ผ่านไป 6 เดือนแล้วกับเหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเกิดถล่มขณะแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 ทรุดทับคนงานนับร้อย ท่ามกลางฝุ่นที่จางหาย ข่าวคราวความคืบหน้าของการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบก็เริ่มจางหายไปด้วย
เหตุการณ์นี้ มี 3 หน่วยงานหลักเข้ารับผิดชอบในการสืบสวนสอบสวนทั้ง ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แบ่งเป็น 3 คดีหลักคือ คดีนอมินี คดีฮั้วประมูล และคดีออกแบบก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จนมีการดำเนินคดีกับบุคคลและนิติบุคคลในขณะนี้ 20 คน 7 บริษัท ไม่รวมถึงเจ้าพนักงานของรัฐเกือบร้อยคนที่ยังถูกไต่สวน ขณะที่ยังมี 11 ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 1 ล้านบาท

คดีออกแบบก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน: สั่งฟ้อง 23 ผู้ต้องหา
หลังจากเกิดเหตุ 2 วัน ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของสาเหตุการถล่ม ในระหว่างการสืบสวนนี้เองมีปมข้อสังเกตจากหน่วยงานต่าง ๆ เกิดขึ้นหลายประการ เช่น การปรับลดความหนาของผนังปล่องลิฟต์จาก 30 ซม. เหลือ 25 ซม., ถุงปูนไม่มีสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐาน มอก., เหล็กบางส่วนตกเกรด ไม่ได้มาตรฐาน
กระทั่งได้ข้อสรุปการสืบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 68 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ระบุว่ามีความบกพร่องในเรื่องการออกแบบและวิธีการก่อสร้าง โดยเฉพาะเทคนิคการก่อสร้างในส่วนของผนัง ปล่องลิฟต์ ผนังบันไดซึ่งเป็นผนังรับแรงเฉือน แต่ในส่วนของวัสดุก่อสร้างทั้งเหล็กและคอนกรีตนั้นได้มาตรฐาน
- อ่านเพิ่ม ชัด! ผลสอบตึก สตง.ถล่ม พบ ออกแบบ-ก่อสร้าง ‘บกพร่อง’
- อ่านเพิ่ม ACT แฉ วงจรโกงงานก่อสร้างภาครัฐ ซัด ล็อกสเปก ฮั้วประมูล กินหัวคิว 2 แสน ล้าน/ปี
- อ่านเพิ่ม ครบ 30 วันตึก สตง.ถล่ม จี้รัฐบาลตอบคำถามสังคม 4 ข้อ
นำมาสู่การสั่งฟ้องผู้ต้องหา 23 คนในวันที่ 7 ส.ค. 68 แบ่งเป็นนิติบุคคล 7 บริษัท และผู้ต้องหา 16 คน ในฐานความผิดเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม ทำการก่อสร้าง อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ผู้ต้องหาอีก 7 คน ยังโดนข้อหาเพิ่มในความผิดร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมด้วย
1. บจก. ฟอ-รัม อาร์คิเทค | บริษัทผู้ออกแบบ |
2. สุชาติ ชุติปภากร | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก.ฟอ-รัม อาร์คิเทค |
3. พิมล เจริญยิ่ง | ผู้ลงนามแบบแปลนวิศวกรโครงสร้าง บจก.ฟอ-รัม อาร์คิเทค |
4. บจก. ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) | บริษัทผู้ออกแบบ |
5. ธีระ วรรธนะทรัพย์ | ผู้ลงนามแบบแปลนวิศวกรโครงสร้าง บจก. ไมนฮาร์ทฯ |
6. สุพล อัครอารีสุข | ผู้ลงนามแบบแปลนวิศวกรโครงสร้าง บจก. ไมนฮาร์ทฯ |
7. ชัยณรงค์ เสียงไพรพันธ์ | ผู้ลงนามแบบแปลนวิศวกรโครงสร้าง บจก. ไมนฮาร์ทฯ |
8. อภิชาติ รักษา | ผู้ลงนามแบบแปลนวิศวกรโครงสร้าง บจก. ไมนฮาร์ทฯ |
9. วิศาล จุลพัลลภ | ไม่ระบุ |
10. เกรียงศักดิ์ กอวัฒนา | ผู้มีอำนาจกระทำการแทนกิจการร่วมค้า ไอทีดี – ซีอาร์อีซี |
11. บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ | บริษัทผู้ก่อสร้าง ในนามกิจการร่วมค้า ไอทีดี – ซีอาร์อีซี |
12. เปรมชัย กรรณสูตร | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บมจ. อิตาเลียนไทยฯ |
13. บจก. ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) | บริษัทผู้ก่อสร้าง ในนามกิจการร่วมค้า ไอทีดี – ซีอาร์อีซี |
14. ชวนหลิง จาง | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
15. อนุวัฒน คันษร | วิศวกรโครงสร้าง บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
16. ธิปัตย์ รัตนวงษา | วิศวกรโครงสร้าง บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
17. สมชาย เย็นทรัพย์ | ผู้จัดการโครงการ กิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
