วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม และตุลาคมในทุกปี ถือเป็น วันนกอพยพโลก
The Active พาสำรวจความหมายการมีอยู่ของ นก ผ่านงานวิจัยเชิงมานุษยวิทยาที่เปิดมุมมองใหม่ว่า
“นกไม่ใช่เพียงสิ่งมีชีวิตที่รอให้เราสังเกต แต่คือผู้ร่วมสร้างความรู้ และความเข้าใจโลกในสมัยใหม่ให้กับมนุษย์”
เมื่อ นกชายเลนปากช้อน อพยพมาถึงนาเกลือ บ้านปากนาเกลือ จังหวัดเพชรบุรี ชาวนาเกลือท้องถิ่นไม่จำเป็นต้องเห็นชัดเจนด้วยตา พวกเขารู้ได้จาก เสียง และจาก การกระดกตัว ที่ไกลลิบ “เขารู้นะ ว่านกชายเลนปากช้อนอพยพมาแล้ว ฟังเสียง เห็นมันกระดก ๆ ตัว เขาก็รู้แล้ว“

นกชายเลนปากช้อน จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสถานภาพ ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered : CR) ทั้งในมาตรวัดระดับโลก (IUCN Red List) และในประเทศไทย เพิ่มความสำคัญของการศึกษา การทำความเข้าใจสิ่งมีชีวิตติดปีกเหล่านี้
“เหมือนมันง่าย แต่จริง ๆ มันไม่ง่าย”
ชนาง อำภารักษ์ นักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกเล่าการดูนกจากการศึกษาภาคสนามของเธอ
ในขณะเดียวกัน รอบสนามบินเชียงใหม่ ผศ.ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ อาจารย์ประจำภาควิชาสื่อศิลปะ และการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังเงี่ยหูฟังเสียงนกท่ามกลางเสียงเครื่องบิน
“ผมไม่ต้องการหาเสียงของนก แต่อยากทำความเข้าใจเสียงที่มันร้องร่วมกับเสียงมนุษย์และเครื่องบิน”
ผศ.ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
เขาอธิบายถึงโครงการวิจัยที่ผสมผสานมานุษยวิทยา การศึกษาเสียง และนิเวศวิทยานก เข้าด้วยกัน
2 งานวิจัยนี้ ถึงแม้จะอยู่คนละพื้นที่ มีวิธีการต่างกัน แต่กลับชี้ให้เห็นข้อคิดสำคัญประการเดียวกัน คือ การมีอยู่ของนกไม่ใช่แค่วัตถุรอการศึกษา แต่เป็นผู้ร่วมสร้างความรู้ ผู้กำหนดภูมิทัศน์ และผู้ที่บีบบังคับให้เราต้องขยายความเข้าใจเรื่อง ความรู้ ออกไปจากกรอบวิทยาศาสตร์กระแสหลัก

เมื่อร่างกายรู้มากกว่าภาพถ่าย
ในโลกของการศึกษานกแบบดั้งเดิม ภาพถ่ายคมชัด คือ หลักฐานสูงสุด แต่ในนาเกลือที่แสงจ้าแดดฉาย นกบินไปมา และพื้นที่เปิดกว้าง ก็เป็นความท้าทายของผู้ชื่นชอบการดูนก
“ถ้าเห็นภาพถ่ายย้อนแสงตอนกลางวัน จริง ๆ มันมีหลายชนิดและหากินบนนาเกลือ แต่มันแยกสายพันธุ์ได้ยากมาก”
ชนาง อำภารักษ์ บรรยายภาพ
ในวงการดูนก มีคำเรียกความสามารถพิเศษนี้ว่า “Jizz” แปลเป็นไทยว่า ความรู้สึกจำเพาะส่วนตัว ความประทับใจโดยรวมที่ทำให้สามารถจำแนกนกได้โดยไม่ต้องเห็นชัดเจน
“เหมือนเราจำแนกเพื่อนได้จากที่ไกล ๆ ไม่ต้องเห็นหน้า แม้เห็นรายละเอียดไม่ชัด”
นี่คือสิ่งที่ ชนาง เรียกว่า Embodied Knowledge ตามแนวคิดของ ดอนนา ฮาราเวย์ ความรู้ที่ฝังอยู่ในร่างกาย เกิดจากประสบการณ์การปฏิบัติจริงในพื้นที่
“แม้ความรู้นี้มีประสิทธิภาพสูงมากในสนาม ผู้เชี่ยวชาญทุกคนใช้วิธีนี้โดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ได้การยอมรับในระบบวิทยาศาสตร์ ที่ต้องตรวจสอบได้ด้วยหลักฐานอย่างภาพหรือเสียง”
ชนาง อำภารักษ์
นี่คือความตึงเครียดที่งานวิจัยชี้ให้เห็น ความขัดแย้งระหว่างความรู้ในสนามที่ชาวนาเกลือ และนักดูนกมีอยู่จริง กับระบบวิชาการที่ยอมรับเฉพาะสิ่งที่วัดผลได้ด้วยเทคโนโลยี
