เร่งดัน ‘พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา’ เข้า ครม. หวังจัดการ Fake news พยากรณ์อากาศ

รองอธิบดีกรมอุตุฯ ย้ำ กำหนดบทลงโทษข่าวปลอมพยากรณ์อากาศ ทำประชาชนตื่นตระหนก เศรษฐกิจประเทศเสียหาย พร้อมวางมาตรฐานการพยากรณ์ให้แม่นยำมากขึ้น

กรมอุตุนิยมวิทยา ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนต่อร่างกฎหมายพระราชบัญญัติอุตุนิยมวิทยา พ.ศ. … (พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา) ผ่านออนไลน์ระบบกลางกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. – 18 มิ.ย. 68 (ร่วมแสดงความคิดเห็นได้…ที่นี่) โดยระบุคำอธิบายร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า เนื่องจากงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านอุตุนิยมวิทยา ยังไม่มีกฎหมายกำหนดบทบาทให้กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นหน่วยงานด้านการพยากรณ์อากาศ และการเตือนภัยธรรมชาติที่ชัดเจนเพียงแห่งเดียว เพื่อป้องกันความสับสน ปัญหาข่าวปลอมที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤต ซึ่งอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศ

รวมทั้งปัจจุบันมีเอกชนให้บริการด้านข้อมูลอุตุนิยมวิทยา ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการอุตุนิยมวิทยา เครื่องมือทางอุตุนิยมวิทยาไม่มีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน การไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน และไม่มีบทกำหนดโทษโดยเฉพาะ ทำให้ผู้กระทำความผิดไม่มีความเกรงกลัว จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายกำหนดอำนาจหน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยาในการดำเนินกิจการอุตุนิยมวิทยา เพื่อกำกับดูแลหรือควบคุมการให้ข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา กำหนดมาตรฐานเครื่องมือทางอุตุนิยมวิทยา

นัฐวุฒิ แดนดี รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯ อยู่ระหว่างเร่งผลักดัน พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา หากกระบวนการเสร็จทุกขั้นตอนก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เมื่อได้รับการอนุมัติก็จะส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องมีกฎหมายดังกล่าว เพราะข้อมูลสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา มีหลายภาคส่วนนำข้อมูลไปสร้างเนื้อหาสื่อสารออกไปแบบไม่มีเอกภาพ หรืออาจเป็นข่าวปลอม (Fake news) สร้างความตื่นตระหนก หรือสร้างความเสียหายอื่น ๆ  เช่น กระทบภาคการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายลงโทษผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอมได้ ดังนั้นจึงได้กำหนดบทลงโทษในกฎหมาย พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา

อีกทั้งประเทศไทยยังไม่มีสถาบันการเรียนรู้ทางด้านอุตุนิยมวิทยา ที่เปิดสอนโดยตรง ซึ่งควรมีช่องทางเรียนรู้ และเป็นสถาบันที่จะรับรองผู้ที่ทำงานทางด้านอุตุวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวข้องทางด้านการบิน ซึ่งผู้ที่จะปฏิบัติงานทางด้านนี้ต้องมีใบรับรองจบหลักสูตรจากสถาบันที่มีมาตรฐานตามที่ทางกรมอุตุนิยมวิทยากำหนด

นัฐวุฒิ แดนดี รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมอุตุนิยมวิทยา

นอกจากนี้ในด้านการหารายได้ บางข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา สามารถที่จะจัดเก็บรายได้ในเชิงพาณิชย์ เช่น งานด้านการบิน ซึ่งมีการนำข้อมูลไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยตรง โดยตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ กำหนดให้กรมอุตุนิยมวิทยา สามารถเรียกเก็บเงินการใช้ข้อมูลทางด้านการบินได้ แต่กรมอุตุนิยมวิทยากลับไม่มีกฎหมายรองรับที่กำหนดว่าจะต้องเก็บรายได้ของข้อมูลในลักษณะแบบไหน และจะนำเงินไปใช้ในลักษณะไหนได้ หรือหลักเกณฑ์การเรียกเงินจากผู้ใช้บริการข้อมูล กรมอุตนิยมวิทยาก็ยังไม่มีกฎหมายดำเนินการได้  

รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา บอกด้วยว่า พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา จะมีการกำหนดกฎหมายให้สามารถเรียกเก็บเงินจากข้อมูลที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ เพื่อจะนำเงินที่เป็นเงินนอกงบประมาณไปใช้ในการพัฒนางานด้านอุตุนิยมวิทยาการบิน เพราะเป็นสิ่งที่ถูกกำกับอย่างเข้มงวดจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจะทำให้งานด้านนี้มีมาตรฐาน และยั่งยืน รวมถึงยังทำให้บุคลากรมีศักยภาพในการทำงาน

ส่วนการร่วมมือกับภาคส่วนอื่น รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อธิบายว่า จะเป็นลักษณะในเชิงการนำเครื่องพยากรณ์อากาศเข้าไปติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่ใช่สถานที่ราชการ หรือ เป็นพื้นที่ป่า และชุมชน เพราะการนำเครื่องมือที่ได้มาตรฐานเข้าไปติดตั้งในพื้นที่จะได้ข้อมูลพยากรณ์อากาศที่มีความแม่นยำสูงมากขึ้น และข้อมูลที่ได้ก็จะมีความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่ด้วย ซึ่งจะส่งผลถึงต่อประสิทธิการเตือนภัยในพื้นที่นั้น ๆ

อ่านข่าวอื่น

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active