18. บจก. พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ | บริษัทผู้ควบคุมงาน ในนามกิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
19. ปฏิวัติ ศิริไทย | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ |
20. บจก. ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ | บริษัทผู้ควบคุมงาน ในนามกิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
21. พลเดช เทิดพิทักษ์วานิช | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. ว. และสหายฯ |
22. บจก. เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ | บริษัทผู้ควบคุมงาน ในนามกิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
23. กฤตภัฏ ปล่องกระโทก | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. เคพี คอนซัลแทนส์ฯ |
ความคืบหน้าล่าสุด ยังอยู่ในกระบวนการของชั้นศาล ล่าสุด 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดประชุมคดีเพื่อตรวจพยานหลักฐานครั้งแรก และมีกำหนดนัดอีกในวันที่ 10 พ.ย. และ 17 พ.ย. ต่อไป โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทุกคนไม่ได้รับประกันตัวและถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือน พ.ค.
ดีเอสไอ ขยายผลเอาผิดคดีนอมินี
ทันทีที่ดีเอสไอตรวจสอบบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พบความผิดปกติของผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 คน ที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ และได้ขยายผลตรวจสอบบริษัทอื่นที่เข้าไปเป็นกรรมการหรือถือหุ้น รวมถึงบริษัทอื่นที่ใช้ที่อยู่เลขที่เดียวกันกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ
หลังการรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนกว่า 60 วัน ดีเอสไอส่งฟ้องต่ออัยการคดีพิเศษ เอาผิดบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท รวม 5 รายทั้งชาวไทยและชาวจีนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.
ระหว่างนี้นายบินลิง วู ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นชาวจีนในหลายบริษัทที่ใช้ที่อยู่เดียวกันกับไชน่า เรลเวย์ฯ ได้หลบหนีหมายจับนาน 1 เดือน สุดท้ายเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. จึงได้ส่งฟ้องเพิ่มภายหลัง รวมแล้วมีผู้ต้องหาคดีนอมินีดังนี้
1. บจก. ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) | บริษัทผู้ก่อสร้าง ในนามกิจการร่วมค้า ไอทีดี – ซีอาร์อีซี |
2. ชวนหลิง จาง | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
3. โสภณ มีชัย | ผู้ถือหุ้น บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
4. ประจวบ ศิริเขตร | ผู้ถือหุ้น บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
5. มานัส ศรีอนันท์ | ผู้ถือหุ้น บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
6. บินลิง วู | กรรมการและผู้ถือหุ้นในหลายบริษัทที่ใช้ที่อยู่เดียวกันกับ บจก. ไชน่า เรลเวย์ฯ |
ผู้ต้องหาที่เป็นผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 คนได้ประกันตัวระหว่างฝากขังในราคาประกันคนละ 300,000 บาท ส่วนนายชวนหลิง จาง ชาวจีน ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจากคดีออกแบบก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
โดย 29 ก.ย.นี้ ศาลอาญานัดทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลยเพื่อสอบคำให้การ พร้อมตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานต่อไป
เตรียมเอาผิดคดีฮั้วประมูล เอกชน- พนักงานรัฐ
ระหว่างการสืบสวนสอบสวนคดีนอมินี ดีเอสไอพบว่ามีการปลอมลายมือชือและแอบอ้างชื่อบุคคลอื่นเพื่อให้ได้รับเลือกในการเสนอราคาจนนำมาสู่คดีฮั้วประมูล โดยดีเอสไอดำเนินคดีในส่วนของเอกชน คือบุคคลและนิติบุคคลภายใต้กิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว รวม 6 ราย ที่พบว่ามีการปลอมลายมือชื่อและอ้างชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่เป็นไปตาม TOR เพื่อให้ได้รับเลือกในการเสนอราคา ดังนี้
1. บจก. พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ | บริษัทผู้ควบคุมงาน ในนามกิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
