6 เดือนรัฐบาลแพทองธาร: นโยบายเร่งด่วนถึงไหนแล้ว

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร แถลงนโยบายต่อรัฐสภาครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2567 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลใหม่ จากพรรคเก่า ที่ยังคงรักษาอำนาจไว้ได้แม้จะเจอกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ หลาย ๆ นโยบายที่แถลงเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน

หลังผ่านไป 3 เดือน ในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 นายกฯ แพทองธาร ก็ได้แถลงผลงานครบรอบ 90 วัน ที่รัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้แคมเปญ ‘2568 โอกาสไทย ทำได้จริง’ ประกาศเดินหน้านโยบายต่าง ๆ ทั้งเก่าและใหม่ พร้อมมอบหมายหน้าที่ให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงไปสานต่องาน อย่างไรก็ตามบางนโยบายก็ไม่ได้ถูกพูดถึงว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

ผ่านมาอีก 3 เดือน ในวันที่ 12 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบการทำงาน 6 เดือน ถึงแม้รอบนี้จะไม่ได้มีการแถลงผลงานความคืบหน้า แต่ The Active ขออาสา ชวนตรวจการบ้านของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนที่ได้ประกาศไว้ต่อรัฐสภา รวมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้ ว่าคืบหน้าหรือไม่ หรือคืบหน้าถึงไหน

ในภาพรวม ทั้ง 10 นโยบายเร่งด่วน มีการดำเนินการต่อในทุกเรื่อง แต่รายละเอียดภายในอาจจะยังไม่ได้ดำเนินการในบางจุด บางนโยบายอาจมีความคืบหน้ามาก มีการดำเนินการออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่บางนโยบายอาจยังอยู่ในระหว่างการหารือ บางนโยบายอาจไม่ได้มีความคืบหน้าในรอบ 3 เดือน แต่ได้เดินหน้าต่อในผลงานรอบ 6 เดือนนี้

นโยบายเร่งด่วน

เร่งด่วน 1 ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ

นโยบายเร่งด่วนในสมัยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ถูกส่งไม้ต่อมาอยู่ในแถลงนโยบายของนายกฯ แพทองธาร ด้วยเช่นกัน ในช่วงระยะแรกเป็นมาตรการต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อน ก่อนที่จะมีมาตรการอื่น ๆ ตามมา เช่น โครงการคุณ สู้เราช่วย หรือ หวยเกษียณ

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ / ช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบมาตรการแก้หนี้(22 ก.ย. 2567) มาตรการแก้หนี้ต่อเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา เช่น หนี้ข้าราชการ หนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกร หนี้ กยศ.

(12 ธ.ค. 2567) มาตรการแก้หนี้รถ-บ้าน พักดอกเบี้ย 3 ปี
(11 ก.พ. 2568) โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ขยายเวลาถึง 30 เม.ย. 2568
เพิ่มความรู้ทางการเงินและส่งเสริมการออมในรูปแบบใหม่ ๆหวยเกษียณ(13 มี.ค. 2568) ครม.เห็นชอบร่างแก้ไข พ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติ (หวยเกษียณ) คาดเข้าสภาในเดือน มี.ค. 2568

เร่งด่วน 2 ส่งเสริม SMEs

หลายนโยบายของนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 2 นี้ ถูกประกาศขึ้นในงานแถลงผลงาน 90 วัน ‘2568 โอกาสไทย ทำได้จริง’ เมื่อ 12 ธ.ค. 2567 โดยนายกฯ ระบุว่าจะทลายทุนผูกขาด โดยระบุแค่ในมิติของแก้กฎระเบียบเป็นหลัก เช่น ปลดล็อกการส่งออกข้าว ปลดล็อกการผลิตสุราชุมชน รวมไปถึงสนับสนุนโครงการ Soft Loan เพื่อช่วยเหลือ SMEs ซึ่งหลังจากผ่านไปอีก 3 เดือนพบว่า ทั้ง 3 เรื่องที่ประกาศไว้ว่าจะทำนั้น มีการดำเนินการขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม นโยบาย Matching Fund ที่เคยระบุไว้ตั้งแต่แถลงนโยบาย ยังไม่พบความคืบหน้าแต่อย่างใด

