โค้งสุดท้าย ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ รวมร่าง 7 ฉบับ เป็นร่างใหม่ 1 ฉบับ กมธ. เร่งพิจารณาให้เสร็จครบ 10 หมวด ก่อนส่งกลับสภาฯ ภายใน ก.พ. นี้ ฝากความหวัง สส., สว. มองประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ไม่ตัดใจความสำคัญจัดการฝุ่นที่ต้นตอทิ้ง
สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังคงอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพในหลายพื้นที่ต่อเนื่องหลายวัน ขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. (ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหา ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งผ่านเวลามา 1 ปีเต็ม The Active สรุปความคืบหน้าในช่วงโค้งสุดท้ายการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ ก่อนนำร่างกฎหมายฯ กลับเข้าสู่สภาฯ เพื่อลงมติในวาระ 2 และ 3 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ได้ประชุมเพื่อเร่งรัดให้กฎหมายกลับเข้าสภาฯ ให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมเดือนเมษายนนี้ โดยมีการประชุมกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ ในวันจันทร์ และวันศุกร์ พร้อมด้วยการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการที่มี 2 ชุด ประกอบด้วย คณะ อนุ กมธ.พิจารณากรอบแนวคิด หลักการสำคัญ และโครงสร้างการบริหารจัดการ และ คณะอนุ กมธ.พิจารณาความรับผิดทางกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ประชุมกันในวันอังคาร วันพฤหัส และวันเสาร์ ทุก ๆ สัปดาห์
บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมาธิการและประธานอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบแนวคิด หลักการสำคัญ และโครงสร้างการบริหารจัดการ ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. เปิดเผยกับ The Active ว่า การทำงานของกรรมาธิการฯ คืบหน้าไปแล้ว 80% กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาใน 3 หมวดสุดท้ายของร่างกฎหมายฯ โดยจะเป็นเรื่อง บทลงโทษ ค่าปรับทางแพ่ง ทางอาญา รวมทั้งการปรับพินัย โดยตั้งใจให้เสร็จในชั้นกรรมาธิการฯ ภายในเดือนมกราคม เพื่อให้เข้าสู่การพิจารณาของ สส. ในเดือนกุมภาพันธ์ และเข้าสู่การพิจารณาของ สว. ในช่วงเดือนมีนาคม นี้

และโครงสร้างการบริหารจัดการ ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ….
บัณฑูร ยังอธิบายว่า ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาดฯ จากเดิมที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมา 7 ฉบับ โดยมี 5 ฉบับจากพรรคการเมือง 1 ฉบับของรัฐบาล และอีก 1 ฉบับจากภาคประชาชน โดยเครือข่ายอากาศสะอาด ล่าสุดมีการรวมเป็น ร่างฉบับที่ 8 ซึ่ง เป็นการออกแบบโครงสร้างบ้านหลังใหม่ ที่มีเป้าหมายเพื่ออากาศสะอาด โดยมีเสาหลักของบ้าน 4 เสา คือ การกระจายอำนาจ, สิทธิและหน้าที่, แรงจูงใจและบทลงโทษ, การจัดการร่วม เนื่องจากลำพังเฉพาะหน่วยงานของรัฐอาจไม่สามารถทำงานได้ จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานและภาคเอกชน
ขณะที่บ้านหลังนี้ประกอบด้วย 4 ห้อง คือ
- ระบบบริหารจัดการอากาศสะอาด ทั้งการติดตาม ระบบการจัดเก็บข้อมูล รายงานแหล่งกำเนิดมลพิษ ระบบ Big Data
- เครื่องมือและกลไก ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการ และองค์กรในอนาคต ที่เรียกว่า “สำนักงานบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด”
- เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ ทั้งภาษี ค่าทำเนียมอากาศสะอาด
- เครื่องมือทางกฎหมาย
บัณฑูร ยืนยันว่า การทำงานของกรรมาธิการฯ ไม่ล่าช้า เพราะต้องอาศัยความรอบคอบในการพิจารณา เพื่อไม่ให้ขัดกับกฎหมายเดิมที่มีอยู่ เนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งต้องทำให้มีความสอดคล้องกัน
“เราเลยต้องใช้เวลากับตรงนี้พอสมควร เพื่อที่จะกำหนดว่า ถ้ามีค่าธรรมเนียมเพื่ออากาศสะอาดเกิดขึ้นในกฎหมายฉบับนี้ หน้าตาจะเป็นอย่างไร สาระจะเป็นอย่างไร เก็บค่าธรรมเนียมนี้จากใคร แล้วต้องสอดคล้องกับตัวกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่าสามารถทำได้ ตัวค่าธรรมเนียมอากาศสะอาด จะเป็นส่วนที่นำมาเป็นรายได้ให้กับกองทุนอากาศสะอาด แล้วก็จะใช้เป็นมาตรการเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างการผลิต การเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ลดสาเหตุที่แหล่งกำเนิด”
บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์
ผู้ผลิตต้องปรับ รับกระแสตื่นตัวทางสิ่งแวดล้อม
บัณฑูร ยังระบุถึงความชัดเจน ในชั้นกรรมาธิการฯ ถึงการมี “กองทุนอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพ” ซึ่งจะเป็นหนึ่งเครื่องมือที่จะนำมาจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นแท่งใหม่ของการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและสามารถระบุเป็นวัตถุประสงค์ ว่าจะนำไปใช้ในกองทุนนี้ และเมื่อถามว่ามาตรการนี้จะกระทบภาคธุรกิจหรือไม่นั้น บัณฑูร ย้ำว่า ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะหากไม่ปรับตัวก็จะกระทบต่อการส่งออกสินค้า และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นได้

จับตา พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ในมือ สส., สว.
สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องจับตามองเป็นพิเศษ คือ เมื่อร่างกฎหมายฯ ที่ผ่านกรรมาธิการฯ ถูกส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร และ สมาชิกวุฒิสภา จะถูกปรับแก้ไขอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะ “เครื่องมือบริหารจัดการ” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของกฎหมายอากาศสะอาดฯ เพราะ หากเป็นไปตามที่กรรมาธิการฯ อากาศสะอาดฯ ตั้งใจว่าร่างกฎหมายจะส่งกลับเข้าสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทันทีที่กฎหมายพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ เสร็จ จะต้องนำไปให้ประชาชนแสดงความเห็นผ่านเว็บไซต์ของรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เห็นร่างฉบับใหม่ที่รวมมาจาก 7 ร่าง เพื่อนำความเห็นนั้นมาปรับแก้ไขในช่วงสุดท้ายก่อนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของ สส. เพื่อลงมติในวาระ 2 และ 3 เมื่อกฎหมายผ่านจากสภาผู้แทนราษฎร ก็จะนำร่างกฎหมายให้สมาชิกวุฒิสภา พิจารณาต่อในวาระ 1 – 3 ก่อนประกาศเป็นกฎหมายต่อไป
บัณฑูร ยืนยันว่า ร่างกฎหมายฯ ที่ผ่านกรรมาธิการฯ นี้ทุกเครื่องมือมีความสำคัญทั้งหมดที่เชื่อมโยงกัน ไม่ควรมีการตัดมาตราใดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป ก็พยายามหาทางอธิบายใน สส. เข้าใจในรายละเอียดโครงสร้างทั้งหมดของกฎหมาย
“อุปมาอุปไมยที่ผมใช้ว่า เรากำลังสร้างบ้านทั้งหลัง บ้านมีเสา มีห้อง มีหลังคา ถ้าจะเอาเสาออกมันก็จะทำให้บ้านอยู่ไม่ได้ ไม่มีความมั่นคง จะเอาหลังคาออกก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เราออกแบบทั้ง 10 หมวด ให้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน เสริมหนุนกัน เหมือนบ้านหนึ่งหลังที่จะต้องประกอบด้วย ลักษณะอย่างที่กล่าวถึง เพราะฉะนั้นทุกมาตราไม่ควรที่จะถูกยกออกไป เพราะมันจะกระทบกับส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง ทีนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมการ ว่าในเวลาที่เข้าสภาฯ ไปแล้ว โดยกติกากลไกของสภาฯ ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดอะไรอยู่บ้าง เราจะใช้โอกาสในการทำความเข้าใจอธิบาย เตรียมอย่างไรที่จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถเข้าใจบ้านทั้งหลังได้ เห็นภาพรวมทั้งหมด ก่อนที่จะลงรายละเอียดในห้องแต่ละห้อง เสาแต่ละเสา”
บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์
อย่างไรก็ตาม บัณฑูร ยังกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้มีการทำงานควบคู่กับไปกับการวิจัยในพื้นที่จริง โดยมีทั้งการนำมาตรการที่ประสบความสำเร็จแล้วในพื้นที่มาเขียนในกฎหมาย เช่น กรณีของ บ้านม้งดอยปุย รวมทั้งมีการทดลองนำไอเดียจากกฎหมายไปทดลองในพื้นที่จริง เพื่อดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและปรับแก้ไขต่อไป