2. ปฏิวัติ ศิริไทย | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ |
3. บจก. ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ | บริษัทผู้ควบคุมงาน ในนามกิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
4. พลเดช เทิดพิทักษ์วานิช | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. ว. และสหายฯ |
5. บจก. เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ | บริษัทผู้ควบคุมงาน ในนามกิจการร่วมค้า พีเคดับบลิว |
6. กฤตภัฏ ปล่องกระโทก | กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บจก. เคพี คอนซัลแทนส์ฯ |
ในส่วนของเจ้าพนักงานของรัฐ ดีเอสไอได้ส่งข้อมูลพยานหลักฐานต่อให้ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 68 เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนเจ้าพนักงานของรัฐถึง 70 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มผู้บริหารองค์กรอิสระ
- กลุ่มคณะกรรมการที่เกี่ยวกับการดำเนินโครงการจ้างออกแบบ จ้างก่อสร้าง และจ้างควบคุมงาน
- กลุ่มคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว คาดว่าจะต้องรอจนกว่าจะมีข้อสรุปผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

ผู้สูญเสียและการเยียวยา
นอกจากเงินเยียวยาลูกจ้างจากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม และเงินเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติผ่านกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้ว ยังมีเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิต จากกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อี ซึ่งก็คือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) กรณีบาดเจ็บ 200,000 บาท กรณีเสียชีวิต 1 ล้านบาท
ในเดือนพฤษภาคมและสิงหาคมมีการมอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรวม 3 รอบ ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือแล้ว 80 คน ผู้บาดเจ็บ 9 คน รวมเป็นเงิน 81.8 ล้านบาท สภาทนายความเปิดเผยว่ายังเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับเงินอีก 11 คน ซึ่งเป็นผู้มีสัญชาติเมียนมาและกัมพูชา ที่ไม่สามารถเดินทางมายื่นหลักฐานแสดงตัวตนได้เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียด
เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนี้ไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดี ผู้เสียหายยังมีสิทธิในการฟ้องร้องทางอาญาและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งได้
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมีกำหนดจ่ายให้ผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 91 คน แต่ผลการพิสูจน์เอกลักษณ์ผู้เสียชีวิตที่ยืนยันได้และส่งคืนญาติมี 93 คน
จากการแถลงปิดศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลกรณีตึก สตง.ถล่ม เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 68 สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่าได้มีการตรวจพิสูจน์ด้วย 3 วิธี คือการตรวจเปรียบเทียบสารพันธุกรรม (DNA) การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และการตรวจข้อมูลทันตกรรม จากศพ 80 คน และชิ้นส่วนศพ 316 ชิ้น
พบว่ามีผู้เสียชีวิตรวม 95 คน สามารถยืนยันตัวบุคคลและส่งร่างให้ญาติแล้ว 93 คน เป็นชาวไทย 64 คน ชาวเมียนมา 25 คน ชาวกัมพูชา 3 คน และชาวลาว 1 คน เหลือที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ 2 คนซึ่งไม่พบมีความสัมพันธ์กับฐานข้อมูลญาติที่มีอยู่ ไม่อาจทราบชื่อและสัญชาติได้ ซึ่งจะเก็บร่างผู้ที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ไว้ที่สถาบันนิติเวชวิทยาต่อไป
ทั้งหมดนี้เป็นความคืบหน้าล่าสุดหลังเกิดเหตุ ตึก สตง. ถล่ม ครบครึ่งปี ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่า หลังจากนี้ทั้งการเยียวยาให้ผู้เสียชีวิตและคดีความจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมหรือไม่จะมีการขยายวงเอาผิดไปถึงใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ต่อไป