Gelephu Mindfulness City ‘ภูฏาน’ บนความท้าทาย ‘เมืองแห่งสติ’ : ดาโช เชริง โตบเกย์ (Dasho Tshering Tobgay)

ปี 2024 เป็นครั้งแรก ที่โลกได้รู้จักกับ Gelephu Mindfulness City หรือ เมืองแห่งสติ เมกะโปรเจก์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ราว 2,600 ตารางกิโลเมตร เขตการปกครองพิเศษที่ตั้งบนผืนป่าบริสุทธิ์และพื้นที่ทางเกษตรกรรม และเป็นภาพฝัน ของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ บนสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยไม่หลงลืมจิตวิญญาณ ณ เมืองเกเลปู ประเทศภูฏาน

ในครั้งนั้น ดาโช เชริง โตบเกย์ (Dasho Tshering Tobgay) นายกรัฐมนตรีภูฏาน ได้พูดถึงการประกาศก่อตั้ง เมืองแห่งสติอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ บน เวทีประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 79 (UNGA79) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ บนแนวคิดต้นแบบที่เชื่อมโยงกับ “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness, GNH) ซึ่งเป็นนโยบายหลักของประเทศ

ดาโช เชริง โตบเกย์ (Dasho Tshering Tobgay) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน

และอีกครั้ง ที่แนวคิดเมืองแห่งสตินี้ ถูกนำเสนอบนเวทีระดับโลกอย่าง Bhutan Innovation Forum 2024 ณ เมืองปาโร ประเทศภูฏาน ในฐานะส่วนหนึ่งของ GNH รุ่นใหม่ (GNH 2.0) ที่ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความสุขมวลรวมของคนในชาติ

ความเป็นไปได้และแนวทางปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงทั่วโลก ถูกอธิบายถึงรูปธรรมที่จับต้องได้ของเมืองแห่งสตินี้ เช่น การออกแบบสนามบินด้วยวัสดุท้องถิ่น การจัดการระบบนิเวศทางธรรมชาติ กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการออกแบบเมืองโดยเน้นเพิ่มคุณภาพชีวิตของมนุษย์ แทนการถูกครอบงำด้วยเทคโนโลยี เอไอ และโซเชียล มีเดีย 

ความมุ่งมั่นระยะยาวของภูฏานในครั้งนี้ สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหม่กับโลก ดึงดูดนักลงทุนและผู้นำระดับโลก ให้มาร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ในโลกผันผวน ณ เมืองแแห่งสติ แห่งนี้

The Active มีโอกาสได้เปิดมุมมอง และสัมภาษณ์แบบ Exclusive ดาโช เชริง โตบเกย์ (Dasho Tshering Tobgay) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ถึงความเปลี่ยนแปลงตลอด 53 ปี ของนโยบาย “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” สู่ การผลักดันแนวคิดสร้าง “เมืองแห่งสติ” (Gelephu Mindfulness City) 

เพราะนี้คือการปรับตัวครั้งสำคัญของภูฏาน ที่กำลังทะยานสู่การเป็นเมืองต้นแห่งสติและจิตวิญญาณ ของล้ำค่าที่ผู้คนทั่วโลกต่างแสวงหาในยุคสมัยใหม่ และอาจกำลังเปลี่ยนนิยามของการพัฒนาแห่งศตวรรษที่ 21 ไปตลอดกาล

53 ปี นโยบาย ความสุขมวลรวมประชาชาติ วันนี้…ภูฏานเป็นอย่างไร ?

ที่ผ่านมา ภูฏานใช้ ความสุขมวลรวมประชาชาติ GNH (Gross National Happiness) เป็นปรัชญาพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ ซึ่ง ดาโช เชริง โตบเกย์ เน้นไปที่ความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยมีสมดุลระหว่าง การเติบโตทางเศรศฐกิจ สังคม การอนุรักษ์วัฒนธรรม การรักษาสิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาล

ในช่วงกว่า 50 ปี ที่ผ่านมานี้ GNH ถูกพัฒนามาไกลมาก ทุกสิ่งที่เห็นในภูฏานวันนี้ ล้วนเป็นผลพวงมาจากนโยบายความสุขมวลรวมประชาชาติทั้งสิ้น

เราได้เห็นประชาชนชาวภูฏาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมา สุขภาพดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา จากที่ประชาชนเคยมีอายุขัยเฉลี่ยที่ 40 ปี แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 72 ปี หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า และมีอัตราการเสียชีวิตลดลง นั่นเพราะเรามีระบบสาธารณสุขฟรีทั่วประเทศ

เรื่องของการศึกษาก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมา นโยบาย GNH ให้คนเข้าถึงการศึกษาฟรีและมีคุณภาพ ทำให้มีอัตราการรู้หนังสือเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