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
ดูแลและส่งเสริมพร้อมกับปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEsปลดล็อกการส่งออกข้าว(12 ธ.ค. 2567) ประกาศจะปลดล็อกการส่งออกข้าว(3 ม.ค. 2568) ปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว (จากเดิม 3 วัน เหลือ 30 นาที)

(17 ม.ค. 2568) แก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบการขออนุญาตประกอบการค้าข้าว
ปลดล็อกสุราชุมชน(12 ธ.ค. 2567) ประกาศจะปลดล็อกการผลิตสุราชุมชน(15 ม.ค. 2568) สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิต ปลดล็อกสุราชุมชน
แก้ไขปัญหาหนี้ของ SMEs เช่น การพักหนี้แก้หนี้ SMEs(25 พ.ย. 2567) มาตรการช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน / แก้หนี้ยั่งยืน

(12 ธ.ค. 2567) โครงการ Soft Loan ช่วย SMEs ไทย ภายใน 2568
(7 ม.ค. 2568) โครงการ Soft Loan วงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3 % ตลอด 3 ปี
จัดทำ Matching Fund ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชนMatching Fund

เร่งด่วน 3 ลดราคาค่าพลังงาน-สาธารณูปโภค

เป็นนโยบายเร่งด่วนต่อยอดจากของสมัยรัฐบาลก่อนหน้า เชื่อมโยงหลากหลายมิติ เช่น ราคาและโครงสร้างพลังงาน ความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และการโดยสารขนส่งสาธารณะ

เนื่องจากมีความหลากหลายของนโยบาย ทำให้มีความคืบหน้าที่แตกต่างกัน บางส่วนมีการดำเนินการจริงแล้ว เช่น ลดค่าไฟฟ้า (รวมถึงอนาคตมีความพยายามที่จะลดลงมากกว่านี้)

บางส่วนมีความคืบหน้าและมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และ พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ซึ่งกระจุกตัวอยู่แค่ในบริเวณพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เท่านั้น

ในขณะที่หลายนโยบายยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น แผนงานพลังงาน (ซึ่งรวมถึงการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และการสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม) หรือร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง (SPR) ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีความคืบหน้าในอนาคตอย่างไร

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภคลดค่าไฟฟ้า(27 พ.ย. 2567) ลดค่าไฟฟ้า งวด ม.ค. – เม.ย. 2568 จาก 4.18 บาท/หน่วย เหลือ 4.15 บาท/หน่วย(11 มี.ค. 2568) ลดค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง งวด ม.ค. – เม.ย. 2568 จำนวน 16.05 สตางค์/หน่วย
ปรับโครงสร้างราคาพลังงานแผนงานพลังงาน(28 ม.ค. 2568) แผนงานพลังงาน ปี 2568 เดินหน้าปรับโครงสร้างราคาเหมาะสม
พัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ของประเทศ (SPR)กฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง (SPR)(31 ต.ค. 2567) ดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันแห่งชาติ (SPR)

(25 พ.ย. 2567) เตรียมเสนอกฎหมายจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันแห่งชาติ (SPR) เข้าสภา ต้นปี 2568
(6 ม.ค. 2568) เร่งร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง (SPR)
สำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมแผนงานพลังงาน(11 ธ.ค. 2567) นโยบายพลังงาน ปี 2568 เล็งเปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่(28 ม.ค. 2568) แผนงานพลังงาน ปี 2568 จัดหาแหล่งพลังงานใหม่ในประเทศ โดยจะเร่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเล
เจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา (OCA)เจรจาพื้นที่ทับซ้อน(10 ต.ค. 2567) เดินหน้าเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Area หรือ OCA)(16 ธ.ค. 2567) อยู่ระหว่างรอนำวาระ ตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) เจรจา ไทย-กัมพูชา เข้า ครม.
พัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (Mass Transit)โครงการลงทุน(4 ธ.ค. 2567) เดินหน้าโครงการลงทุนเพื่อเชื่อมการเดินทาง และลดต้นทุนโลจิสติกส์ควบคู่การสนับสนุนพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม(12 ม.ค. 2568) ผลักดันไทยสู่ “ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในระดับภูมิภาค” ปี 2568 วงเงินรวม 1.36 ล้านบาท
ค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย ในกทม.รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และ พ.ร.บ. ตั๋วร่วม(15 ต.ค. 2567) รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เริ่ม ก.ย. 2568(29 ม.ค. 2568) สภาฯ รับหลักการ ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ลดต้นทุนการเดินทาง คาดใช้ช่วงกลางปี 2568

