึงลูกของเธอ

ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคประชาชน

ขณะที่การทำงาน ทนายแจม ยังพบว่า เด็กตั้งแต่วัย 0-6 ขวบ ที่เกิดในครอบครัวที่มีพ่อแม่ใช้ความรุนแรง จะส่งผลสะเทือนต่อจิตใจเด็กด้วยเหมือนกัน หลายครั้งงานวิจัย ระบุว่า เด็กจะตั้งคำถามในตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของการทะเลาะกันของพ่อแม่ ลดทอนคุณค่าจนนำไปสู่การรู้สึกว่าตัวเองว่าไม่ควรจะต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เป็นหนึ่งอีกเหตุผลที่ทำให้เกิดการฆ่าตัวตายได้

หากเป็นเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงจากพ่อแม่ จะรู้สึกผิดต่อตัวเองว่าไม่ดีพอ ไม่ควรต้องอยู่บนโลกนี้ถึงได้โดนทำร้าย การฆ่าตัวตายจึงมีหลายเหตุผล แต่เหตุผลจากความรุนแรงในครอบครัว เป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายในอนาคตได้เหมือนกัน งานวิจัยผลกระทบของการถูกทำร้ายและทอดทิ้งในเด็ก ยังพบว่า เด็กมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล การเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นปัญหา ขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ อาจทำให้มีพัฒนาการที่ล่าช้าในช่วงวัยเด็ก

ลูกที่เติบโต ท่ามกลางสนามรบพ่อแม่

เพื่อหยุดการสูญเสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มองโลกอย่างมีความสุขหรือไม่มีความสุขนั้น สถาบันครอบครัว โดยเฉพาะพ่อ แม่ ถือเป็นส่วนสำคัญในการเป็นเบ้าหลอมให้กับลูกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่โลกไม่ได้ใจดีกับพ่อแม่ทุกคน ในหลายเหตุการณ์ความรุนแรงก็มีสารตั้งต้นมาจากความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ หรือถูกกระทำความรุนแรงมาตั้งแต่วัยเด็กด้วยเช่นกัน

ปัญหาความรุนแรงในคู่รัก (Intimate Partner Violence -IPV) ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ของโลกที่มีสถิติ ผู้หญิงถูกกระทำความรุนแรงทั้งด้านจิตใจ ทางร่างกาย และทางเพศมากที่สุด และยังปรากฏว่ามีความรุนแรงในครอบครัวอีกหลายกรณีที่ไม่ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์ ด้วยสาเหตุความหวาดกลัวต่อการถูกข่มขู่ คุกคาม หรือ ความอับอายไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวให้ผู้อื่นรับรู้

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงและเด็กหญิงที่มีอัตลักษณ์ทับซ้อน (Intersectionality) ยังมีความเปราะบางต่อการถูกกระทำความรุนแรงมากขึ้นเช่น เป็นเด็กหญิงกลุ่มชาติพันธุ์ที่พิการประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริการทางเพศ (sex worker) และติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น นอกจากนี้การแสวงหาประโยชน์และกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทางออนไลน์ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น

โดย ผู้หญิงไทยที่เคยเผชิญความรุนแรงจากคู่รัก (IPV) พบว่า ความชุกความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัว คิดเป็น 34.6% โดย 82.6% ไม่ไปขอความช่วยเหลือจากบุคคลหรือหน่วยงาน ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว” และพบความรุนแรงด้านจิตใจสูงสุด  32.3% รองลงมาคือ ทางร่างกาย 9.9% และทางเพศ 4.5% โดยมีผู้หญิงจำนวนมากไม่กล้าเปิดเผยว่าถูกกระทำความรุนแรง

แน่นอนว่าการอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ส่งผลต่ออารมณ์ ความเครียด และปัญหาสุขภาพจิต ผลการศึกษาในไทย Thai National Mental Health Survey 2013 พบว่า ผู้หญิงไทยที่เคยเผชิญความรุนแรงจากคู่รักตลอดความสัมพันธ์ มีแนวโน้มผิดปกติทางจิตเวชทั่วไป 28.9% และพฤติกรรมฆ่าตัวตาย 12.2% ขณะที่ผู้หญิงที่เคยถูกความรุนแรงทางเพศมีพฤติกรรมฆ่าตัวตาย 16.5% สูงกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยถูกกระทำความรุนแรง

ยุติปัญหาฆ่าตัวตาย ต้องไม่เพิกเฉยต่อปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

จากการรวบรวมข่าวความรุนแรงในครอบครัวที่เสนอผ่านสื่อในปี 2566 เกิดขึ้นจำนวน 1,086 ข่าว ในหลายระดับความรุนแรง

  • ทำร้ายกัน 39.9% เป็นเรื่องระหว่างสามี ภรรยามากที่สุดกว่า 1 ใน 3
  • ฆ่ากัน 35.7% เกือบครึ่งเกิดในคู่สามี-ภรรยา 
  • ฆ่าตัวตาย  19.6%

ความรุนแรงทางเพศของคนในครอบครัว  4.2% โดยเกิดระหว่างเครือญาติ พ่อเลี้ยงทำกับลูกเลี้ยง พ่อทำกับลูกแท้ ๆ กว่า 1 ใน 4

จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล อธิบายถึงสถิติดังกล่าวที่สัมพันธ์กับปัญหาการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และเกิดขึ้นได้กับผู้ชาย รวมถึงกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) ว่า จากหลายกรณีที่เข้ารับคำปรึกษากับมูลนิธิ บอกว่าตัวเองไม่มีทางออก และหากไม่มีพื้นที่ปลอดภัยได้พูดคุย มีความคิดที่จะคิดฆ่าตัวตาย ส่วนเด็กหลายคนพบมีปัญหาเรื่องความอบอุ่นในครอบครัว

จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล

มีหลายกรณีที่ศึกษาในระยะยาว พบว่าเด็กผู้ชายที่เห็นพ่อแม่ใช้ความรุนแรงในครอบครัว นำไปสู่การใช้ความรุนแรงต่อคู่รักในอนาคต หรือก่อเกิดอาชญากรรม เช่นเดียวกับศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชาย บ้านกาญจนาภิเษก ที่พบว่าเด็กส่วนใหญ่ในบ้าน มีผลมาจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

“หลายคนไม่ได้คิดฆ่าตัวตายอย่างเดียว บางครั้งต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงเหตุการณ์ หลายคนเป็นโรคซึมเศร้าจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ต้องไปหาจิตแพทย์ ซึ่งแนวโน้มการฆ่าตัวตายไม่ไม่ใช่แค่เคสผู้หญิงอย่างเดียว ผู้ชายหลายคนพอทำความรุนแรงแล้วก็กลัวว่าตัวเองมีความผิดก็ไปฆ่าตัวตายด้วยเหมือนกัน”

จะเด็จ เชาวน์วิไล

เพื่อยุติปัญหานี้ ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มองว่า จำเป็นต้องมีกฎหมาย และฟื้นกลไกเยียวยา เพื่อหยุดยั้งปัญหา และกระตุ้นคนในสังคมให้เห็นว่าความรุนแรงในครอบครัว สามารถนำไปสู่การการฆ่าตัวตายได้

สอดคล้องกับความเห็นของ ศศินันท์ ที่เสนอว่า นอกจากการพูดถึงการเข้าถึงสวัสดิการการรักษา เช่น ยาที่มีคุณภาพ การมีกฎหมายที่เป็นหลังพิงให้กับคนที่ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศ เช่น ร่างกฎหมายคุกคามทางเพศ ที่เพิ่งผ่านสภาไป จะช่วยให้คนเข้าใจเรื่องความรุนแรงทางเพศมากขึ้น

แต่ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว กฎหมายที่ใช้อยู่อาจจะยังไม่ปกป้องผู้ถูกกระทำความรุนแรง ซึ่งเวลานี้ภาคประชาชนกำลังจะเสนอ ร่างกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวฉบับประชาชน ซึ่งเวลานี้มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนการเสนอร่างกฎหมายนี้แล้ว 26,729 รายชื่อ และเตรียมยื่นร่างกฎหมายพร้อมรายชื่อต่อสภาฯ ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะทำให้สังคมเข้าใจถึงความรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น เช่น การขยายคำนิยามของความรุนแรงในครอบครัว ที่มากกว่าแค่ความรุนแรงทางกาย แต่มีเรื่องความรุนแรงทางจิตใจ ความรุนแรงทางเศรษฐกิจต่างๆ

โดยองค์การอนามัยโลกเคยระบุว่า เพียง 1 ชีวิตที่จากไปด้วยการฆ่าตัวตาย ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างน้อย 6 คน ทั้งพ่อแม่ คู่ครอง ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิท ซึ่งหลายคนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า และอาจฆ่าตัวตายตาม

วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day) ที่เพิ่งผ่านไป (10 ก.ย.) เพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักรู้เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย และการป้องกันการฆ่าตัวตาย การเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขที่ครอบคลุมกับทุกกลุ่มโรคอาการ

เช่นเดียวกับต้นเหตุของความเจ็บป่วยทางใจ แล้วแต่ผู้คนจะประสบพบเจอกับเหตุการณ์ในชีวิต ทุกการกระทำของคนใกล้ชิด หรือแม้แต่การตัดสิน ด้อยค่ากันในสื่อสังคมออนไลน์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนส่งผลต่อการใช้ชีวิต

แน่นอนว่าการสร้างครอบครัวในยุคปัจจุบันนั้นไม่ง่ายดายสำหรับทุกครอบครัว แม้คุณไม่สามารถประครองสถานการณ์ที่เป็นดั่งสนามรบ ให้เป็นกลายเป็น สนามรักได้ แต่คงดีไม่น้อยหากสามารถ เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กันและกันในยามที่คนในครอบครัวมีปัญหา ยุติการส่งต่อความรุนแรงกับเด็กที่จะเติบโตขึ้นไปใช้ชีวิตพบเจอคนอื่น ๆ บนโลกที่ท้าทายใบนี้ มีความเห็นอกเห็นใจ รู้สึกรู้สาต่อความเจ็บป่วยของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

อย่างน้อย ก็ก่อนที่คุณจะได้พบ “จดหมายลาตาย” ของคนที่คุณรัก หรือรู้จัก

Author

Alternative Text
AUTHOR

รุ่งโรจน์ สมบุญเก่า

หนุ่มหน้ามนต์คนบางเลน สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ชื่นชอบอนิเมะ ทั้งสัตว์บกสัตว์ทะเลล้วนเป็นเพื่อน