พูดง่าย ๆ คือ ในระยะเวลาเพียงหนึ่งช่วงอายุคน ภูฏานมีเยาวชนที่รู้หนังสือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเพียงแค่ 16% เป็น 99% ในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับด้านวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ ที่ทำให้เรายังคงมีค่านิยมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ภูฏานเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity hotspot) ยังคงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน ปลา แมลง และนกนานาชนิดที่หายาก

สิ่งแวดล้อมทั้งหมดของเรายังคงถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และมีมากกว่า 50% ของพื้นที่ประเทศที่เป็นเขตป่าไม้ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฏหมาย และหากรวมถึงพื้นที่อนุรักษ์ เขตสงวนพันธ์ุสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ จะพบว่า ภูฏานมีพื้นที่ผืนป่าปกคลุมกว่า 70%

นอกจากนี้ ภูฏานยังเป็นประเทศที่มีการปล่อยคาร์บอนติดลบ (Carbon Negative) คือ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากกว่าที่ปล่อยออกไปถึง 6 เท่าต่อปี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรามีบทบาทสำคัญในเวที COP (Conference of the Partie – การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ด้วย

ดังนั้น ผู้คนในภูฏานตอนนี้จึงมีสุขภาพดี มีการศึกษา และมีชีวิตที่ยืนยาว ทั้งหมดนี้เป็นการเก็บเกี่ยวผลลัพท์จาก GNH ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความเป็นอยู่ทีดีของมนุษย์ การเติบโตทางเศรษกิจ และสิ่งแวดล้อม แต่สำคัญที่สุด คือการมีธรรมาภิบาลที่ดี

“ท้ายที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องมีธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อให้แน่ใจว่าความต้องการของประชาชนจะได้รับการตอบสนอง เพื่อให้หลักการของ GNH ถูกนำไปใช้จริง และให้ผลลัพธ์เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยั่งยืน”

ดาโช เชริง โตบเกย์

และแม้ในด้านธรรมาภิบาล ภูฏานจะบรรลุเป้าหมายหลายอย่างแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมีระบอบประชาธิปไตย

ระบอบประชาธิปไตยในภูฏาน วันนี้เป็นอย่างไร ?

นายกรัฐมนตรีภูฏาน อธิบายว่า ระบอบประชาธิปไตยของภูฏานไม่ได้เกิดจากการลุกฮือต่อสู้ของประชาชน ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้ง หรือสงครามการเมือง แต่เป็นประชาธิปไตยที่ “พระมหากษัตริย์ทรงมอบให้”

“ในวันนี้ เรามีประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวา เรามีสถาบันต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างครบถ้วน อันเนื่องมาจากวิสัยทัศน์อันลึกซึ้ง
ของราชวงศ์ ที่มอบ GNH ให้แก่พวกเรา”

ดาโช เชริง โตบเกย์

แม้วันนี้ เรายังมีเศรษฐกิจที่เล็ก โดยมีขนาดประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรอยู่ที่เกือบ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน

ถึงเราจะมีเศรษฐกิจที่เล็ก แต่ก็เติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ภูฏานมีเศรษฐกิจที่ขนาดเพิ่มกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดมาจากจากการใช้ GNH ในการพัฒนาประเทศ 

“นี่จึงถือเป็นของขวัญจากพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 4 (A Gift From The Great Fourth) หรือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเก วังชุก (King Jigme Singye Wangchuck)”

ดาโช เชริง โตบเกย์

53 ปี GNH วันนี้…เยาวชน คนรุ่นใหม่ในภูฏานยังเชื่อมั่นอยู่หรือไม่ ?

ระบบการศึกษาในภูฏานตอนนี้ ดาโช เชริง โตบเกย์ ชี้ให้เห็นว่า มีการเรียนการสอน เรื่อง GNH อย่างเป็นระบบ มีการส่งเสริมให้เยาวชน และนักเรียนในโรงเรียนพูดคุย ถกเถียง แลกเปลี่ยนเรื่อง GNH กันอย่างกว้างขวาง ทั้งในที่โรงเรียน กับเพื่อน ๆ ครู หรือพ่อแม่

และยังส่งเสริมให้ครูผู้สอนร่วมคิดด้วยว่า GNH หมายถึงอะไร ทั้งในแง่ของปรัชญา ในฐานะนโยบาย หรือแม้กระทั่งในฐานะอัตลักษณ์ของชาติ

สำหรับเยาวชนชาวภูฏานแล้ว GNH แทบจะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ เขาจะสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับแนวคิดดังกล่าวได้ พร้อม ๆ กับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจ และสามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในมิติต่าง ๆ ของชีวิตได้อย่างแท้จริง