เร่งด่วน 4 สร้างรายได้ นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี-ใต้ดิน เข้าสู่ระบบ

ในการแถลงผลงานรัฐบาล 90 วัน ‘2568 โอกาสไทย ทำได้จริง’ มีการประกาศว่าจะนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีเท่านั้น โดยระบุว่าเศรษฐกิจเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่า 49% ของ GDP ไทย แต่ไม่ได้มีการระบุว่าคือธุรกิจอะไรบ้าง และจะนำขึ้นมาอย่างไร

ภายหลังจากนั้นมีการระบุถึงนโยบายสถานบันเทิงครบวงตร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. กลาโหม ระบุว่าเป็นการดึงเงินนอกระบบหรือธุรกิจใต้ดิน ขึ้นมาบนดิน เพื่อให้ประเทศได้รับผลประโยชน์

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี พร้อมปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์(12 ธ.ค. 2567) ประกาศจะนำธุรกิจนอกระบบเข้ามาในระบบ(19 ม.ค. 2568) เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดึงธุรกิจใต้ดินขึ้นมาควบคุม เก็บภาษี
นโยบายเร่งด่วน

เร่งด่วน 5 กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

อีกหนึ่งในห้านโยบายเร่งด่วนตั้งแต่สมัย นายกฯ เศรษฐา ที่ได้มีการเริ่มทำการแจกจริงในสมัยนายกฯ แพทองธาร แต่การแจกในเฟส 1 และเฟส 2 อยู่ในรูปแบบเงินโอน ไม่ได้เป็นเงินดิจิทัลตามที่ได้ระบุไว้

อย่างไรก็ตามในเฟส 3 ที่จะถึงนี้ มีการปรับมาใช้รูปแบบเงินดิจิทัล โดยแจกให้กลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน (แม้ตอนแถลงผลงานครบ 90 วัน นายกฯ ระบุว่าจะแจกให้คนทั่วไป) นอกจากนี้ รัฐบาลมองว่าการแจกเงินในรูปแบบเงินดิจิทัล เฟส 3 นี้ จะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลไปในตัวด้วย

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกดิจิทัลวอลเล็ต(12 ธ.ค. 2567) คืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
– เงินโอน เฟส 1 ให้กลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน
– เงินโอน เฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 4 ล้านคน ภายในตรุษจีน 2568
– เงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ให้คนทั่วไป ภายใน 2568
(10 มี.ค.2568) คืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
– เฟส 1 และ 2 เป็นเงินโอน แจกเรียบร้อย
เฟส 3 เป็นเงินดิจิทัล ให้กลุ่มอายุ 16-20 ปี รวม 2.7 ล้านคน ภายในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3
ผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet)
วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ(11 มี.ค. 2568) แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 รวบรวมข้อมูลการซื้อของประชาชน วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล

เร่งด่วน 6 ยกระดับเกษตรทันสมัย

เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่เป็นด้านการเกษตรเพียงข้อเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในนโยบายระยะกลางและยาวของนายกฯ เศรษฐา แต่ถูกนำกลับขึ้นมาเป็นนโยบายเร่งด่วนของนายกฯ แพทองธาร ส่วนใหญ่มีความคืบหน้าเมื่อเทียบกับตอนครบ 3 เดือน เช่น โครงการ SML ซึ่งทาง ครม. ก็เห็นชอบจัดสรรเงินเรียบร้อยแล้ว มีการสานต่อ 9 นโยบายภาคเกษตร ร่วมถึงการผลักดันอาหารไทยด้านต่าง ๆ เช่น ครัวไทยสู่ครัวโลก อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และอุตสาหกรรมอาหารอนาคต

