เปิด 3 ข้อเรียกร้อง อังคณา–สุณัย กรณีถูกข่มขู่ถึงชีวิต 

2 นักสิทธิฯ ยื่นคำร้อง ผบ.ตร. ขอคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน หลังถูกข่มขู่-คุกคามถึงชีวิตทางออนไลน์ต่อเนื่อง ชี้ การคุกคามกระทบต่อผู้ร้อง ครอบครัว และส่งผลต่อบรรยากาศในการทำงานของนักปกป้องสิทธิฯ 

ที่มา : iLaw

จากกรณี อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกมาเปิดเผยว่ามีการข่มขู่คุกคามถึงชีวิต จากการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณี อินฟลูเอนเซอร์ใช้เครื่องเสียงส่งเสียงรบกวนชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ส่งผลให้เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 68 อังคณา พร้อมด้วย สุณัย ผาสุข นักวิจัยอาวุโสจาก องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) สองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนยื่นคำร้องต่อ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย และคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและครอบครัว จากการคุกคามและข่มขู่เอาชีวิต 

ที่มา : iLaw

อังคณา เปิดเผยว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นเพราะตนและสุณัยถูกคุกคามรุนแรงทางสื่อออนไลน์ มีการข่มขู่คนในครอบครัว ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

“การข่มขู่คุกคามถึงชีวิต ถือว่ามีความผิดทางอาญาและตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจมีหน้าที่สอบสวนจนกว่าจะทราบข้อเท็จจริง และนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” 

ขณะที่ สุณัย กล่าวว่า ในเช้าวันยื่นหนังสือยังมีข้อความขู่จะฆ่าตนกับอังคณา ซึ่งได้ส่งหลักฐานทั้งหมดให้ตำรวจ ทั้งข้อความ รูปภาพ และลิงก์โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งคาดหวังว่าตำรวจจะเร่งสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดโดยเร็ว

“การกล่าวหาว่าเราพูดจาไปเรื่อย ถือเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ผู้ที่กล่าวหาควรที่จะทบทวนตัวเองว่า กล่าวหาโดยมีข้อเท็จจริงอะไรมาสนับสนุน กรณีการเปิดเสียงผี การเปิดรถแห่ หลักฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ การนำเข้าพื้นที่ในกฎอัยการศึก คนจะเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตไม่ได้ ผมตั้งคำถามว่า ใครไฟเขียวให้เข้าไป โดยเฉพาะเวลาวิกาลให้เข้าไปได้อย่างไร และกัมพูชาเป็นฝ่ายร้องเรียน เราจึงมาเตือนสังคมไทยว่า ไทยกำลังเปิดทางให้กัมพูชาสอยได้ ควรใช้ช่องทางอื่นเพื่อไม่ให้เราเสียเปรียบในเวทีโลก”

โดยในหนังสือมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบังคับการปราบปราม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการ

1. ตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน : ระบุตัวบุคคลหรือกลุ่มที่ข่มขู่ คุกคาม และเผยแพร่ข้อความผิดกฎหมาย พร้อมดำเนินคดีอย่างโปร่งใส เป็นธรรม

2. จัดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยเชิงป้องกัน : สำหรับอังคณาครอบครัว และผู้เกี่ยวข้องกับงานสิทธิมนุษยชน โดยใช้หลัก สิทธิในการได้รับการคุ้มครองจากรัฐ ตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 25, ICCPR มาตรา 9, และ UN Declaration on Human Rights Defenders (1998) การคุ้มครองควรเป็น เชิงป้องกัน (preventive) และ มีส่วนร่วม (participatory protection) โดยหารือร่วมกับผู้ร้องเพื่อกำหนดรายละเอียดมาตรการและช่องทางการติดต่อที่เหมาะสม

3. รายงานผลการดำเนินการอย่างเป็นทางการต่อผู้ร้อง และสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบได้และเป็นไปตามหลัก ความรับผิดชอบของรัฐ (State Accountability)

ทั้งสองยืนยันว่าการยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นไปโดย เจตนาสุจริต เพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการข่มขู่ คุกคาม หรือสร้างบรรยากาศเกลียดชังทางสังคม

คำร้องยังเน้นว่า การคุกคามเหล่านี้ ไม่เพียงกระทบต่อผู้ร้องและครอบครัว แต่ยังส่งผลต่อบรรยากาศในการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับชุมชนและประเทศ

โดย ผบ.ตร. ส่งตัวแทนมารับหนังสือ และได้กำชับว่าจะดำเนินการตามหนังสือที่ทางสองนักปกป้องสิทธิ ฯ ได้ร้องเรียนมา และยืนยันว่าจะดำเนินการให้อย่างเต็มที่

ขณะที่ ปรานม สมวงศ์ จาก Protection International Thailand กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพสะท้อนความล้มเหลวของรัฐในการปกป้องผู้ที่ยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชน ความจริง และความยุติธรรม รัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งคุ้มครอง และยุติการคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน  เพราะเมื่อผู้ปกป้องสิทธิฯ ไม่ปลอดภัย ความยุติธรรมของทั้งสังคมก็จะไม่อาจเกิดขึ้นได้และกระทบกับทุกคนในสังคม

สำหรับก่อนหน้านี้ที่ อังคณา ออกมาเปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2568 ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 และมาตรา 25 และตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น ICCPR มาตรา 6 และ 9, UN Declaration on Human Rights Defenders (1998) 

ที่มา : iLaw

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงถูกข่มขู่และคุกคามออนไลน์ต่อเนื่อง ด้วยถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง บิดเบือน และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากบุคคลและกลุ่มต่าง ๆ ที่แสดงความคิดเห็น ซึ่งเข้าข่ายความผิดหลายมาตรา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 332 (หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา) มาตรา 392 (ขู่เข็ญให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน)  พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 14(3) (การนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีลักษณะเป็นการข่มขู่ผู้อื่น)

ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียนยังเน้นว่า การกระทำเหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ร้อง และครอบครัว และผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน อีกทั้งสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวและความเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่อาชญากรรมจากความเกลียดชังร้ายแรง


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active