ภูฏาน กับงานประชุมวิชาการนานาชาติ Bhutan Meditation Conference 2025 ทำไม ? จึงเห็นความสำคัญ

ในยุคสมัยนี้ ผู้คนและสังคมทั่งโลกสามารถมีปฏิสัมพันธ์เชื่อมโยงกันได้มากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน เช่นเดียวกับภูฏาน ที่ไม่ได้ดำรงอยู่เพียงลำพัง หรือแยกขาดจากโลกภายนอก

แม้ว่าภูฏานจะมีวิถีดั้งเดิมเกี่ยวกับเรื่องทางจิตวิญญาณและการทำสมาธิอยู่แล้ว แต่ ดาโช เชริง โตบเกย์ ก็ยอมรับว่า ยังมีโอกาสอีกมากมายจากโลกข้างนอกที่ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ แบ่งปัน ความรู้ ประสบการณ์ และเรื่องเล่าจากผู้คนทั่วโลก

การประชุมนี้มีหลายแง่มุม เช่น การสร้างสมดุลระหว่าง จิตใจและเทคโนโลยี กระทั่ง สมดุลระหว่าง สติ-สมาธิ และปัญญาประดิษฐ์

จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเราที่จะมีเวทีที่สามารถแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ของแต่ละคน รวมถึงสร้างตวามร่วมมือในการช่วยเหลือกันและกัน เพื่อใช้สมาธิในการยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่เพียงแต่ในระดับบุคคลเท่านั้น แต่รวมไปถึงในระดับสังคม ระดับประเทศ และรวมไปถึงในระดับโลกด้วย

ที่มาของแนวคิดโครงการระดับชาติ ‘Gelepu Mindfulness City’ หรือ ‘เมืองแห่งสติ’ ?

เมืองแห่งสติ (Gelepu Mindfulness City) นี้จะเป็น เขตการปกครองพิเศษ (Special Administrative Region) สิ่งแรกที่อยากให้เข้าใจคือ แนวคิดแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

นายกรัฐมนตรีภูฏาน อธิบายว่า เมืองนี้จะมีรัฐบาล มีกฏหมาย และมีระบบตุลาการเป็นของตนเอง กล่าวคือ เมืองนี้จะมีระบบบริหารจัดการตนเองอย่างอิสระ เพื่อจะทำให้เราสามารถเร่งรัดดำเนินการตามแนวคิดต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากพื้นที่ในอื่น ๆ ของประเทศ

ด้วยสิ่งเหล่านี้เอง จะทำให้แนวคิดใหม่ ๆ อย่างด้านปรัชญา การพัฒนา หรือเศรษศาสตร์สามารถได้มีพิ้นที่ทดลองและลงมือทำได้อย่างรวดเร็วในเมืองแห่งนี้

“เราได้พูดคุยกับนักลงทุนหลายรายที่ต้องการสถานที่ที่ให้ทั้งความสงบ ความปลอดภัย และความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ที่สามารถลงทุนทำธุรกิจได้ และสร้างรายได้อย่างมั่นคง แต่สำหรับเมืองแห่งสตินี้ นักลงทุนต้องทำธุรกิจโดยยึดตามหลักการของ ความสุขมวลรวมประชาชาติ

ดาโช เชริง โตบเกย์

ในรูปแบบที่มีสติ ยั่งยืน รอบคอบ และใส่ใจในการฟื้นฟู ด้วยแนวทางที่หลายคนเรียกว่า “ทุนนิยมอย่างมีสติ” (Mindful Capitalism)

เรามองว่า เมืองแห่งสติ นี้คือ การเดินทาง ตอนนี้การเดินทางได้เริ่มขึ้นแล้ว และเราไม่ได้มองว่ามันจะเสร็จสมบูรณ์ในทันที 

แต่เมื่อแล้วเสร็จ เมืองแห่งนี้จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศในวันนี้เท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์ต่อ อนาคต และลูกหลานของเราในอนาคตด้วย ไม่ว ทั่วทั้งภูมิภาคด้วย คือศาสนาพุทธลูกหลาน ในวันข้างหน้า 

“สิ่งนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศภูฏาน หรือพระพุทธศาสนาเพียงในปัจจุบันหรืออนาคตเท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภูมิภาค และเราเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จของโครงการเมืองแห่งสติ นี้จะส่งผลดีต่อทั้งภูมิภาคเอเชีย และระดับโลกด้วย

ดาโช เชริง โตบเกย์

‘เมืองแห่งสติ’ จะไม่ใช่แค่เมืองแห่งการท่องเที่ยว-ลงทุน ที่หลงลืมหลักการและจิตวิญญาณ ?