ขณะที่นโยบายเร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร ยังไม่พบคตวามคืบหน้าแต่อย่างใด

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน และการประกอบอาชีพโครงการ SML (กองทุนหมู่บ้าน)(12 ธ.ค. 2567) ประกาศโครงการ SML พัฒนาหมู่บ้าน ในปี 2568(7 มี.ค. 2568) ครม. เห็นชอบ จัดสรรเงิน 200,000 – 400,000 บาทตามขนาดหมู่บ้าน
ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ / ยกระดับการทำเกษตรให้ทันสมัย นำเทคโนโลยีด้านการเกษตร (Agri-Tech) มาใช้9 นโยบายเกษตร(16 ก.ย. 2567) สานต่อ 9 นโยบายเกษตร ตามแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เช่น ทูตเกษตรในการขยายตลาดเดิมและเพิ่มตลาดใหม่ การใช้นวัตกรรมมาเป็นจุดขายสินค้าเกษตรผ่านแอปพลิเคชัน(26 ธ.ค. 2567) แผนปี 2568 สานต่อ 9 นโยบายภาคเกษตร ด้วยแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”
พัฒนาอาชีพด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และอาชีพที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร9 นโยบายเกษตร(26 ธ.ค. 2567) แผนปี 2568 สานต่อ 9 นโยบายภาคเกษตร เน้นเทคโนโลยีด้านการเกษตร พัฒนาอาชีพด้านเกษตร
คว้าโอกาสในตลาดใหม่ ๆ รวมทั้งอาหารฮาลาลอุตสาหกรรมฮาลาลไทย(24 ก.ย. 2567) ดำเนินโครงการภายใต้ (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2567 – 2570)(20 ธ.ค. 2567) อยู่ระหว่างการจัด MOU ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์อาหารและบริการที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมฮาลาลและการพัฒนาส่งเสริมการส่งออกฮาลาล
อุตสาหกรรมอาหารอนาคต(28 พ.ย. 2567) ผลักดันอาหารอนาคต / อาหารทางเลือกใหม่(23 ม.ค. 2568) ตั้งเป้าหมายปี 2570 จะสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมอาหารอนาคตรวม 500,000 ล้านบาท
ฟื้นนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก”ครัวไทยสู่ครัวโลก(22 ม.ค. 2568) คืบหน้านโยบาย เช่น จัดงาน Thailand Reception ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ แสดงศักยภาพประเทศผ่านอาหารไทย
เร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร

เร่งด่วน 7 ส่งเสริมการท่องเที่ยว

ต่อยอดจากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเศรษฐาเช่นกัน ในหมวดนี้มีการดำเนินการในทุกข้อทั้งในระยะ 3 เดือน และ 6 เดือน เช่น การจัดงานเทศกาลเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว, นโยบายวีซ่าเพื่อนักท่องเที่ยว และระบบ e-Visa อำนวยความสะดวกผู้ขอวีซ่า รวมถึงนโยบายเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ผ่านการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) ก็มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าต่อ แม้จะมีประชาชนหลายส่วนคัดค้านเนื่องจากกังวลถึงผลลัพธ์ที่ตามมา

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองน่าเที่ยวกระตุ้นการท่องเที่ยว(7 ต.ค. 2567) แคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025 / สุขท้าลอง 72 สไตล์(3 ก.พ. 2568) ชูปี 2568 เป็น “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” ปรับรูปแบบเมืองรองการท่องเที่ยวเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วไทย

(31 ม.ค. 2568) เปิดตัว Event Think Tank แพลตฟอร์มคอมมูนิตี้ออนไลน์แห่งใหม่ ผลักดันไทยสู่การเป็น Festival Country
นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทยเทศกาลคอนเสิร์ต(15 ต.ค. 2567) โครงการ Thailand Music Campaign จัดคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกในไทย(26 ก.พ. 2568) เปิดเทศกาล Thailand Summer Festivals ผ่านแนวคิด “7 Months 7 Wonders Summer Festivals”
ปรับโครงสร้างการตรวจลงตราทั้งหมดของประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่าพัฒนาระบบวีซ่า(9 ธ.ค. 2567) นโยบายฟรีวีซ่า 3 ระยะ(17 ธ.ค. 2567) เปิดใช้งานระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ครบทุกสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ 94 แห่งทั่วโลก
ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations)เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์(29 ต.ค. 2567) พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์)(13 ม.ค. 2568) ครม. รับหลักการ ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา

อยู่ระหว่างการรอเข้าที่ประชุม ครม. และคาดเข้าสภาฯ ปลาย มี.ค.

เร่งด่วน 8 แก้ปัญหายาเสพติด

เป็นนโยบายที่นายกฯ แพทองธาร ย้ำว่าสำคัญและจะเอาจริงเอาจังในการปราบปราม โดยมีทั้งเชิงรุกและรับ เช่น นโยบายด้านการจัดการ-ขยายผล-คุมเข้ม และนโยบายด้านการบำบัด-รักษา

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
บำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด การฝึกอาชีพ การศึกษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม มีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีกแพลตฟอร์มแจ้งเบาะแสยาเสพติด / โมเดลแก้ปัญหายาเสพติด(12 ธ.ค. 2567) แพลตฟอร์มแจ้งเบาะแสยาเสพติด ปกป้องคนส่งข้อมูล ส่งตรงถึงนายกฯ(23 ธ.ค. 2567) สธ. ขยายผล “ธวัชบุรีโมเดล-ท่าวังผาโมเดล” ต้นแบบแก้ไขปัญหายาเสพติดครบวงจรใน 10 จังหวัด

(23 ธ.ค. 2567) เปิดตัว แอปฯ ล้อมรักษ์ ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงการบำบัดรักษา
แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจรปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติด(18 ก.ย. 2567) นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ป.ป.ส. เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด ประกาศวาระแห่งชาติ ขยายผลทั่วไทย / ตรวจเข้มชายแดน(30 ม.ค. 2568) ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” จัดการปัญหายาเสพติด ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน

(13 มี.ค. 2568) นายกฯ ย้ำรัฐบาลเอาจริง กำชับทุกภาคส่วนทำงานต่อเนื่องอย่างเต็มที่ ระบุจะชี้แจงสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในอนาคต

เร่งด่วน 9 เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม

ปัญหาอาชญากรรมที่รัฐบาลมองว่าเร่งด่วน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ อาชญากรรม, อาชญากรรมออนไลน์หรือมิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยในนโยบายเร่งด่วนระบุถึงการแก้ปัญหาโดยอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ประชาชน หน่วยงานรัฐ ประเทศเพื่อนบ้าน สถาบันการเงิน ค่ายมือถือ เป็นต้น

มีความคืบหน้าครบ 6 เดือน เช่น ตัดไฟฟ้า 5 จุดชายแดนเมียนมา, เจรจาทำ MOU กับประเทศเพื่อนบ้าน หรือร่าง พ.ร.ก. ไซเบอร์ ให้สถาบันการเงิน-ค่ายมือถือ ร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม (ออนไลน์ / มิจฉาชีพ / ข้ามชาติ)แพลตฟอร์มกันลวง(18 พ.ย. 2567) โครงการ DE-fence platform หรือ แพลตฟอร์มกันลวง ป้องกันการโทรหลอกลวง และ SMS หลอกลวง เร่งพัฒนาให้พร้อมใช้ในต้นปี 2568(13 ม.ค. 2568) เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มป้องกันการโทรหลอกลวง (DE-fence)
ผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาอาชญากรรม (ออนไลน์ / มิจฉาชีพ / ข้ามชาติ)ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน(8 ธ.ค. 2567) ตำรวจไทยและลาวร่วมประชุมแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกระทบทั้ง 2 ประเทศ(17 ม.ค. 2568) อยู่ระหว่างการเจรจาทำ MOU กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันอาชญากรรมข้ามพรมแดน