ดนัยภัทร โภควณิช นักกฎหมายมหาชนด้านสิทธิเสรีภาพ และผู้ประสานงานคณะทำงานด้านกฎหมาย เครือข่ายอากาศสะอาด และ กรรมาธิการ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เปิดเผยว่า หลังจากกฎหมายกลับเข้าสภาฯ มีหลายฝ่ายที่กังวลผลกระทบจากกฎหมายต่อกลุ่มทุน เพราะระหว่างการทำงานของกรรมาธิการฯ มีหลายคนแสดงความเห็น ความไม่สบายใจ เข้ามา ซึ่งกรรมาธิการฯ รับฟัง แต่ในการร่างกฎหมายฯ จะต้องยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ที่สำคัญในตัวร่างกฎหมายฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการจนไม่สามารถดำเนินการได้ แต่กลับมากลไกที่เกื้อหนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น กองทุนอากาศสะอาดฯ เชื่อว่า ความกังวลของกลุ่มทุนอาจมาจากการที่เขายังไม่มีโอกาสได้เห็นภาพรวมของร่างกฎหมายฯ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องสื่อสารทำความเข้าใจต่อไป
ประชาชน ส่ง จดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ วิรตี ทะพิงค์แก ผู้เขียนนิทาน 2 ภาษา เรื่อง ‘ในวันที่เรามีอากาศดี ๆ ไว้หายใจ’ (Another Breath to Live) และเจ้าของสำนักพิมพ์เมาท์เทนมายด์ เขียน จดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
อ่านบทความ : ‘ในวันที่เรามีอากาศดี ๆ ไว้หายใจ’ : นิทาน 2 ภาษา เล่าเรื่องจริง ‘ฝุ่นพิษ’ ภาคเหนือ

โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า ในฐานะประชาชนที่อยู่ภาคเหนือ และเผชิญฝุ่นควันสาหัสมายาวนานมากกว่า 15 ปี ขอแสดงความเห็นใจ และห่วงใยต่อคนกรุงเทพฯ และภาคกลางทุกท่าน ที่ปีนี้ได้เผชิญฝุ่นควันอย่างหนัก บางจุดตรวจวัดค่าฝุ่นได้ถึงระดับสีม่วงและน้ำตาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่คือความทุกข์ระทมของผู้คน ที่เราต่างได้รับผลกระทบถ้วนหน้า
หาก “ความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพ” อาจทำให้ผู้มีรายได้น้อย มีโอกาสปกป้องตัวเอง ด้วยหน้ากาก เครื่องฟอกหรือห้องปรับอากาศ ได้น้อยกว่าผู้มีระดับเศรษฐกิจสูง แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะสามารถ “หยุดหายใจได้แม้สักวินาที” ปัญหาฝุ่น PM2.5 จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนสำคัญระดับชีวิต
ดิฉันขอวิงวอนให้ท่านนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาลงมือตัดสินใจ แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ให้สมกับเป็น “ภาวะความเป็นความตายของผู้คน”
ในอีกทางหนึ่ง ท่านเป็นแม่ของลูก เป็นลูกของพ่อแม่ และสมาชิกของครอบครัวที่รัก ประชาชนคนอื่น ก็เฉกเช่นกัน เราเป็นพ่อแม่ เป็นลูก เป็นสมาชิกของครอบครัว และเจ็บปวดเสมอ เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ ที่เราแก้ปัญหาไม่ได้ จนคนรักของพวกเรา กำลังตายผ่อนส่ง
สาเหตุที่แท้จริงของฝุ่นควัน คือปัญหาเชิงโครงสร้าง นั่นคือเรื่องที่ต้องจัดการ ในระยะยาว แต่ในระยะเผชิญเหตุนี้ ได้โปรดใช้มาตรการเด็ดขาด กับการเผาทุกชนิด
ขณะเดียวกัน โปรดหยิบยื่นความช่วยเหลือ อุปกรณ์ป้องกันตัวเช่นหน้ากาก พื้นที่ปลอดฝุ่นเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน ที่ท้องถิ่น (นอกจากกรุงเทพฯ ด้วย) อาจมีข้อจำกัดเชิงงบประมาณ นอกเหนือไปจาก ข้อสั่งการเพียงอย่างเดียวด้วย
เราทุกคนรักลูก รักครอบครัว ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี ได้มองสถานการณ์นี้ จากมุมมองของความเป็นมนุษย์ และได้โปรดตอบสนองสถานการณ์ด้วยหัวใจด้วยค่ะ… การหายใจเป็นสิทธิของชีวิต