ถ้ามืองแห่งสตินี้ ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงกดดันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ดาโช เชริง โตบเกย์ ก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว เมืองนี้จะเป็นแค่เมืองธรรมดาทั่วไป ไม่ต่างอะไรจากที่อื่น (แม้จะถูกเรียกว่า สติ แต่ไร้ความหมายที่แท้จริง)

แต่หากเราน้อมนำตามพระราชวิสัยทัศน์ขององค์พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง ด้วยการยึดถือพระปรีชาญาณ และการทรงเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

“เมืองนี้จะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยทุนนิยมแบบไร้สำนึก หรือทุนนิยม แต่ขับเคลื่อนด้วยหลักการของความสุขมวลรวมประชาติ ที่หยั่งรากลึกในเรื่องของความมีสติ ความยั่งยืน การอนุรักษ์ และจิตวิญญาณ”

ดาโช เชริง โตบเกย์

ตราบใดที่เรายึดมั่นต่อวิสัยทัศน์นี้ เมืองแห่งสติจะกลายเป็นแสงสว่าง และเป็นแบบอย่างให้กับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก

‘เมืองแห่งสติ’ ทำไม ? ต้องที่ ภูฏาน

ทุกประเทศทั่วโลก สามารถเป็น สถานที่ที่ถูกต้อง ได้ทั้งสิ้น รวมถึงภูฏานเองเช่นกัน ภูฏานมีรากฐานเรื่องพุทธศาสนา จิตวิญญาณ  และมีประเพณีเรื่องการภาวนา สมาธิ และสติมาอย่างยาวนาน รวมถึงการใช้ปรัชญาเรื่อง ความสุขมวลรวมประชาชาติด้วย ดังนั้น ภูฏานจึงเป็นสถานที่หนึ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

รวมถึงการมีพระราชาผู้ทรงธรรม ที่มีวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ ในการสนับสนุนให้ก่อตั้งเมืองใหม่ที่ใช้รากฐานจากหลัก “สติ ความยั่งยืน และจิตวิญญาณ” และอุดมคติของความสุขมวลรวมประชาชาติ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ภูฏาน มีความเป็นไปได้มากกว่าที่อื่น

ประเทศไทย และทั่วโลก จะเรียนรู้อะไร ? จากแนวคิดของภูฏาน

แนวคิดเรื่องสตินี้ ประเทศไทย ไม่ได้เรียนรู้จากภูฏานแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ไทยกับภูฏานกำลัง “เรียนรู้ไปด้วยกัน” 

นายกรัฐมนตรีภูฏาน ย้ำว่า เราทั้ง 2 ประเทศ ต่างมีรากเหง้าจากประเพณีโบราณ ที่หยั่งรากลึกในจิตวิญญาณ ที่มีต้นกำเนิดจากพระพุทธเจ้า แม้เราจะมีรากฐานร่วมกัน แต่เติบโตแยกจากกันตามเส้นทางและบริบทของตัวเอง

เห็นได้จากแนวทางการฝึกสติและสมาธิในประเทศไทยและภูฏานมีความคล้ายคลึง แต่อาจมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง สิ่งสำคัญ คือ ขอให้เราเปิดใจมาพบกัน เรียนรู้กันและกัน และร่วมสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าร่วมกัน เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก

แนวคิดเหล่านี้ ใช้ได้กับในประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย ในทุกวัฒนธรรมและความเชื่อ ไม่เฉพาะในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้น ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราพยายามสื่อสาร ผ่านการประชุม Bhutan Meditation Conference ที่ผ่านมานี้ด้วย

“แนวคิดเรื่อง เมืองแห่งสติ สิ่งเดียวที่เราอยากจะบอกคือ ขอให้คุณลองมาเยือน ลองมาฟังเสียงผู้คน หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ด้วยตัวของคุณเอง คุณจะเข้าใจมันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

ดาโช เชริง โตบเกย์

ถึงตรงนี้ นายกรัฐมนตรีภูฏาน ฝากทิ้งท้ายสำหรับใครที่มีแนวคิดในการพัฒนาเมืองที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพชีวิตของผู้คน ธรรมชาติ และการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ เศรษฐกิจที่มีสติ (Mindful Economic Growth) เราขอเชิญคุณมาแบ่งปันมุมมองและแรงบันดาลใจกับเรา

และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแนวทางการลงทุนที่ยั่งยืน เป็นธรรม และขับเคลื่อนด้วยสติ เมืองแห่งสติ แห่งนี้ กำลังรอให้คุณเข้ามาค้นพบโอกาสเช่นกัน


Author

Alternative Text
AUTHOR

ปุณยอาภา ศรีคิรินทร์

บุญคุณต้องทดแทน มนต์แคนต้องแก่นคูน