(5 ก.พ. 2568) กฟภ. ตัดไฟฟ้า 5 จุดชายแดนเมียนมา สกัดวงจรแก๊งคอลเซนเตอร์
สร้างกลไกการร่วมรับผิดชอบปัญหาอาชญากรรม (ออนไลน์ / มิจฉาชีพ / ข้ามชาติ) ของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์พ.ร.ก. ไซเบอร์(28 ม.ค. 2568) ครม.เห็นชอบ หลักการร่าง พ.ร.ก. ไซเบอร์ กำหนดให้สถาบันการเงิน-ค่ายมือถือ ร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย

เร่งด่วน 10 ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม

เป็นนโยบายที่พึ่งถูกพูดในการแถลงผลงาน 90 วัน เช่น ODOS หรือบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งปัจจุบันครบรอบ 6 เดือน ก็มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก คาดว่าเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้เช่นกัน

รายละเอียดคำแถลงนโยบาย
(12 ก.ย. 2567)
นโยบายความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ และจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปODOS (1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา)(12 ธ.ค. 2567) ประกาศโครงการ ODOS (1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา)(14 ก.พ. 2568) เดินหน้าโครงการ ODOS โดยจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ต่อไป
บ้านเพื่อคนไทย(12 ธ.ค. 2567) ประกาศโครงการบ้านเพื่อคนไทย(5 มี.ค. 2568) ปิดรับลงทะเบียนระยะที่ 1 ช่วงกลางเดือน มี.ค. 2568 จะดำเนินการจับสลากสิทธิในเดือน เม.ย. 2568 และคาดทยอยส่งมอบ ปลายปี 2569

นโยบายอื่น ๆ

เป็นนโยบายที่ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน แต่เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายไว้ โดยมีนโยบายที่มีความคืบหน้า รัฐบาลสานต่อ เช่น แลนด์บริดจ์, ผลักดัน พ.ร.บ. SEC และซอฟต์พาวเวอร์ อย่างไรก็ตาม บางนโยบายอาจจะไม่ได้คืบหน้าเท่าที่ควร เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, แก้รัฐธรรมนูญ และสันติภาพชายแดนใต้ เป็นต้น

นโยบายอื่น ๆความคืบหน้า 3 เดือน
(12 ธ.ค. 2567)
ความคืบหน้า 6 เดือน
(12 มี.ค. 2568)
แลนด์บริดจ์ และ พ.ร.บ. SEC(11 มี.ค. 2568) ครม. เตรียมมอบ สนข. ผลักดัน พ.ร.บ. SEC คาดเข้าที่ประชุมสภาสมัยหน้า หลัง 3 ก.ค. 2568
ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท(23 ธ.ค. 2567) ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 77 จังหวัด เฉลี่ยอยู่ที่ 355 บาท
ซอฟต์พาวเวอร์(19 ธ.ค. 2567) พิธีเปิดโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ผ่านนโยบายหนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (One Family One Soft Power : OFOS)

(24 ธ.ค. 2567) ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567
แก้รัฐธรรมนูญ– รอสภาฯ สรุปว่าจะใช้ ‘เสียงข้างมาก 1 ชั้น’ หรือ ‘เสียงข้างมาก 2 ชั้น’
– ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง
– ยังไม่มีข้อสรุปว่า สสร. มาจากไหน
(18 ธ.ค. 2567) สภาฯ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ ‘เสียงข้างมาก 2 ชั้น’ ยับยั้งร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ 180 วัน

(13-14 ก.พ. 2568) สภาฯ ล่ม ไม่ได้ถกแก้รัฐธรรมนูญ
สันติภาพชายแดนใต้(23 ก.พ. 2568) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนใต้ ขออภัยเหตุการณ์ตากใบ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

ธนธร จิรรุจิเรข

สงสัยว่าตัวเองอยากเป็นนักวิเคราะห์ data ที่เขียนได้นิดหน่อย หรือนักเขียนที่วิเคราะห์ data ได้นิดหน่อยกันแน่

Alternative Text
GRAPHIC DESIGNER

ชญาดา จิรกิตติถาวร

เปรี้ยว ซ่า น่ารัก ไม่กินผัก ไม่กินเผ็ด