เทคโนโลยีกับการครอบครองทางสายตา
เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ชนาง ชี้ให้เห็นว่ากล้อง กล้องส่องทางไกล และเลนส์เทเลโฟโต้ ไม่ได้แค่ช่วยให้เห็นชัดขึ้น แต่เป็นการสร้าง Way of Seeing วิธีการมองแบบหนึ่งที่ครอบครองนกทางสายตา โดยไม่รู้ตัว
“เรากำหนดท่าทางของนกในการนำเสนอ ไม่ใช่ว่านกเป็นนางแบบ แต่เป็นการที่เราถ่ายรัว ๆ แล้วมาเลือก ว่าภาพไหนเป็นภาพมาตรฐานใช้อ้างอิงได้”
ชนาง อำภารักษ์

ในคู่มือดูนก นกทุกตัวถูกนำเสนอในท่าที่เห็นปลายปากชัดเจน ซึ่งคือสิ่งที่ใช้จำแนก ทำให้ภาพเหล่านี้ ถูกยอมรับในเชิงวิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือการศึกษา และกลายเป็นรูปแบบจัดข้อมูลมาตรฐานสากล
แต่เทคโนโลยีไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาพ การบันทึกและแปลงเสียงนกเป็น Spectrogram (กราฟแสดงความถี่และความดัง) ทำให้เสียงกลายเป็นสิ่งที่ มองเห็น ทำซ้ำ และเปรียบเทียบได้ นักวิจัยจำแนกนกได้แม่นยำมาก เห็นรายละเอียดที่ไม่ได้ยินด้วยหู
บนเว็บไซต์ e-bird ซึ่งเป็นฐานข้อมูลนกระดับโลก ภาพและเสียงปรากฏคู่กันเสมอในงานอนุรักษ์และศึกษานก นี่คือการที่วิทยาศาสตร์กระแสหลักยอมรับเฉพาะความรู้ที่ผ่านการถอดรหัสด้วยเทคโนโลยี
เมื่อนกไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ
ผศ.ศรยุทธ นำเสนอแนวทาง ปักษามานุษยวิทยา (Avian Anthropology) ที่ มุ่งมั่นเข้าใจความมีอยู่ของนก ที่มีมนุษย์เป็นตัวแปร ภายใต้กรอบ multispecies ethnography หรือ หลากสายพันธุ์นิพนธ์
“นกเป็นผู้กระทำการ ดำรงอยู่ และรับรู้ กำหนดภูมิทัศน์ของเสียง ในการตอบสนองและปรับตามมนุษย์รอบสนามบิน”
ผศ.ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
เขาใช้แนวคิด acoustemology (ความรู้ที่เกิดจากเสียง) เป็นวิธีเข้าใจโลกผ่านนก ระดับเสียง จังหวะนก ตอบสนองมนุษย์และเครื่องจักร และนำเสนอคำว่า sonic companion species (มิตรสหายต่างสายพันธุ์ผ่านเสียง) ที่ดัดแปลงมาจากแนวคิดของดอนนา ฮาราเวย์ เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างนก เครื่องจักร และมนุษย์
“นกอยู่ท่ามกลางมลภาวะทางเสียงจริง แต่นกไม่ได้เป็นผู้ถูกกระทำ”
ผศ.ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ เน้นย้ำ
งานวิจัยของ ผศ.ศรยุทธ ยังชี้ให้เห็นว่า นกกำลัง วาดแผนที่ขึ้นมาใหม่ ปรับเปลี่ยนการร้อง การสื่อสาร เพื่อตอบสนองต่อภูมิทัศน์เสียงที่เปลี่ยนไป
“ความเงียบก็สะท้อนความผิดปกติ” เมื่อนกเงียบ ผศ.ศรยุทธ คิดว่า นั่นคือการวิพากษ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
การฟังอย่างมีส่วนร่วมที่ ผศ.ศรยุทธ ใช้ ไม่ได้มองเสียงเป็น “ข้อมูลดิบให้มาตีความ แต่เป็นสื่อที่ก่อรูปขึ้นมาใหม่” มันเป็นการเปิดการรับรู้ทางประสาทสัมผัสว่า “เราจะรับรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
ความรู้เกิดจากการได้สัมผัส
ชนาง จึงสรุปว่า “ความรู้เกิดจากร่างกาย เทคโนโลยี และภูมิทัศน์ ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง” นี่คือสิ่งที่เธอเรียกว่า multi-sensory epistemology หรือ ญาณวิทยาหลายประสาทสัมผัสที่ผสานเข้าด้วยกัน
เมื่อชาวนาเกลือบอกว่า “เขาไม่ใช่นักวิชาการ เขาเป็นคนทำนาเกลือที่ชอบดูนกเฉย ๆ” แต่ความจริงคือ “นกคุ้น นกชิน และกล้าเข้าใกล้พวกเขามากกว่าคนอื่น” เขาได้ภาพและมุมที่นักวิชาการไม่สามารถเข้าถึงได้ นี่ไม่ใช่ว่าความรู้ของเขาด้อยกว่า แต่เป็น “สถานะความรู้ที่ต่างกัน เพราะเทคโนโลยีและวิชาการ”
ความรู้ในสนามเป็น “การฝึกผ่านความไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน ผ่านประสบการณ์ในภูมิทัศน์เฉพาะ” คนในสนามเชี่ยวชาญมากอยู่แล้ว แต่ระบบวิชาการไม่ยอมรับ เพราะมันวัดผลไม่ได้
“แม้เทคโนโลยีแม่นยำ แต่ตัวแปรควบคุมไม่ได้ การเคลื่อนไหวของนกนับพัน ระยะห่าง ภาพในสนามมักไม่อยู่ในกรอบของภาพมาตรฐาน”
วันนกอพยพโลก 2025
วันนกอพยพโลก ช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของนกอพยพและภัยคุกคามที่พวกมันต้องเผชิญ เหมือนกับงานวิจัยทั้ง 2 ชิ้นนี้ที่เตือนให้เราตระหนักว่า นกไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตที่สวยงามหรือน่าสงสาร พวกมันคือผู้ร่วมอาศัยบนโลกที่เราก็พึ่งพิงอยู่
เมื่อนกชายเลนปากช้อนอพยพมาจากรัสเซีย พวกมันไม่ได้แค่มาหากิน “มันกลับตอนมันอิ่ม หรือฝนเริ่มตก ถ้าตกเมษาต่อกัน ก็เริ่มอพยพกลับรัสเซีย” การเคลื่อนไหวของพวกเขาบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ของสภาพภูมิอากาศ ของระบบนิเวศทั้งหมด
เมื่อนกรอบสนามบินปรับเปลี่ยนเสียงร้อง พวกมันกำลังบอกเราถึงผลกระทบของการพัฒนา ของเสียง ของการเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์สร้างขึ้น และเมื่อนกเงียบ นั่นคือสัญญาณเตือนที่ดังกว่าเสียงร้องใด ๆ
การศึกษานกในแบบมานุษยวิทยา จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มความรู้เกี่ยวกับนก แต่เป็นการท้าทายให้เราคิดใหม่ว่า ความรู้ คืออะไร ใครคือผู้รู้ และอะไรคือหลักฐานที่ถูกต้อง มันเป็นการเรียกร้องให้ทำการศึกษา การใช้ความรู้ ในบริบท nonhuman (อมนุษย์) ให้ค่าการรับรู้ผ่านร่างกายและบริบท ไม่ใช่แค่สิ่งที่วัดผลได้
มันเป็นการบอกว่า ชาวนาเกลือที่ “ฟังเสียง เห็นมันกระดก ๆ ตัว” ก็รู้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่เงี่ยหูฟังเสียงนกท่ามกลางเครื่องบินก็รู้ นักดูนกที่สัมผัสสิ่งที่เรียกว่า Jizz ในความมืดก็รู้ และนกเอง พวกมันก็รู้ ดำรงอยู่ กระทำการ และร่วมสร้างโลกไปพร้อมกับเรา
ในวันที่นกอพยพข้ามทวีป ข้ามมหาสมุทร บางทีสิ่งที่เราควรทำมากกว่าการถ่ายภาพหรือนับจำนวน คือ การหยุดฟัง รับรู้ และยอมรับว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่เสียงของมนุษย์ และความรู้ไม่ได้เริ่มต้นและจบลงที่ห้องแล็บหรือบทความวิชาการเท่านั้น แต่การทำความเข้าใจกับนกในธรรมชาติก็มีส่วนช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยเช่นกัน
- ชนาง อำภารักษ์ นำเสนอเรื่อง “การดูนกในนาเกลือ : การบรรจบกันของร่างกาย เทคโนโลยี และภูมิทัศน์ทางนิเวศ” และ ผศ.ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ นำเสนอเรื่อง “ปักษามานุษยวิทยากับเสียงแวดล้อม: สดับฟังนกรอบสนามบินเชียงใหม่” ในงานประชุมวิชาการ มานุษยวิทยา ปี 2568 Interactive Pluralism: human nonhuman พหุปฏิสัมพันธ์: มนุษย์กับสิ่งไม่ใช่มนุษย์ จัดโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)